คำถามครับ
นาย ดำ โกรธนายดีจึงจองเวรกับนาย ดี โดยพูดว่าจะจองเวรกับนายดีตลอดทุกชาติ แต่นายดีไม่ถือโทษ และไม่โกรธตอบและอโหสิกรรมให้กับนายดำ
การผูกเวรยังจะมีต่อกันไปทุกชาติหรือไม่ เพราะนายดีรู้ว่า เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จึงไม่ผูกเวรด้วย
สัตว์เดรัจฉาน เขามีการผูก เวร กับ มนุษย์ ด้วยหรือไม่ เพราะเขาไม่สามารถพูดเป็นภาษามนุษย์ได้
และการที่จะทำให้ เวรระงับไม่จองเวรกัน มีขั้นตอนยังไงครับ
การขออโหสิกรรม กับผู้ที่ ตายไปแล้ว จะทำให้ การจองเวร ระงับ ลงได้หรือไม่ครับ
***ผูกอาฆาตจองเวร***
เริ่มโดย สาคร, Jun 12 2009 10:43 AM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:43 AM
#2
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 11:21 AM
สัตว์เดรัจฉานก็มีแน่นอนค่ะ การจองเวรนั้นอยู่ที่ดวงจิตค่ะ ด้วยแรงอาฆาตที่เราไปทำร้ายเขา การระงับด้วยการไม่จองเวร นายดำทำถูกแล้วค่ะ เพราะการให้ที่ดีที่สุดและสูงสุดคือการ อภัยทาน ส่วนนายดำที่จองเวรอยู่ถ้านายดีหมั่นทำบุญ ทำทานไม่ว่าจะทำในลักษณะไหน แล้อุทิศให้แก่นายดำ นายดำก็อ่อนดวงจิตที่อาฆาตนายดีแองหล่ะค่ะ นายดำนี้น่าสงสารนะคะ เพราะนายดำจะมีกิเลส หรือไฟเผาดวงจิต ตลอดเวลา จะไม่มีความสุข แม้แต่เป็นวิญญาณอยู๋หรือเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ และนายดีควรหมั่นสร้างกรรมดีไว้ให้ตลอดนะคะ กรรมที่ไม่ดีจะได้ตามไม่ทัน
#3
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 12:00 PM
พยาบาท คือ ความคิดร้าย ความรู้สึกไม่ชอบใจสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ได้แก่ ความขุ่นใจ ความ
ขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ ความโกรธ ความผูกโกรธ ความเกลียด ความผูกใจเจ็บ การ
มองในแง่ร้าย การคิดร้าย มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้ใจกระสับกระส่ายไม่เป็นสมาธิ และจัดเป็นไฟประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเผาลนจิตใจของชาวโลกให้เดือดร้อนกระวนกระวาย ท่านเรียกไฟกองนี้ว่า โทสัคค
- ไฟคือโทสะ
กิเลสนี้มีความก่อตัวขึ้นมาตามลำดับดังนี้
ครั้งแรก ถ้าไม่พอใจสัตว์หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว จิตก็จะเกิด ปฏิฆะ - ความกระทบกระทั่งจิต
ถ้าห้ามไว้ไม่อยู่ก็จะพุ่งตัวขึ้นไปเป็น โกธะ - ความโกรธ ถ้ายับยั้งความโกรธไว้ไม่อยู่ก็จะกลายเป็น
โทสะ - ความเกรี้ยวกราด อาจจะด่าว่าหรือทำร้ายผู้อื่นที่ตนไม่พอใจ ถ้ายับยั้งโทสะไว้ไม่ได้ก็จะกลายเป็น
พยาบาท - ความผูกใจเจ็บ หรือความอาฆาตเคียดแค้น เป็นนิวรณ์ตัวนี้ ถ้าความอาฆาตแค้นนั้นมีมาก ก็
จะก่อตัวขึ้นเป็นการจองเวร
ลักษณะของพยาบาทกับการจองเวรต่างกันในข้อที่ว่า พยาบาท - การผูกใจเจ็บนั้น ถ้าสามารถ
แก้แค้นได้แล้วอาจจะหายได้ ส่วนการจองเวรนั้นแม้ได้แก้แค้นแล้วก็ยังไม่หาย คือต้องล้างผลาญกันไป
ทุกภพทุกชาติ
