เพิ่งจบการอบรมธทญ มาน่ะคะ
อยู่บ้านมาได้ 5 วันแล้ว เริ่มรู้สึกว่าความขี้เกียจกำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นๆ
กลัวคะ กลัวจะขี้เกียจนั่งธรรมะ กลัวจะขี้เกียจดูแลตัวเอง
กลัวจะขี้เกียจจัดการบ้านให้เรียบร้อย
ทำไงให้เรามีกำลังใจไม่ตกในการรักษานิสัยดีๆ ต่อไปเรื่อยๆน่ะคะ
มีใครมีไอเดียอะไรบ้างไหม??
![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-1322.jpg?_r=1407865289)
BrianStroming ทำไงให้เลิกขี้เกียจกันดีนะ ??
เริ่มโดย หรรษา, May 18 2009 03:21 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 18 May 2009 - 03:21 PM
#2
โพสต์เมื่อ 18 May 2009 - 08:54 PM
ทบทวนอบายมุข 6 นะ
1. ดื่มน้ำเมา
2. เที่ยวกลางคืน
3. เที่ยวดูการละเล่น
4. เล่นการพนัน
5. คบคนชั่วเป็นมิตร
6. เกียจคร้านการทำงาน หนึ่งเดียวที่เป็นศัตรูของนักสร้างบารมี
เกียจคร้านการทำงานมีโทษ 6 คือ
1. มักให้อ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
2. มักให้อ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
3. มักให้อ้างว่า เวลาเย็น แล้วไม่ทำงาน
4. มักให้อ้างว่า เวลายังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
5. มักให้อ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
6. มักให้อ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน
มงคลชีวิต ๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ธรรมในที่นี้ก็คือหลักปฏิบัติที่ทำแล้วมีผลในทางดีและเป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดแนะทางไว้
คนที่ประมาทในธรรมนั้นมีลักษณะที่สรุปได้ดังนี้คือ
๑.ไม่ทำเหตุดี แต่จะเอาผลดี
๒.ทำตัวเลว แต่จะเอาผลดี
๓.ทำย่อหย่อน แต่จะเอาผลมาก
สิ่งที่ไม่ควรประมาทได้แก่
๑.การประมาทในเวลา คือการปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ หรือผลัดวันประกันพรุ่ง
๒.การประมาทในวัย คือคิดว่าอายุยังน้อย ไม่ต้องทำความเพียรก็ได้เพราะยังต้องมีชีวิตอยู่อีกนาน
๓.การประมาทในความไม่มีโรค คือคิดว่าตัวเองแข็งแรงไม่ตายง่ายๆ ก็ปล่อยปละละเลย
๔.การประมาทในชีวิต คือการไม่กำหนดวางแผนถึงอนาคต คิดอยู่แต่ว่ายังมีชีวิตอยู่อีกนาน
๕.การประมาทในการงาน คือไม่ขยันตั้งใจทำให้สำเร็จ ปล่อยตามเรื่องตามราว หรือปล่อยให้ดินพอกหางหมู
๖.การประมาทในการศึกษา คือการไม่คิดศึกษาเล่าเรียนในวัยที่ควรเรียน หรือขาดความเอาใจใส่ที่เพียงพอ
๗.การประมาทในการปฏิบัติธรรม คือการไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาหรือศึกษาหลักธรรมให้ถ่องแท้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
1. ดื่มน้ำเมา
2. เที่ยวกลางคืน
3. เที่ยวดูการละเล่น
4. เล่นการพนัน
5. คบคนชั่วเป็นมิตร
6. เกียจคร้านการทำงาน หนึ่งเดียวที่เป็นศัตรูของนักสร้างบารมี
![dont_tell_anyone_smile.gif](style_emoticons/default/dont_tell_anyone_smile.gif)
เกียจคร้านการทำงานมีโทษ 6 คือ
1. มักให้อ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
2. มักให้อ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
