เรื่องราวก็อยู่ว่าวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูสัตวโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นอุปนิสัยของอุทัยพราหมณ์ว่าจะได้บรรลุธรรม จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎีเพียงลำพังพระองค์เดียว เสด็จถึงประตูเมือง นำบาตรออกแล้วเสด็จเข้าไปในเมือง ทรงดำเนินไปประทับยืนที่ซุ้มประตูบ้านของพราหมณ์ ด้วยพระอากัปกิริยาที่น่าเลื่อมใส
ขณะนั้นเอง อุทัยพราหมณ์กำลังจะออกไปข้างนอก เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับยืนสงบนิ่งอยู่หน้าบ้าน แม้ไม่รู้ว่าเนื้อนาบุญที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกมาโปรดถึงบ้าน และไม่ได้เต็มใจคิดที่จะถวายทานเลย แต่ก็ได้ถวายโภชนะที่ภรรยาจัดแจงไว้สำหรับตัวเอง ถวายจนเต็มบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยไม่ได้พูดจา หรือสนทนาอะไรกับพระพุทธองค์[/color] ในวันที่ ๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาบิณฑบาตที่บ้านของอุทัยพราหมณ์อีก พราหมณ์ก็ได้ถวายอาหารจนเต็มบาตรอีกเช่นกัน แม้ในวันที่ ๓ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จมาบิณฑบาตที่บ้านของพราหมณ์อีก พราหมณ์ก็ได้ใส่โภชนาหารถวายจนเต็มบาตรอีก แม้อุทัยพราหมณ์ถวายจนเต็มบาตรตลอด ๓ วัน แต่แท้จริงแล้วมิได้ถวายด้วยศรัทธา ที่ทำไปเพราะกลัวจะถูกชาวบ้านแถบนั้นนินทาว่า มีพระมาโปรดถึงประตูบ้านแล้วแม้อาหารมีอยู่ตรงหน้าก็ไม่ยอมถวายพระ แต่ในวันนี้ พราหมณ์ทนไม่ไหว มาอะไรกันได้บ่อยๆ ทันทีที่ถวายอาหารแล้วจึงทูลถามว่า "พระสมณโคดม พระองค์ทรงติดใจในรสอาหารของข้าพเจ้าหรือ ถึงได้เสด็จมาบ่อยๆ" เมื่อทรงได้จังหวะ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสอนอานิสงส์ของการให้ทานว่า
ปุนปฺปุนํ เจว วปนฺติ พีช ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา
ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา ปุนปฺปุนํ ธญฺญมุเปนฺติ รฏฺฐํ
ปุนปฺปุนํ ยาจกา ยาจยนฺต ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺต
ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ ฐาน
ปุนปฺปุนํ ขีรณิกา ทุหนฺต ปุนปฺปุนํ วจฺโฉ อุเปติ มาตร
ปุนปฺปุนํ กิลมติ ผนฺทติ จ ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท
ปุนปฺปุนํ ชายติ มิยฺยติ จ ปุนปฺปุนํ สีวถิกํ หรนฺต
มคฺคญฺจ ลทฺธา อปุนพฺภวาย ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปญฺโญ
ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา ปุนปฺปุนํ ธญฺญมุเปนฺติ รฏฺฐํ
ปุนปฺปุนํ ยาจกา ยาจยนฺต ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺต
ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ ฐาน
ปุนปฺปุนํ ขีรณิกา ทุหนฺต ปุนปฺปุนํ วจฺโฉ อุเปติ มาตร
ปุนปฺปุนํ กิลมติ ผนฺทติ จ ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท
ปุนปฺปุนํ ชายติ มิยฺยติ จ ปุนปฺปุนํ สีวถิกํ หรนฺต
มคฺคญฺจ ลทฺธา อปุนพฺภวาย ปุนปฺปุนํ ชายติ ภูริปญฺโญ
กสิกรย่อมหว่านพืชบ่อยๆ ฝนย่อมตกบ่อยๆ ชาวนาย่อมไถนาบ่อยๆ แว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์บ่อยๆ ยาจกย่อมขอบ่อยๆ ทานบดีก็ให้บ่อยๆ ทานบดีให้บ่อยๆ แล้วก็เข้าถึงสวรรค์บ่อยๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อยๆ ลูกโคย่อมเข้าหา แม่โคบ่อยๆ บุคคลย่อมลำบากและดิ้นรนบ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและตายบ่อยๆ คนทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วนผู้มีปัญญา ถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก"
นั่นคือ หากจะทำบุญก็ต้องทำบุญบ่อยๆ จนกว่าบารมีจะเต็มเปี่ยม แล้วได้บรรลุธรรม ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก และทรงเทศนาให้ฟังตามลำดับ อุทัย-พราหมณ์พร้อมด้วยบุตรภรรยาต่างปล่อยใจไปตามกระแส พระธรรมเทศนา ในที่สุดได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ท่านได้ถวายบังคมแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า และยอมตนเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต
จากเนื้อเรื่องข้างต้นแสดงให้เห็นว่า หากได้พบเนื้อนาบุญผู้มีจิตบริสุทธิ์จริงๆ (ไม่ได้เป็นผู้ลวงโลก) แล้วท่านชักชวนสร้างบุญบ่อยๆ ก็ขอให้ทำบุญนั้นด้วยจิตศรัทธาแล้วความเต็มใจทุกครั้ง ทั้งทำเองและชักชวนผู้อื่นด้วย
เพื่อเป็นกำลังบารมีของเราต่อไป จนกว่าจะถึงเป้าหมายปลายทาง