มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[ต้นอ้อ]

มีความสงสัยในเรื่องของศีลข้อที่4 นะค่ะ งดเว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
ถ้าคนเราไม่ได้พูดปด แต่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดล่ะค่ะ ผิดไหม เช่น มีคนโทรมาหาแล้วเราไม่ได้รับสาย และกำลังจะออกไปข้างนอกบ้าน
พอตอนเย็นเขาโทรมาหาอีก และบอกว่าเขาโทรมาหาแต่ไม่มีคนรับสาย เลยบอกว่าไม่อยู่บ้านออกไปข้างนอก ประมาณนี้ค่ะ จะผิดไหม....
หรืออย่างการโฆษณา ที่บอกแต่ข้อดี ไม่ได้บอกข้อเสีย เพราะไม่ได้มีการถามในข้อเสีย อันนี้ผิดไหมค่ะ ....หรืออย่างเช่นวันนี้ไม่ได้อยู่บ้านหรือ เพราะคนถามไม่ได้ถามว่าช่วงเวลาใด จริงๆแล้วอยู่บ้านแต่มีช่วงสั้นๆที่ออกไปข้างนอก ก็เลยบอกว่าไม่อยู่.......หรืออย่างการซื้อของ บางคนถามว่าของใหม่หรือ บางครั้งก็ตอบว่าไม่ใช่ของใหม่(เพราะคิดว่าเราซื้อมาได้2วันแล้ว)....ต้องขอรบกวนผู้รู้ช่วยบอกด้วยนะค่ะ เพราะดิฉันจะกระทำประมาณนี้บ่อยนะค่ะคือไม่ได้พูดปด แต่จะไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด
และมีข้อสงสัยในเรื่องของการนั่งสมาธิว่าระหว่างการนั่งกับนอนสมาธิ ถ้านอนสมาธินี้บาปไหมค่ะ เพราะมีเพื่อนเคยบอกว่าถ้านอนสมาธิจะบาป ถ้าตายไปจะไปเกิดเป็นจรเข้นะค่ะ แต่ตามความคิดของดิฉันว่าไม่ใช่นะ แต่ไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไร.....และถ้าเราบูชาพระด้วยดอกกุหลาบล่ะค่ะจะมีผลอย่างไร เพราะเคยอ่านเจอในกระทู้ ว่าการบูชาดอกไม้แต่ละชนิดจะมีผลอย่างไร แต่ถ้าเป็นกุหลาบก็จะ.....เพราะในกระทู้นั้นไม่ได้บอกความหมายนะคะเลยงงๆๆหน่อย เพราะตัวเองก็เคยบูชาด้วยดอกกุหลาบบ่อยด้วยค่ะ.....
และขอขอบคุณมาล่วงหน้าเลยนะค่ะ สำหรับทุกคำตอบ.....สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

[WISH]

เรื่องของมุสาวาท...พิจารณา 2ประการ
1. เจตนา คือ ศีล หมายถึงว่า ถ้าไม่มีเจตนาในทางอกุศลจริงๆแต่เป็นเพราะ เผลอสติ หรือ สติไม่สมบูรณ์ ดังพิษไข้ หรืออาการของโรคร้ายที่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หรือ วิกลจริต ก็อาจอนุโลมการทำผิดนั้นว่า ยังไม่ผิดศีล จึงกล่าวโทษว่า ผิดศีลข้อมุสาวาทไม่ได้
2 องค์แห่งศีล ถ้าทำผิดไม่ครบองค์แห่งศีลก็ ยังไม่ผิดศีล แต่ศีลนั้นด่างพร้อย ทะลุ
- เรื่องราวนั้นไม่จริง
- มีเจตนากล่าวเท็จ
- ได้กล่าวเท็จออกไป
- ผู้ฟังเข้าใจในคำกล่าวเท็จนั้น

มีข้อสงสัยในเรื่องของการนั่งสมาธิว่าระหว่างการนั่งกับนอนสมาธิ ถ้านอนสมาธินี้บาปไหมค่ะ เพราะมีเพื่อนเคยบอกว่าถ้านอนสมาธิจะบาป ถ้าตายไปจะไปเกิดเป็นจระเข้นะค่ะ

- การนั่งสมาธิคู้บัลลังภ์นั้นเป็นอิริยาบถที่มั่นคงทึ่สุด ถ้าสุขภาพเป็นปกติแต่เลือกจะนอนสมาธิอาจเผลอสติได้ง่ายและก่ออุปนิสัยเกียจคร้าน
- หากร่างกายไม่มีข้อจำกัด ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออ่อนล้ามากเกินไป ควรใช้ท่านั่งสมาธิเป็นหลัก
- สมาธิถ้าทำได้ ควรตรึกในทุกอิริยาบถ ทุกเวลา ทุกขณะจิต เพื่อมิให้บาปได้ช่อง
- แม้จะนอนการบ้านข้อ3-4 ก็ ก่อนนอนให้นึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด เพื่อกำหนดสติ เวลานอนหลับให้หลับในอู่ทะเลบุญ
- ยังไงก็ นอนอย่างมีสติ ดูไมเข้ใน DMC ไปด้วยก็ได้นะครับ แต่อย่าไปขุดบ่อล่อจระเข้นะ(แซว)

ถ้าเราบูชาพระด้วยดอกกุหลาบล่ะค่ะจะมีผลอย่างไร

- ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ล้วนเป็นวัตถุทาน ย่อมให้อานิสงส์ตามกำลัง
- ดอกไม้บานนั้นยังความรื่นรมย์ให้แก่มนุษย์และสัตว์ ดอกไม้หลากชนิด หลายสี บานสะพรั่ง อวดสี และกลิ่นอยู่บนต้น บางอย่างหอมมาก บางอย่างหอมน้อย บางอย่างไม่หอมเลย บางอย่างสวยทั้งสี และกลิ่น บางอย่างสีสวยแต่ไม่มีกลิ่น บางอย่างไม่สวยทั้งสี และกลิ่น บางอย่างหอมชั่วเวลาเช้า บางอย่างหอมตอนสาย บางอย่างหอมเวลาบ่าย บางอย่างหอมเวลาเย็น บางอย่างหอมเฉพาะกลางคืน บางอย่างหอมทั้งวันทั้งคืน แต่บางอย่างก็หอมทนอยู่ได้หลายวัน แม้เมื่อเวลาบานอยู่ ถูกลมพัดร่วงพรูจากต้น ลงประดับพื้นดินจะยังมองดูงามแปลกตา และกลิ่นของมันยังหอมกรุ่น เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น
- ถึงกระนั้นเมื่อเหี่ยวแห้งร่วงโรยแล้วก็หมดหอม ก็ไม่เป็นที่ต้องการของผู้ใด ไม่มีดอกไม้ชนิดใดเลยที่จะหอมอยู่เป็นนิจทั้งในเวลาบาน และโรยหล่น
- หากทายกถวายดอกไม้ที่ประณีต คือ ใหม่สด งดงาม หอมขจร ย่อมได้อานิสงส์เช่นสามีทาน
- ดอกไม้ที่ควรบูชา คือ ดอกบัว ดอกมะลิ เพราะชวนรำลึกถึงพระรัตนตรัย ชวนจิตให้รำลึกถึงคุณงามความดีต่างๆ...ในกรณีที่ขัดสน ไม่สะดวกจัดหาก็พิจารณาถวายดอกไม้นานาพันธุ์ได้ตามหลักของทาน บังเอิญดอกกุหลาบนั้นในทางโลกสื่อความหมายไปในทางราคะ แม้บางท่านอาจตีความหมายของความรักว่าเป็นสิ่งสากลก็ตาม ก็ไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างนัก เว้นแต่นำมาสานร่วมกับมาลัยดอกมะลิ แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีข้อห้ามในการถวายดอกกุหลาบ ขึ้นกับเจตนาของทายกและความประณีตในวัตถุทานมากกว่า
- ตนเองนานๆครั้งก็ถวายแจกันกุหลาบเหมือนกัน(ผู้อื่นให้มา)เพราะดอกกุหลาบช่อนั้นงดงามมาก จึงคิดว่าคู่ควรกับบุคคลที่ควรบูชา เพียงแต่กลิ่นกุหลาบนั้นเทียบไม่ได้กับความหอมของดอกมะลิ ซึ่งจรรโลงใจให้นึกถึงบุญกุศลมากกว่านะ