3. มักให้อ้างว่า เวลาเย็น แล้วไม่ทำงาน
4. มักให้อ้างว่า เวลายังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
5. มักให้อ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
6. มักให้อ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน
มงคลชีวิต ๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ธรรมในที่นี้ก็คือหลักปฏิบัติที่ทำแล้วมีผลในทางดีและเป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดแนะทางไว้
คนที่ประมาทในธรรมนั้นมีลักษณะที่สรุปได้ดังนี้คือ
๑.ไม่ทำเหตุดี แต่จะเอาผลดี
๒.ทำตัวเลว แต่จะเอาผลดี
๓.ทำย่อหย่อน แต่จะเอาผลมาก
สิ่งที่ไม่ควรประมาทได้แก่
๑.การประมาทในเวลา คือการปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ หรือผลัดวันประกันพรุ่ง
๒.การประมาทในวัย คือคิดว่าอายุยังน้อย ไม่ต้องทำความเพียรก็ได้เพราะยังต้องมีชีวิตอยู่อีกนาน
๓.การประมาทในความไม่มีโรค คือคิดว่าตัวเองแข็งแรงไม่ตายง่ายๆ ก็ปล่อยปละละเลย
๔.การประมาทในชีวิต คือการไม่กำหนดวางแผนถึงอนาคต คิดอยู่แต่ว่ายังมีชีวิตอยู่อีกนาน
๕.การประมาทในการงาน คือไม่ขยันตั้งใจทำให้สำเร็จ ปล่อยตามเรื่องตามราว หรือปล่อยให้ดินพอกหางหมู
๖.การประมาทในการศึกษา คือการไม่คิดศึกษาเล่าเรียนในวัยที่ควรเรียน หรือขาดความเอาใจใส่ที่เพียงพอ
๗.การประมาทในการปฏิบัติธรรม คือการไม่ปฏิบัติสมาธิภาวนาหรือศึกษาหลักธรรมให้ถ่องแท้ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#3
โพสต์เมื่อ 18 May 2009 - 09:06 PM
น้องมีโอกาสที่ดีได้การฝึกตนมาแล้ว พยายามประคับประคองตัวเองให้ได้นะคะ สู้ๆคะ
#4
โพสต์เมื่อ 18 May 2009 - 09:57 PM
คิดถึงความตายเข้าไว้ครับ ตาย...หายใจเข้า ตาย...หายใจออก
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย
#5
โพสต์เมื่อ 18 May 2009 - 11:18 PM
โอ้โห้ ไม่ต้อง Brianstrom เลย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ครบหมดทุกข้อเลย
^-^ เป็นลูกพระพุทธเจ้าก็ดีอย่างนี้แหละเนอะ
ขอขอบคุณ นักเรียนอนุบาล WISH และ นักเรียนอนุบาล tor ด้วยนะคะ
ที่ช่วยเอาธรรมะดีๆมาฝาก
^-^ เป็นลูกพระพุทธเจ้าก็ดีอย่างนี้แหละเนอะ
ขอขอบคุณ นักเรียนอนุบาล WISH และ นักเรียนอนุบาล tor ด้วยนะคะ
ที่ช่วยเอาธรรมะดีๆมาฝาก
#6
โพสต์เมื่อ 19 May 2009 - 12:24 PM
อย่าได้กลัวไปก่อนเลยครับ หากเราได้ฝึกนิสัยของเราให้ขยันจนความขยันติดเป็นนิสัยแล้ว เราก็จะไม่กังวลว่าจะขี้เกียจน่ะครับ
เหมือนการหายใจ ไม่มีกังวลกลัวตัวเองจะขี้เกียจหายใจ ใช่มั้ยครับ เพราะการหายใจมันเป็นการปฏิบัติตัวอย่างเป็นธรรมชาติไปเสียแล้ว
ให้ทำให้ความขยันเป็นการปฏิบัติตัวอย่างเป็นธรรมชาติของเราสิครับ ถึงตอนนั้นจะขี้เกียจไม่เป็นทีเดียวเชียวล่ะ
เหมือนการหายใจ ไม่มีกังวลกลัวตัวเองจะขี้เกียจหายใจ ใช่มั้ยครับ เพราะการหายใจมันเป็นการปฏิบัติตัวอย่างเป็นธรรมชาติไปเสียแล้ว
ให้ทำให้ความขยันเป็นการปฏิบัติตัวอย่างเป็นธรรมชาติของเราสิครับ ถึงตอนนั้นจะขี้เกียจไม่เป็นทีเดียวเชียวล่ะ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร