อาภัพยังไง ทำไมถึงอาภัพ
#1
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 04:57 PM
ความอาภัพ 18 ประการ
1. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
อ่านหนังสือไม่ได้ ?
2. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด
ไม่ได้ยินบทธรรม ?
3. ไม่เป็นคนบ้า
ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ฝึกไม่ได้เลย ?
4. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เลยไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ ?
5. ไม่เป็นคนใบ้
คนใบ้ สนทนาธรรมไม่ได้ ?? แต่เดี๋ยวนี้ก็มีภาษามือแล้ว ยังจัดว่าอาภัพอยู่ไหม ?
6. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน
อันนี้คงไม่ต้องเดา เพราะมัวแต่ป่าเถื่อน เลยไม่มีเวลามาคิดเรื่องสร้างบุญ ?
7. ไม่เกิดในท้องแห่งนางทาสี
เป็นลูกทาส แล้วหมดสิทธิ์ รู้รสพระธรรม ?
8. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
อันนี้เข้าใจได้ไม่ยาก
9. ไม่เป็นสตรีเพศ
อันนี้ก็บวชไม่ได้ กายหยาบไม่รองรับธรรมได้ รวมถึงจิตใจด้วย ? แต่ก็เห็นมีพระอรหันตเถรีอยู่นินา ?
10. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม
อันนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก
11. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน
อันนี้ไม่เข้าใจค่ะ่ ถ้าเป็นโรคเรื้อน เข้าถึงธรรม ไม่ได้หรอคะ?
12. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง
อันนี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ
13. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย
อันนี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ
14. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก
อันนี้พอเข้าใจ ว่าใช้เวลาในนรกนานเกินไป เลยหมดสิทธิ์
15. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร
อันนี้น่าจะคล้ายๆ กับข้อ 8 ?
16. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ
ถ้าเป็นชั้นของพระอนาคามี แล้วอาภัพยังไงคะ?
17. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด
เพราะอะไรหรอคะ ?
18. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด
จักรวาลอื่น ก้อมีพระพุทธเจ้าไปตรัสรู้เหมือนกันไม่ใช่หรอคะ เคยได้ยิน เมื่อครั้งที่พระโมคคัลลานะ เหาะไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกจักรวาลหนึ่ง เพราะคิดว่าเป็นพระสมณโคดม แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ พระสัมนโคดม ต้องไปตามกลับมา แล้วจักรวาลอื่น อาภัพยังไงหรอคะ
ขอความเมตตา อนุเคราะห์ ความรู้ เพื่อเป็นธรรมทานแด่ผู้ไม่รู้ด้วยเถิดค่ะ ^^
Thank you in advance..
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#2
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 05:10 PM
#3
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 09:46 PM
ความอาภัพ 18 ประการ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=4568
ฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ ประการ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5894
เหตุใดไปเกิดในสุทธาวาสพรหมจึงเป็น 1 ในอาภัพ 18 ประการ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15387
ฐานะแห่งความอาภัพ ๑๘ ประการ, ข้อที่ ๙
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5898
#4
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 10:24 PM
อันนี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ
อันนี้
เพราะเนือ่งจากเป็นสัตว์เล็กมากก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาทำกิจเพื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ
ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่มากก็ต้องเอาเวลาไปหากิน เนื่องจากต้องใช้พลังงานมาก ไม่มีเวลามาทำความบริสุทธิ์ หิวทั้งวัน
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
#5
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 10:28 PM
- เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์
- ส่วนใหญ่น่าจะหมายเอาถึง สัตว์ 2เท้า สี่เท้า และ จำพวกไม่มีเท้าบางประเภท ได้แก่ ปลา...ซึ่งมีวิวัฒนาการด้านความรู้สึกนึกคิดมาก ทั้งยังสามารถสื่อ หรือ มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุสภูมิได้มากกว่า เช่นเป็นสัตว์เลี้ยง หรือแม้เป็นสัตว์ป่าประเภทกินพืชก็มักจะเป็นหัวหน้าฝูงมีโอกาสพบเห็นทั้งเนื้อนาบุญ-นายพราน แม้เป็นนักล่าอย่างราชสีห์ก็ยังประกอบเหตุบุญได้ด้วยศรัทธาแห่งพุทธวิสัย จึงยังมีวาสนาพอจะระลึกถึงความปรารถนาในการบำเพ็ญบารมีได้มากกว่า
- ขุปปิปาสิกเปรต คือ เปรต มีรูปชั่วช้าลามก มีความหิวกระหายเป็นกำลัง ชอบกินรากเสลดของเหม็น เพราะทำบาปที่ถวาย ของเป็นเดนแก่สมณพราหมณ์ หรือบ้วนเสลด น้ำลายลงที่ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุ เป็นมิจฉาทิฐิจึงไม่สมควรแก่วิสัยของพระโพธิสัตว์ ซึ่งท่านเคารพและบูชาสมณพราหมณ์
- นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตมีรูปกายเหมือนเสาและตอไม้ สูงดำน่าเกลียด มีกลิ่นเหม็น ริมฝีปาก บนห้อยทับริมฝีปากล่าง มีฟันยาว มีเขี้ยวงอก มีความอยากข้าวและน้ำตลอดเวลา คนที่ตายมาเป็นเปรตชนิดนี้ ก็เพราะบาปที่หลอกล้อเลียนสมณพราหมณ์ ผู้เฒ่าผู้แก่ ด้วยท่าทางต่างๆ เป็นมิจฉาทิฐิจึงไม่สมควรแก่วิสัยของพระโพธิสัตว์
- กาลกัญชิกาสุรกาย หัวปักลงมาข้างล่าง เอาตีนชี้ฟ้า ก็เพราะบาปจากการประทุษร้ายสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีลเป็นนิตย์ เข้าใจว่าเป็นจำพวกเดียวกับนิรยอสูร ในโลกันตนรกซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิ จึงไม่สมควรแก่วิสัยของพระโพธิสัตว์
- หากนิยตโพธิสัตว์บังเกิดในพุทธกาลย่อมได้รับพุทธพยากรณ์ เกิดญานทัศนะและความปรารถนาในโพธิญานอันแรงกล้า ย่อมไม่ประกอบเหตุมรรคผลในชาตินั้นเพื่อไปจุติเป็นพระอนาคามี ณ ปัญจสุทธาวาส
- อรูปภพนั้นจัดเป็นอภัพพสัตว์ ไม่สามารถตรัสรู้หรือตรัสรู้ได้ในชาตินั้น(ต่างจากเทวภูมิ พรหมโลก) เพราะติดในอรูปฌานอันยาวนาน ไม่สมควรแก่การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์
- คำว่าจักรวาลในที่นี้มีความนัยถึงทวีปทั้ง4...ไม่ได้หมายถึงจักรวาลตาม Cosmology
- เมื่ออนิยตโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ยกระดับเป็นหน่อพุทธางกูรอันเที่ยงแท้จากการประชุมวงภาคโปรดแล้ว หากต้องบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสั่งสมบารมีให้เต็มเปี่ยมนั้น ย่อมต้องเกิดเฉพาะในชมพูทวีป(จักรวาลนี้)เท่านั้น จักไม่ไปเกิดใน3ทวีปที่เหลือ(จักรวาลอื่น)
- เพราะชมพูทวีป เป็น จักรวาลที่มนุษย์มีคุณสมบัติ 3ประการอันก่ออัธยาศัยแห่งพระโพธิสัตว์ ได้แก่
1.มีจิตใจกล้าแข็งในการกระทำความดี
2.มีสติตั้งมั่นในพระรัตนตรัย
3.สามารถประพฤติพรหมจรรย์
#6
โพสต์เมื่อ 12 November 2009 - 10:49 PM
#7
โพสต์เมื่อ 13 November 2009 - 06:47 PM
เหตุที่อาภัพก็เพราะมันไม่ได้ดังใจของเราเป็นข้อๆไป บางข้อก็ทุกข์น้อย บางข้อก็ทุกข์มาก
แต่เพิ่มเติมตรงข้อ9 ในพระไตรปิฏกอาจไม่ได้บันทึกไว้ (หรือป่าวไม่รู้) เพศสตรีเป็นเพศที่มีฮอโมนบางอย่าง หรือมีประสาทสำผัสสูงกว่าผู้ชายหลายเท่า ลองสังเกตุดู บางทีผู้หญิงเห็นดอกไม้แค่ดอกเดียวก็หลงไหลได้ปลื้ม ดมดอมหอมฟอดๆๆๆ หรือดมกลิ่นน้ำหอมก็สูดหอมเอาๆ หรือเวลาฟังบทเพลงทั้งหลายก็ อินในอารมมากกว่าผู้ชาย เหมือนเข้าไปเป็นนางเอกมิวสิกเสียเอง แล้วอีกอย่างคือของกินขนมนมเนยต่างๆ ฯลฯ ของอย่างนี้ ถ้าเอามาให้เพศชายรับรู้ ก็จะเฉยๆชิลๆแค่นั้นเอง
ตรงนี้เองครับ ที่เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้หญิงมีประสาทสัมผัสรับรู้ทางหูตาจมูกลิ้น กายใจ ลุ่มลึกกว่าผู้ชาย อันเกิดมาจากความปราถนาและยึดติดหลงไหลในกาม ( ซึ่งรวมถึง รูป รส กลิ่น เสียง สำผัส ธรรมารม ไม่ใช่แค่เรื่องเพศอย่างเดียว ) ประกอบกันจึงทำให้มาเกิดและได้รูปกายที่เป็นเพศหญิงที่มีคุณสมบัติทางชีวะภาพเหมาะสมกับดวงจิตลักษณะแบบนั้น
พระพุทธเจ้าท่านคงเล็งเห็นคุณสมบัตินี้ จึงไม่แนะนำให้เพศหญิงเข้ามาบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา เพราะว่าความที่ดวงจิตของสตรีมีความผูกพันธ์เหนียวแน่นกับกามมาก ยากที่จะเอาใจสละออกจากสิ่งนั้นมากกว่าบุรุษ ถ้าหากยอมให้เพศสตรีเข้ามาบวช อาจจะเป็นสาเหตุ ทั้งจากภายนอก(สาวออฟฟิตทั้งหลายจะทราบดี) และจากภายในพุทธบริษัท4ด้วยกันเอง ที่ประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นเหตุให้ศาสนาของพระพุทธองค์มีอายุลดลงถึงครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ก็มิได้ว่าเพศหญิงเป็นเพศที่ไม่ดีนะครับ จิตใจของผู้หญิงมีสิ่งที่ดีมากอยู่อย่างหนึ่งที่ผู้ชายไม่มีก็คือ "คำว่ายอม ไม่ดื้อ และอ่อนโยน" คุณสมบัตินี้เอง ที่ทำให้ทุกวันนี้เราเห็นผู้หญิงเข้าวัดมากกว่าผู้ชาย ถ้าเอาก้อนหินทับกามฉันทะเสียได้ ผู้หญิงจะประคองใจให้หยุดและบรรลุธรรมได้อย่างง่ายดายทีเดียว