การผูกพยาบาทนั้น เหมือนกับการผูกเชือกที่มีเงื่อนเป็น ส่วนการจองเวรเหมือนการผูกเชือกที่มีเงื่อนตาย คือแก้ยาก เวรจึงมีความร้ายแรงกว่าพยาบาท แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นไฟหรือนิวรณ์ที่กั้นจิตของเราไม่ให้เกิดความสงบสุขได้ เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นต้องทำลายนิวรณ์ตัวนี้เสียก่อนจึงจะทำใจให้สงบได้
ที่มาคะ http://main.dou.us/v...?s_id=21&page=5
ขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ ความโกรธ ความผูกโกรธ ความเกลียด ความผูกใจเจ็บ การ
มองในแง่ร้าย การคิดร้าย มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้ใจกระสับกระส่ายไม่เป็นสมาธิ และจัดเป็นไฟประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเผาลนจิตใจของชาวโลกให้เดือดร้อนกระวนกระวาย ท่านเรียกไฟกองนี้ว่า โทสัคค
- ไฟคือโทสะ
กิเลสนี้มีความก่อตัวขึ้นมาตามลำดับดังนี้
ครั้งแรก ถ้าไม่พอใจสัตว์หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว จิตก็จะเกิด ปฏิฆะ - ความกระทบกระทั่งจิต
ถ้าห้ามไว้ไม่อยู่ก็จะพุ่งตัวขึ้นไปเป็น โกธะ - ความโกรธ ถ้ายับยั้งความโกรธไว้ไม่อยู่ก็จะกลายเป็น
โทสะ - ความเกรี้ยวกราด อาจจะด่าว่าหรือทำร้ายผู้อื่นที่ตนไม่พอใจ ถ้ายับยั้งโทสะไว้ไม่ได้ก็จะกลายเป็น
พยาบาท - ความผูกใจเจ็บ หรือความอาฆาตเคียดแค้น เป็นนิวรณ์ตัวนี้ ถ้าความอาฆาตแค้นนั้นมีมาก ก็
จะก่อตัวขึ้นเป็นการจองเวร
ลักษณะของพยาบาทกับการจองเวรต่างกันในข้อที่ว่า พยาบาท - การผูกใจเจ็บนั้น ถ้าสามารถ
แก้แค้นได้แล้วอาจจะหายได้ ส่วนการจองเวรนั้นแม้ได้แก้แค้นแล้วก็ยังไม่หาย คือต้องล้างผลาญกันไป
ทุกภพทุกชาติ
การผูกพยาบาทนั้น เหมือนกับการผูกเชือกที่มีเงื่อนเป็น ส่วนการจองเวรเหมือนการผูกเชือกที่มีเงื่อนตาย คือแก้ยาก เวรจึงมีความร้ายแรงกว่าพยาบาท แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นไฟหรือนิวรณ์ที่กั้นจิตของเราไม่ให้เกิดความสงบสุขได้ เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นต้องทำลายนิวรณ์ตัวนี้เสียก่อนจึงจะทำใจให้สงบได้
ที่มาคะ http://main.dou.us/v...?s_id=21&page=5
#4
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 12:37 PM
ตอบคำถามที่ 1 ก็ถือว่าเป็นการจองเวรฝ่ายเดียว ตัวอย่าง คือ เทวทัต จองเวรพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ชาติที่เป็นพ่อค้า ไปซื้อถาดทองคำ ซึ่งเป็นการจองเวรฝ่ายเดียว ถ้าไม่อโหสิกรรมต่อกัน ก็จะผูกเวรไปเรื่อยๆจนกว่าอีกฝ่ายจะไปนิิพพาน
ตอบคำถามข้อ 2 สัตว์เดรัจฉาน ก็ผูกเวรได้ เพราะมันก็มีชีวิตจิตใจ แม้มันพูดไมไ่ด้ เคยมี ตย. case study หลายเรื่องที่เคยออก DMC ที่ สัตว์จองเวรกับคน เมื่อชาติใด สัตว์ได้โอกาสมาเกิดเป็นคน เจอกันก็จะแก้แค้นเอาคืน ตามเวรที่ผูกไว้ เช่น วัวควายที่เลี้ยงไว้ใช้งาน พอมันแก่ เจ้าของก็เอามาฆ่ากิน มันก็จองเวร ว่าใช้งานมันแล้วยังมาฆ่ากันอีก เป็นต้น
ตอบคำถามที่ 3 การให้อโหสิกรรม ต่อกัน เป็นการตัดวงจรจองเวร ก็จะทำให้เลิกจองเวรต่อกัน แต่ในสังสารวัฏนี้ การเลิกจองเวรกันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วได้ฟังคำสอน แล้วเลิกจองเวรต่อกันต่อหน้าพระพระพุทธเจ้า เวรถึงระงับต่อกัน ตย. คือ ยักษิณี ที่จองเวร กับ หญิง ตามกินลูกเธอทุกคน เพราะจองเวร ที่ เธอฆ่าลูกเธอก่อน ในชาติที่เป็น เมียหลวง เมียน้อย ประมาณนั้นครับ
ตอบคำถามข้อ 2 สัตว์เดรัจฉาน ก็ผูกเวรได้ เพราะมันก็มีชีวิตจิตใจ แม้มันพูดไมไ่ด้ เคยมี ตย. case study หลายเรื่องที่เคยออก DMC ที่ สัตว์จองเวรกับคน เมื่อชาติใด สัตว์ได้โอกาสมาเกิดเป็นคน เจอกันก็จะแก้แค้นเอาคืน ตามเวรที่ผูกไว้ เช่น วัวควายที่เลี้ยงไว้ใช้งาน พอมันแก่ เจ้าของก็เอามาฆ่ากิน มันก็จองเวร ว่าใช้งานมันแล้วยังมาฆ่ากันอีก เป็นต้น
ตอบคำถามที่ 3 การให้อโหสิกรรม ต่อกัน เป็นการตัดวงจรจองเวร ก็จะทำให้เลิกจองเวรต่อกัน แต่ในสังสารวัฏนี้ การเลิกจองเวรกันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วได้ฟังคำสอน แล้วเลิกจองเวรต่อกันต่อหน้าพระพระพุทธเจ้า เวรถึงระงับต่อกัน ตย. คือ ยักษิณี ที่จองเวร กับ หญิง ตามกินลูกเธอทุกคน เพราะจองเวร ที่ เธอฆ่าลูกเธอก่อน ในชาติที่เป็น เมียหลวง เมียน้อย ประมาณนั้นครับ
#5
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 05:03 PM
น่ากลัวมากๆครับเรื่องการจองเวรถ้าใครมาทำไม่ดีกับเราเราก็ควรจะให้อภัยเขาอโหสิกรรมให้เขาครับ ถึงเขาจะจองเวรก็ให้อภัยเขาครับน่ากลัวจริงๆครับ
#6
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 07:30 PM
ช่างถามได้เหมือนกับเรื่องจริงของพระเทวทัตเลย ดังที่คุณ Somchet ได้อธิบายไว้ พระเทวทัติผูกเวรด้วยความมุ่งมั่นมาก ชาติไหนเจอพระพุทธเจ้าเป็นต้องจองเวร บ้างชาติก็ทำร้ายพระพุทธเจ้าได้ แต่บางชาติก็ทำไม่ได้ ซึ่งก็เนื่องมาจากกรรมของพระพุทธองค์เอง ถึงทำให้บางชาติพระเทวทัติสามารถจองเวรได้
การผูกเวรไปสิ้นสุดลง เมื่อพระพุทธเจ้าท่านเกิดในภพชาติสุดท้ายเลยทีเดียว
การผูกเวรไปสิ้นสุดลง เมื่อพระพุทธเจ้าท่านเกิดในภพชาติสุดท้ายเลยทีเดียว
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#7
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 08:56 PM
ผมก็นึกถึงเรื่องของพระเทวทัตก่อนเลยเหมือนกันครับ
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย
#8
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 08:57 PM
ขอให้อโหสิกรรม
และ ขออโหสิกรรม
สาธู๊
และ ขออโหสิกรรม
สาธู๊
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#9
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 10:15 PM
ขออโหสิกรรม กับเจ้ากรรม นายเวรทุกคน.
#10
โพสต์เมื่อ 12 June 2009 - 11:05 PM
นักเรียนอนุบาล somchet ตอบได้เคียร์แล้วละครับ ฟันธง!
"กุญแจวิเศษ"
#11
โพสต์เมื่อ 13 June 2009 - 09:53 AM
ทบทวนเรื่อง การจองเวรของพระเทวทัตในชาติแรกได้จาก เสรีววาณิชชาดก ครับ
http://84000.org/tip...ka.php?i=270003
http://84000.org/tip...ka.php?i=270003
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC