ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การนั่งสมาธิช่วยได้จริงรึ?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 9 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 เพื่อนสนิทของเธอ^^

เพื่อนสนิทของเธอ^^
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 10:14 AM

ถ้าหากว่าผมฝืนนั่งสมาธิไปเรื่อยๆทุกวัน

จะช่วยลดอาการคิดมากได้จริงๆหรอครับ (ย้ำนะครับว่าฝืน เพราะตอนนี้คิดมากเรื่องคนที่ตัวเองแอบชอบจนนอนไม่หลับมาหลายวันละ ทำสมาธิไม่ถูกด้วย><)

ตอนนี้ผมคิดมากจนจะประสาทกินละ ทั้งๆที่ปัญหาของผมถ้าเทียบกับคนอื่นอีกนับร้อยแล้วก็เป็นแค่ปัญหาธรรมดาๆ><

อีกว่าจะไปออกกำลังกายด้วย ไม่รู้จะช่วยลดอาการคิดมากด้วยรึเปล่า

ยังไงใครทราบวิธีแก้อาการคิดมากอื่นๆก็ช่วยบอกผมทีนะครับ ผมอยากลองหลายๆวิธีอะครับ มันเจ็บปวดที่เราเป็นคนคิดมากฝ่ายเดียว><

ยังไงก็ขอขอบพระคุณผู้ที่มาแนะนำก่อนเลยนะครับ^^

#2 Yenta4

Yenta4
  • Members
  • 21 โพสต์
  • Interests:Dhamma

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 04:09 PM

สมาธิช่วยได้จริงครับ แต่ถ้าตอนนี้นั่งแล้วฝืนนี่ ถือว่าไม่ถูกต้องและอาจจะทำให้เครียดและอาการหนักกว่าเดิมด้วย เพราะหลักของสมาธิ คือ สติกับสบาย ตอนนี้ความสบายของคุณยังไม่มี และรู้สึกว่าจิตใจคุณก็ฟุ้งซ่านมากอีกด้วย

วิธีแก้ก็มีเยอะ แค่อย่างแรกที่คุณต้องทำคือ ออกจากความคิดเรื่องนี้ที่คุณคิดเวียนไปวนมาก่อน โดยไปออกกำลังก็ได้ ทำความสะอาดบ้าน ไปเที่ยวในที่ๆไปแล้วรู้สึกสบายใจ เช่น ไปเดินเล่นสวนรถไฟ ไปซื้อของในสวนจตุจักร หรือ ไปร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่างๆ

ความคิดไหนที่เราคิดแล้วรู้สึกแย่ๆ ถ้าเราไม่ต่อยอดความคิดนั้น คือแทนที่จะคิดซ้ำไปซ้ำมา เราก็ออกจากความคิดนี้ ไปคิดเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ดีกว่า ลองก้าวออกมาจากตรงนั้น เราก็จะรู้ว่า มีอะไรให้เราทำอีกเยอะ อาการที่เราเป็นก็จะบรรเทาลงเรื่อยๆ เมื่อใจรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกว่า จากใจที่หนักๆ มันเบาขึ้น โปร่งขึ้น ตอนนั้นค่อยกลับมาทำสมาธิ แล้วจะได้ผลดีและจะมีความสุขด้วย

คิดๆง่ายว่า เรื่องของเรามันก็แค่...เรื่องนิดเดียว...

http://www.imeem.com...usic/TMVECRv6//

#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 07:59 PM

QUOTE
การนั่งสมาธิช่วยได้จริงรึ?
- จริงครับ
- ไม่ลองไม่รู้...เอาใจออกจากความคิด...ทำจิตให้สงบ...แล้วจะพบคำตอบ
- ต้องมีฉันทะครับ ฝืนนั่งจะเผชิญกับเวทนา...เอาเป็นว่า...กายสบาย ใจสงัด
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#4 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 09:14 PM

อันดับแรกนะครับ เริ่มจากเปลี่ยน user name ก่อนครับ ไม่งั้นคงตัดความรู็สึกไม่ขาด
อันดับสอง พาตัวเองออกห่างจากบรรยากาศเดิมๆ ให้มากที่สุด
อันดับสาม สวดมนต์ครับ เพราะถ้านั่งทำสมาธิตอนนี้รับรองภาพเธอชัดแจ่มเลยครับ เริ่มจากยาทาก่อน (คุณยายเคยบอกว่า สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากินครับ ฟังจาก CD คำสอนยาย)
อันดับสี่ นั่งสมาธิครับ ถ้าฟุ้งรีบลืมตาครับ
อันดับห้า ช่วงเวลาตื่นนอน จับความรู้สึกของตัวเองให้ดี เพราะผมว่าใจคงฟุ้งตลอดทั้งคืน (กรุณานั่งสมาธิก่อนนอนด้วย) ดูอารมณ์ตัวเองตอนเช้าที่ยังไม่คิดอะไร ผมว่าอาจได้คำตอบบางอย่างตอนอารมณ์นิ่งๆ เฉยๆ
อันดับสุดท้าย "หยุดเป็นตัวสำเร็จครับ"

ปล. ฝากเพลงรักตัวเองให้ฟังนะครับ

อ้อสุดท้าย ท้ายสุด กรุณาอย่าฟังเพลงรักเลยครับ เพราะใจคุณจะคิดถึงเค้าตลอดเวลา มันจะไปกันใหญ่
ขอให้โชคดีนะครับ ชนะใจตัวเองให้ได้นะครับ แล้วคุณจะชนะศึกทั้งหมดทั้งทางโลกและทางธรรม :-)

แนบไฟล์  P1040226.JPG   150.83K   69 ดาวน์โหลด


"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#5 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 09:24 PM

ไข้กาย รักษาได้ด้วยยาทางกาย เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้มีพลังกลับคืนมา
ส่วนไข้ใจ ก็รักษาได้ด้วยยาทางใจ เพื่อเสริมสร้างพลังทางใจให้มีพลังกลับคืนมา

การนั่งสมาธิเป็นหนึ่งในการสร้างพลังทางใจทั้ง 5 ประการ ดังนั้น นอกจากนั่งสมาธิแล้ว ยังมีการสร้างพลังใจอีก 4 ประการครับ คือ
หนึ่งศรัทธา ศรัทธาก็สามารถช่วยเสริมสร้างพลังทางใจได้ หาคนที่เราศรัทธา ที่เขาอดทนไม่ริรักผิดแนวทาง สังเกตุจากผู้นำประเทศ หรือผู้นำโลก แล้วทำตามแบบอย่างของเขา

สองสติ สติ คือ ความรู้ตัว รู้ตัวว่า ตัวเราในเวลานี้ ควรมีหน้าที่อะไร การแอบรักผู้อื่นเหมาะสมหรือไม่ หากเผลอใจไปแอบรัก พอรู้สึกตัวก็ตรึกระลึกถึงหน้าที่ที่ถูกต้องของเราเป็นระยะๆ

สามสมาธิ คือ การพักใจให้มีพลัง เพราะสติอย่างเดียวไม่พอ บางทีรู้สึกตัวแล้วว่าแอบคิดถึงเธออยู่ แต่หักห้ามใจไม่ได้ เพราะใจไร้พลัง การฝึกสมาธิจะช่วยเสริมสติ ช่วยให้ใจมีพลัง พอรู้สึกตัวแล้วก็หักห้ามใจได้

สี่ปัญญา คือ การศึกษาให้รู้ถึงความเป็นจริงของชีวิต โดยการอ่านฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตว่า เขาจัดการเรื่องความรักอย่างไร เขาอดทนรอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสมอย่างไร เขาไม่ใจร้อนด่วนได้ทำให้ไม่ทุรนทุรายอย่างไรเป็นต้น

ห้าความเพียร คือ การหมั่นฝึกพลังทั้งสี่ประการที่กล่าวมาทุกๆ วัน หมั่นนึกถึงคนที่รักศรัทธา เช่น พระพุทธเจ้า เพื่อสรรพสัตว์ พระองค์ยอมสละความรักส่วนตัวของพระองค์เองที่จะได้อยู่กับลูกเมีย แต่มาค้นหาสัจธรรม นำไปสั่งสอนชาวโลก หมั่นฝึกสติ ฝึกสมาธิ และศึกษาประสบการณ์ชีวิตเพิ่มพูนปัญญา

ถ้าทำได้เช่นนี้ ใจจะเปี่ยมด้วยพลัง รับมือได้ทุกๆ ปัญหาเลยล่ะครับ

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#6 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2009 - 10:57 PM

