![แนบไฟล์](https://www.dmc.tv/forum/public/style_extra/mime_types/gif.gif)
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 3
บทว่า จกฺขุ
จกฺขุ ได้แก่จักษุ ๒ คือ ญาณจักษุ ๑ มังสจักษุ ๑.
ในจักษุ ๒ อย่างนั้น ญาณจักษุมี ๕ อย่าง คือ
1. พุทธจักษุ
2. ธรรมจักษุ
3. สมันตจักษุ
4. ทิพยจักษุ
5. ปัญญาจักษุ.
ในจักษุ ๕ อย่างนั้น
ที่ชื่อว่าพุทธจักษุ ได้แก่ อาสยานุสยญาณและอินทริยปโรปริยัตตญาณ ซึ่งมาในพระบาลีว่า
ทรงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ.
ที่ชี่อธรรมจักษุ ได้แก่มรรคจิต ๓ ผลจิต ๓
ซึ่งมาในพระบาลีว่า วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุ อุทปาทิ ธรรมจักษุ
ปราศจากกิเลสดุจธุลี ปราศจากมลทิน เกิดขึ้น.
ที่ชื่อว่า สมันตจักษุ
ได้แก่ สัพพัญญุตญาณ ที่มาในพระบาลีว่า ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ
สมันตจักษุขึ้นสู่ปราสาท.
ที่ชื่อว่า ทิพยจักษุ ได้แก่ ญาณที่เกิดขึ้นด้วยการขยายอาโลกกสิณ
ที่มาในพระบาลีว่า ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน ด้วยทิพยจักษุอันหมดจด.
ที่ชื่อว่า ปัญญาจักษุ ได้แก่ ญาณในการกำหนดสัจจะ ๔
ซึ่งมาในพระบาลีว่า จกฺขุ อุทปาทิ จักษุ ( ธรรมจักษุ )
เกิดขึ้นแล้ว.
มังสจักษุ
มังสจักษุ ก็มี ๒ อย่าง คือ สัมภารจักษุ ๑ ปสาทจักษุ ๑.
ใน ๒ อย่างนั้น ว่าโดยสังเขป ชิ้นเนื้ออันชั้นของตาล้อมไว้ในกระบอกตา มีองค์ประกอบ ๑๓ อย่าง คือ
ธาตุ ๔ วรรณะ คันธะ รสะ โอชา
สัมภวรูป ชีวิตรูป ภาวรูป จักษุปสาทรูป กายปสาทรูป.
แต่เมื่อว่าโดยพิสดาร
รูป ๙ เหล่านี้ คือ ธาตุ ๔ วรรณะ คันธะ รสะ โอชา
สัมภวรูป ว่าด้วยอำนาจสมุฏฐาน ๔ (๙ x ๔ ) เป็นรูป ๓๖ รูป ที่มีกรรม
เป็นสมุฏฐาน ๔ เหล่านี้ คือ ชีวิตรูป ๑ ภาวรูป ๑ จักษุปสาทรูป ๑
กายปสาทรูป ๑ จึงรวมเป็นสสัมภารรูป ๔๐ นี้ชื่อว่า สสัมภารจักษุ.
ก็ในสสัมภารจักษุรูปเหล่านี้
รูปใดที่สามารถเพื่ออันเห็นรูปที่ตั้งอยู่ในลูกตาที่เห็นได้แวดล้อมด้วยแววตาดำที่กำหนดไว้ด้วยลูกตาขาว
รูปนี้ ชื่อว่า ปสาทจักษุ.
(สรุปง่ายแบบคุณครูไม่ใหญ่ มังสจักษุ ก็คือ ตาเนื้อ โอ้ _/l\_ ด้วยความเคารพ... อ่านยากจังเลยเจ้าค่ะ ^^' )
----------------------------------
เวลาเราถวายประทีป วัดเราจะอธิษฐาน ขอให้ได้ จักษุ ทั้ง 5 ประการ (เว้น พุทธจักษุ) ด้วยเหตุฉะนี้หนอ สาธู๊