รอฟังความเห็นท่านอื่นด้วยครับ

[สาธุธรรม]

ลองฟังที่หลวงพ่อเทศน์สอนไว้ในธรรมะเพื่อประชาชน ในเรื่อง ศีล ค่ะ

http://www.kalyanami...d...id=2&page=6

[หมอป๊อง]

สาธุ สาธุ สาธุ

ไฟล์แนบ

•  24.gif   1.71K   15 ดาวน์โหลด

[หัดฝัน]

ในเมื่อเราไม่ได้พูดโกหก แม้ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดย่อมไม่ผิดศีลครับ
แต่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด กับ พูดผิดไปจากความจริง ทั้งสองอย่างนี้ความหมายไม่เหมือนกันนะครับ
อีกประการหนึ่ง เรื่องของตัวเลขนี่ หากลงรายละเอียดมากๆ ก็ไม่ควรนำมาใช้ตัดสินว่าโกหกหรือจริงนะครับ เอาล่ะว่ากันไปทีละข้อดีกว่า

1. มีคนโทรมาเราไม่ได้รับสาย และกำลังจะออกไปข้างนอก แล้วตอนเย็นพอเขาถามก็ไปบอกเขาว่า ไม่อยู่บ้านออกไปข้างนอก
ตอบ อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่า ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดน่ะครับ อย่างนี้เรียกว่า พูดผิดไปจากความจริงครับ ก็ทำไมไม่พูดให้เหมาะสมตรงกับความจริงล่ะครับ เช่น
กำลังออกไปข้างนอกพอดี ได้ยินเสียงแว่วๆ เลยไม่ได้รับ หรือ กำลังรีบไปธุระข้างนอก เลยไม่ได้รับ เป็นต้น

2. การโฆษณา ที่บอกแต่ข้อดี ไม่ได้บอกข้อเสีย อันนี้ผิดไหม
ตอบ ไม่ผิดครับ อย่างนี้เรียกได้ว่า ไม่ได้พูด(เรื่องทั้งหมด)ออกไป การพูดเรื่องทั้งหมดที่รู้ออกไป หลายครั้งก็เสียเวลา และบางทีผู้ฟังรู้แล้ว
แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางครั้งท่านก็เทศน์(ความจริง)ย่อ บางครั้งท่านก็เทศน์ขยายความ(จริง)ละเอียด ขึ้นกับกาละเทศะในตอนนั้นๆ เช่น ท่านเทศน์ในเทวดาฟังว่า
การประพฤติพรหมจรรย์ เป็นมงคลชีวิต หากคนทั่วๆไปฟัง ก็จะ งง ว่า เอ๊ะ เป็นมงคลอย่างไร เพราะพระพุทธเจ้าท่านเทศน์ให้เทวดา ท่านจึงไม่ได้ลงรายละเอียด เทวดาฟังแล้ว
ก็เข้าใจเลย แต่บางคนก็อาจฟังไม่เข้าใจ เรื่องพวกนี้จะไปจับว่า เป็นความผิดที่ไม่พูดความจริงทั้งหมด ก็หาควรไม่ครับ

3. เขาถามว่า ของใหม่หรือ เราเห็นว่า ซื้อได้ 2 วันแล้ว ไม่ใช่ของใหม่
ตอบ ไม่ใช่การโกหกครับ เพราะเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดของตัวเลข ในความเข้าใจของคนแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน อีกประการหนึ่งขึ้นกับประเภทของสิ่งของด้วยครับ
เช่น ถ้าเป็นอาหาร อย่าว่าแต่ 2 วันเลย ทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จัดเป็นของเก่าเสียแล้ว แต่หากเป็นรถยนต์ พึ่งซื้อมา 2 วัน อย่างนี้เขาเรียกว่า รถยนต์ซื้อใหม่ครับ ต้องสัก 3-4 ปี จึงจะเรียกว่า รถยนต์เริ่มเก่า เป็นต้นครับ
เรื่องตัวเลขประเภทนี้ ไม่ควรนำมาเป็นเรื่องคิดว่าอย่างนี้พูดจริง อย่างนั้นพูดโกหกน่ะครับ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ

4. การนอนสมาธิ สามารถทำได้ ถ้าถึงเวลานอน หรือ เจ็บไข้ได้ป่วยน่ะครับ
ภาษาพระท่านเรียกว่า หลับอยู่ในอู่แห่งทะเลบุญ แต่ถ้าเป็นการกลางวันทั่วๆไป แล้วไปนอนสมาธิ อย่างนี้จะฝึกนิสัยเกียจคร้านน่ะสิครับ
ผู้ที่มีฝึกนิสัยเช่นนี้บ่อยๆ และประกอบกับสร้างบาปด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็มีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์เลื้อยคลานได้ครับ (แต่ถ้าไม่ผิดศีล
ก็สบายใจได้ ไม่เกิดเป็นสัตว์แน่นอน แต่ต้องระวังเรื่องฝึกนิสัยเกียจคร้านนั่นแหละครับ)

5. ในอดีตกาล มีหญิงสาวนิยมนำดอกไม้ที่หาได้ตามพื้นบ้านของตนไปบูชาพระ บางทียังไม่ทันได้บูชาเลย แต่ต้องเสียชีวิตไปก่อน บุญไพศาลก็เกิดขึ้นแล้วครับ
เช่น เทพธิดา ดอกบวบขม (เพราะคิดบูชาพระด้วยดอกบวบขม) นอกจากนั้น ยังมีดอกอื่นๆ อีกมากมายเลยล่ะครับ

[131072]

คุณหัดฝันค่ะคือสงสัยอ่าค่ะ นอนสมาธิมันจะบาปด้วยหรอค่ะคือว่าหนูหลับตานอนเมื่อไหร่

บางครั้งนะค่ะมันก็ตกศูนย์ตลอดเลยตอนกลางวันด้วยนะคะกินข้าวเสร็จด้วยค่ะ ประมาณว่าอยากงีบสักแปป

หนูเป็นอย่างงี้เลยบ่อยมาก หนูจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานไหมอ่ากลัว

[หัดฝัน]

ไม่ได้บอกว่า บาปน่ะครับ เพียงแต่บอกว่า หากเรานอนในเวลาที่ไม่ควรนอนบ่อยๆ จะฝึกนิสัยเกียจคร้านในการทำงานน่ะครับ

หากเราฝึกนิสัยนี้บ่อยๆ ก็จะว่าเป็นปากทางแห่งความเสื่อมได้น่ะครับ

อย่างนี้เท่ากับห้ามนอนกลางวันเลยหรืออย่างไร

อ๋อ ก็ปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของเราน่ะครับ หากเราคุ้นชินกับการนอนกลางวันมานานแล้ว เราก็ค่อยๆ พัฒนาตนเองไปทีละนิด ลดละการนอนกลางวันลงทีล่ะหน่อย เดี๋ยวก็ทำได้ครับ

พระพุทธเจ้าท่านใช้เวลานอนต่อหนึ่งวัน เพียงวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้นครับ