ผมคิดว่าลองหัดนั่งดูนะครับ ลองฝึกไปเรื่อยๆทุกๆวันเดี่ยวเราก็จะรู้สึกดีไปเรื่อยๆและความสุขก็จะบังเกิดขึ้นแน่นอนครับ
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#7 สุภาพบุรุษ072

สุภาพบุรุษ072
  • Members
  • 597 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2009 - 11:33 AM

นั่งสมาธิช่วยได้ครับ
นั่งสมาธิหรือทำสมาธิทุกอิริยาบททุกวันให้เหมือนกับที่เราหายใจทุกวัน ผลคือจะถึงพร้อมด้วยสติและความสำเร็จในชีวิต

อืมม..ไม่ทราบที่คุณคิดมากนี้เนื้อหาเหมือนกับเพลงๆนี้รึเปล่า?

''ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ในความคุ้นเคยกันอยู่
มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบมันคิดอะไรไปไกล
กว่าเป็นเพื่อนกัน''

ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณอาจจะลำพึงในใจเหมือนเพลงนี้
http://www.bloggang....p...36&gblog=34

แต่ถ้าให้ความลำพึงนั้นออกมาจากใจ Your Feeling ก็แค่บอกว่า...เหมือนเพลงนี้
http://www.myfirstsi.../music/pooh.htm

แล้วคำตอบของหัวใจก็จะถูกเปิดเผยในเร็วๆนี้...Coming Soon! happy.gif

และเมื่อใจสมปรารถนาในความรู้สึกนั้นแล้ว เดี๋ยวความรู้สึกอื่นก็จะตามมาอีกนานัปการ เช่นหึงหวง งอนง้อ โกรธเคือง เป็นต้น
ด้วยจิตที่ปรุงแต่งจากเวทนา คือ ความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์
นี้จึงเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา คือ ความอยากมี อยากเป็น อยากไม่มีไม่เป็น
ตัณหาจึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น จึงเป็นเหตุนำพาซึ่งความทุกข์ทั้งปวง

''ร่างกายนี้ เต็มไปด้วยหนองเลือดและซากศพเป็นอันมาก
อันนายช่างผู้ฉลาด ทำไว้เป็นของเกลี้ยงเกลาวิจิตรงดงามดุจสมุก
คนพาลย่อมไม่รู้สึกว่า ร่างกายนี้เป็นของเผ็ดร้อน
มีรสหวานชื่นใจ เกี่ยวพันด้วยความรัก เป็นทุกข์
เป็นของฉาบไล้ไว้ด้วยสิ่งที่น่าชื่นใจ
เหมือนมีดโกน อันทาแล้วด้วยน้ำผึ้งฉะนั้น''

''นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ.
สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี''

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  JJ.jpg   9.35K   15 ดาวน์โหลด


#8 เพื่อนสนิทของเธอ^^

เพื่อนสนิทของเธอ^^
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2009 - 11:32 PM

ครับ ขอบพระคุณทุกท่านนะครับ สำหรับคำตอบดีๆทั้งนั้น ^^

ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี หลายคำแนะนำ หุหุ

แต่ยังไงก็จะพยายามครับ ขอบพระคุณอีกครั้ง

ผลเป็นไง ไว้ผมจะมาบอกกล่าวอีกทีนะครับ


#9 เพื่อนสนิทของเธอ^^

เพื่อนสนิทของเธอ^^
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2009 - 11:41 PM

เออ อีกเรื่องนะครับ

เปลี่ยนฉายาใหม่ยังไงอะครับ = =



#10 prem

prem
  • Members
  • 128 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 17 November 2009 - 01:24 AM

คิดบวกไว้สิคะ เวลาที่คุณกำลังจะฟุ้ง ก็ดึงมันมาให้ได้
เวลาที่ใจกำลังจะแว่บบไปคิดเรื่องเดิมอีก รีบบล็อกมันไปให้หมด

ทำเรื่อยๆ จนเป็นนิสัย เหมือนเวลาเราจะวิจารณ์อะไร หรือคิดอะไรไม่ดี
รู้แล้ว รีบเอาตัวเองออกจากตรงนั้นให้ได้ ท่องสัมมา อะระหังเข้าไว้ ช่วยได้ค่ะ

ฟังคำสอนของยาย, หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่, หลวงพ่อทัตตะ, พระอาจารย์ฯ ช่วยได้แน่ๆ ค่ะ

.."การนั่งธรรมะ คือ ความสุขที่เป็นยิ่งกว่าความสุขทั้งมวล"..