![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/a535a1af162e3d9c89952778c7969e2e?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
ความงามของความเงียบ
#1
โพสต์เมื่อ 12 April 2009 - 12:09 PM
มิน่าเล่าถนนสายนี้จึงมีโรงพยาบาลและคลินิกหู(คอจมูก) คั่นทุกๆ หลายช่วงตึก!
สีลมเป็นเพียงหนึ่งในถนนใหญ่หลายสิบสายที่พลุกพล่านด้วยคน รถ และยามซึ่งนิยมใช้นกหวีดมากกว่าสัญญาณมือ ที่แปลกก็คือไม่ค่อยมีใครคิดว่านี่เป็นเรื่องแปลก ไม่เห็นใครบ่นอะไร แต่ละคนก้มหน้าก้มตาเดินไป ยามก็ตั้งหน้าตั้งตาเป่านกหวีด คนขับรถก็กดแตรไป
ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้หรือรู้แต่ลืมไปแล้วก็คือ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเกิน 85 เดซิเบลนานๆ เป็นอันตรายต่อหูมนุษย์ และเสียงนกหวีดกับเสียงแตรรถนั้นเกินระดับ 85 เดซิเบลไม่น้อย
นี่คือรายการเดซิเบลของเสียงต่างๆ :
เสียงคุยกันปกติ 50-60 เดซิเบล
นาฬิกาปลุก 70-80 เดซิเบล
เสียงตะโกน 90-100 เดซิเบล
เสียงแตรรถยนต์ 110 เดซิเบล
ฟ้าร้อง / ไนท์คลับ / ร็อค คอนเสิร์ต 120 เดซิเบล
ลูกโป่งแตก 150 เดซิเบล
ประทัด 120-140 เดซิเบล
เครื่องบินขึ้นฟ้า 150-180 เดซิเบล
คุณไม่ควรอยู่ในสภาวะเสียงที่ดัง 80-90 เดซิเบลนานกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน การฟังเสียงดัง 115 เดซิเบลนานเพียงสิบห้านาทีต่อวัน สามารถทำลายเยื่อแก้วหูได้ เกิน 110 เดซิเบลขึ้นไปเป็นอันตรายต่อหู เกิน 180 เดซิเบลคือหูพัง
จำไว้ง่ายๆ คือ ทุกๆ 5 เดซิเบลที่เพิ่มขึ้น ให้ลดเวลาที่อยู่กับเสียงนั้นลงครึ่งหนึ่ง
หากคุณชอบฟังเพลงดนตรีในผับที่ระดับเสียง 100 เดซิเบล ก็ไม่ควรขลุกอยู่ในนั้นเกินสิบห้านาที มิเช่นนั้นวันหนึ่งคุณอาจตื่นขึ้นมาพบว่าโลกใบนี้เงียบผิดปกติ
วิถีชีวิตของเราเกี่ยวข้องกับเสียงดังจนมันกลายเป็นเรื่องปกติ นอกจากเสียงจอแจของจราจร เมื่อเข้าสำนักงานก็ได้ยินเสียงด่าของเจ้านาย (มักได้ยินชัดเจนจากทุกมุมสำนักงาน) เสียงเพลงในที่ทำงาน (คนไทยเรามักใจดีอยากให้เพื่อนทุกคนในสำนักงานได้ยินเพลงที่เราชอบด้วย) ฯลฯ
ทุกวันคนขายผักผลไม้แถวบ้านผมขับ 'ยานเวลา' มาขายไข่ไก่ ผักกาดขาว ส้ม ทุเรียน ลำไย เงาะ ถึงหน้าบ้าน
ยานเวลา นี้ย่อมาจากคำว่า 'หย่อนยานเรื่องเวลา' นั่นคือใช้เครื่องขยายเสียงประกาศขายไข่ไก่ ผักกาดขาว ผักคะน้า ฯลฯ กันสองเวลา คือตอนห้าทุ่มเมื่อหลายคนหลับไปแล้ว กับตีห้าก่อนไก่หลายตัวโก่งคอขัน!
แม้กระทั่งในสถานที่ที่ไม่ควรมีเสียงอย่างที่สุดเช่น สวนสาธารณะ ก็ยังเต็มไปด้วยมลพิษทางเสียง สวนสาธารณะในบ้านเรานิยมใช้เครื่องขยายเสียง ตั้งแต่การประกาศห้ามพาหมามาเดิน ไปจนถึงการใช้ไมโครโฟนร้องเพลงคาราโอเกะอย่างสุขสม
ในช่วงเทศกาลรื่นเริง เรามักเห็นการจัดปาร์ตี้ยามดึกดื่นพร้อมเสียงดนตรีดังจากท้ายซอยถึงต้นซอย
เมื่อขึ้นแท็กซี่ น้อยครั้งคุณจะพบคันที่ไม่เปิดวิทยุ
เราเป็นชาติที่หนวกหูที่สุดชาติหนึ่งในโลก!
มนุษย์เมืองหลวงเคยชินกับเสียงเหล่านี้จนมองไม่เห็นว่ามันไม่ปกติ
สุภาษิตโบราณว่า ถ้าทุกคนพูดพร้อมกัน ก็จะไม่มีใครได้ยิน
อาจจะจริง ถ้าเรายังไม่ยอมลดการใช้เสียงดังอย่างนี้ วันหนึ่งก็จะไม่มีใครได้ยินจริงๆ
การแก้ปัญหามลพิษเสียงก็เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาจราจรและอีกหลายๆ ปัญหา นั่นคือแก้ที่คน ไม่ใช่ป้ายห้ามใช้เสียง แก้ด้วยหลักง่ายๆ : "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
อย่าทึกทักว่าคนอื่นชอบเพลงที่คุณชอบ อย่าสรุปว่าคนอื่นอยากฟังคุณร้องเพลง ถ้าไม่ชอบเสียงนกหวีดข้างหูคุณ คนอื่นก็ไม่ชอบ ถ้าไม่อยากให้ใครมาตะโกนตะคอกใส่ ก็ไม่ตะโกนตะคอกใส่คนอื่น
เงียบๆ ไว้บ้าง โลกจะสดใสขึ้นมาก
เดินเงียบๆ คิดเงียบๆ ทำงานเงียบๆ
เมื่อโลกเงียบลง คุณอาจจะได้ยินเสียงแมลงกระซิบกัน เสียงลมพัด เสียงใบไม้ไหว เสียงนกบอกรัก
ที่สำคัญที่สุด คุณจะได้ยินเสียงความคิดและเสียงหัวใจของคุณชัดขึ้น
#2
โพสต์เมื่อ 12 April 2009 - 01:09 PM
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
ที่สำคัญที่สุด คุณจะได้ยินเสียงความคิดและเสียงหัวใจของคุณชัดขึ้น
![red_smile.gif](style_emoticons/default/red_smile.gif)
- เสียงลมพัด...วิ๊วๆๆ....มาแน่ๆ
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
- เสียงใบไม้ไหว...พรึบๆ...ต้องมาหล่อองค์พระประจำตัวด้วยกัน
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
- เสียงนกบอกรัก...จิ๊บๆ...และถวายมหาสังฆทาน 3หมื่นวัดด้วยนะจ๊ะ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
- เสียงความคิด....ทุ่มสุดฤทธิ์ ปิดเจดีย์...
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
- เสียงหัวใจ....ตุบตุบ...ตุบตุบ...ชิตังเม...
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ไฟล์แนบ
#3
โพสต์เมื่อ 12 April 2009 - 02:04 PM
#4
โพสต์เมื่อ 13 April 2009 - 04:31 PM
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
#5
โพสต์เมื่อ 15 April 2009 - 08:30 PM
#6
โพสต์เมื่อ 15 April 2009 - 08:57 PM
สรุปจบเยี่ยมด้วย...สุโค่ยครับสุโค่ย
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
คุณWISHผมชอบคคห.ของคุณมากนะครับเหมือนที่คุณอนุบาลเสียงใส
ว่าไว้เข้าประเด็นได้ดี...แต่ผมชอบภาพประกอบมากกว่าน่ารักดีจัง
อนุโมทนาบุญด้วยครับ...
ปล.ผมอ่านกระทู้นี้และแอบอมยิ้มแบบเงียบๆนะครับคงใช้เสียงไม่เกิน10เดซิเบล
![red_smile.gif](style_emoticons/default/red_smile.gif)
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#7
โพสต์เมื่อ 16 April 2009 - 03:07 AM
แถมต้องนั่งอมยิ้ม พร้อมกับมีเสียง หึ หึ เล็ดลอดออกมาเล็กๆ จากการอ่านความเ็ห็นของคุณ wish
อ่ะนะคะ มีความสามารถในการสร้างสีสรรค์ แถมพาเข้าประเด็นได้อย่างรวดเร็ว
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#8
โพสต์เมื่อ 29 April 2009 - 10:13 AM
"เมื่อโลกเงียบลง คุณอาจจะได้ยินเสียงแมลงกระซิบกัน เสียงลมพัด เสียงใบไม้ไหว เสียงนกบอกรัก
ที่สำคัญที่สุด คุณจะได้ยินเสียงความคิดและเสียงหัวใจของคุณชัดขึ้น "
#9
โพสต์เมื่อ 03 May 2009 - 10:02 PM
ผู้ที่ใจสงบแล้ว เมื่ออยู่ที่สงบเงียบ จะรู้สึกอิ่มเอมและสบายใจ
#10
โพสต์เมื่อ 13 May 2009 - 07:15 PM
อ่านแล้วชอบ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ขออนุญาตนำไป post ต่อนะคะ