#8
โพสต์เมื่อ 14 November 2009 - 03:23 PM
ถ้าได้....จะต้องปฏิบัติอย่างไรคะ
#9
โพสต์เมื่อ 14 November 2009 - 08:11 PM
พระองค์มีนามว่า เจ้าหญิงสุมิตรา ตอนนั้น พระองค์ได้สร้างบุญใหญ่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าในอดีต
แล้วตั้งความปรารถนาขอเป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า
แต่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ไม่ทรงพยากรณ์ ทรงบอกให้รอพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไป จนกระทั่งละจากชาตินั้นแล้ว เจ้าหญิงสุมิตราก็ได้ไปเกิดเป็นผู้ชาย แล้วก็ได้รับพุทธพยากรณ์ในภพชาติต่อๆ มา ครับ
#10
โพสต์เมื่อ 14 November 2009 - 08:52 PM
#11
โพสต์เมื่อ 14 November 2009 - 10:07 PM
คำไทย คนอาภัพ อับโชค ก็คือคนไม่มีวาสนา ซึ่งก็คือ เป็นคนขาดโอกาสดีๆในบางประการนั่นเอง
เช่นคนอาภัพรัก ก็คือคนไม่มีวาสนาในเรื่องความรักไงครับ : )
#12
โพสต์เมื่อ 15 November 2009 - 01:30 PM
ครั้งหนึ่ง ท่านเศรษฐีตระกูลหนึ่ง จะแต่งงานกับลูกสาว จึงได้ให้หนุ่มช่างทองไปทำทองให้ลูกสาว แต่ด้วยความที่หนุ่มช่างทอง มีความหล่อระดับเทพ ดังนั้น ท่านเศรษฐีจึงไม่อาจวางใจ เลยให้กั้นม่าน แล้วให้ลูกสาว ยื่นเฉพาะมือมาให้หนุ่มช่างทองดู เพื่อทำเครื่องประดับให้ขนาดพอดีมือ
ทีนี้ลูกสาวเศรษฐีเลยสงสัยว่า กั้นม่านทำไม จึงแอบแหวกม่านนิดๆ ก็เลยเห็นหนุ่มช่างทอง ทันทีที่เห็นเท่านั้น นางลืมสิ้นว่า จะต้องแต่งงานแล้ว จึงส่งกระดาษลับ แอบนัดหนุ่มช่างทองมาพบตอนตี 2 ตี 3
หนุ่มช่างทองก็มาตามนัด แต่บุญชิงช่วงเข้ามาทัน จึงบันดาลให้หนุ่มช่างทองง่วงนอนอย่างหนัก เลยเผลอหลับไป พอลูกสาวเศรษฐีมาตามนัด เห็นหนุ่มช่างทองหลับ เลยไม่กล้าปลุก บาปก็ไม่เกิดขึ้น
แต่ลูกสาวเศรษฐีไม่ยอมแพ้ แอบนัดอีก 2 ครั้ง ซึ่งหนุ่มช่างทองก็หลับทั้งสองครั้ง จนลูกสาวเศรษฐีต้องแต่งงานกับคนอื่นไปจริงๆ
หนุ่มช่างทองเสียใจมาก ที่ตนดันหลับเสียนี่ ว่าแล้วจึงทำทองอย่างดีเลิศ ไปถวายเจ้าเมืองขอให้เจ้าเมืองช่วยบางอย่าง เจ้าเมืองจึงช่วย โดยการให้หนุ่มช่างทอง ปลอมตัวเป็นน้องสาวเจ้าเมือง
แล้วทำทียกกองทัพไปปราบโจร กองทัพเดินทางผ่านมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี เจ้าเมืองจึงบอกเศรษฐีว่า ตนต้องไปปราบโจร ขอฝากน้องสาว(หนุ่มช่างทองปลอม) ไปกับลูกสาวเศรษฐี ให้อยู่เป็นเพื่อนนาง และห้ามให้ใครมารบกวน เศรษฐีและลูกเขยต้องจำใจรับปาก
หลังจากนั้น หนุ่มช่างทองก็เลยได้อยู่กับลูกสาวเศรษฐีหลายเดือนทีเดียว (ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงศีลข้อ 3 ว่าอะไรจะเหลือ)
ด้วยกรรมนั้น ทำให้ต่อมา หนุ่มช่างทองตกนรก พ้นจากนรกแล้ว ก็มาเกิดเป็นเจ้าหญิงสุมิตรา นั่นแหละครับ