![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/190a980be329c698b2262217352afecc?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
สนทนาธรรมกันครับ
#1
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 02:00 AM
แต่พอได้อ่านกระทู้ในเว็บมากๆเข้า ก็เริ่มเข้าใจ อคติก็ค่อยๆ น้อยลง
ที่ตั้งกระทู้นี้มา เพือมาแลกเปลี่ยนความคิดความเห็น ที่ต่างคนได้ศึกษาพุทธศาสนามา
จากที่ดูหัวข้อกระทู้ในเว็บบอร์ด ไม่ค่อยจะพบกระทู้ที่เกี่ยวกับความสงสัยเกี่ยวกับข้อธรรมต่าง ๆ
ก็อยากให้กระทู้นี้เป็นจุดเริ่มในการสนทนา
ตัวอย่างเช่น ถามว่า การพูดไม่จริงเพื่อให้คนไข้สบายใจควรทำหรือไม่ควรทำ
ถ้าผมตอบ ผมก็จะยก ข้อปฏิบัติในการตรัสเรื่องต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้า 6ประการ มาอรรถาธิบาย
อย่างนี้เป็นต้น ประเดิมกระทู้นะครับ ถ้ามีคนถามท่านว่า บุญกับบาป มีลักษณะรูปร่างหน้าตาอย่างไร ท่านจะอธิบายกับเขาอย่างไร
#2
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 08:19 AM
1 บุญเป็นสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูด การกระทำ ที่เราทำแล้วเกิดความสบายใจชุ่มชื่น แฮปปี้ ดีใจ หน้าบาน ฯลฯ
2 ส่วนบาป เป็นสิ่งที่เราทำแล้ว เกิดอาการ ร้อนรุ่ม กล้มใจ ละอาย หน้าดำหม่นหมอง ฯลฯ
นี่เป็นสิ่งที่ผู้กระทำบุญและบาปประสบพบเห็นกับตัวทันทีที่ลงมือกระทำ ส่วนเรื่องอานิสงชาตินี้ชาติหน้า ยังไม่ต้องพูดถึง
#3
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 11:28 AM
บุญกับบาปเป็นมีลักษณะเป็นดวงกลมๆอยู่ที่ใจของเรา
แต่ละคน บุญก็จะเป็นดวงใสๆสว่าง,บาปก็เป็นดวงที่มืดๆดำๆ
(แนะนำว่าถ้าอยากพิสูจน์ต้องลงมือนั่งหลับตาทุกๆวันนะครับ)
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
ถ้าให้ตอบแบบพอตรองตามได้ด้วยปัญญา(จินตมยปัญญา)
ให้ลองสังเกตหน้าตาระหว่างคนทำบุญ,คนที่อยู่ในบุญ
กับหน้าตาคนทำบาป,หมกหมุ่นกับสิ่งที่ทำให้ใจหมอง
ถ้าหมั่นสังเกตด้วยใจเป็นกลางจะพอเห็นได้ครับ
อนุโมทนาบุญนะคร้าบ...
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#4
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 03:04 PM
โหลดหนังสือเรียนไปอ่านได้ทุกเล่มเลยนะคะ จะได้ทำความเข้าใจกับพระพุทธศาสนา และวัดพระธรรมกายได้ดีขึ้น
จริง ๆ แล้ว หลวงพ่อ (คุณครูไม่ใหญ่) สอนทุกเรื่องจากพระไตรปิฎกเลยค่ะ
แต่ท่านเมตตา ปูพื้นฐานให้ง่ายต่อความเข้าใจของทุกเพศ ทุกวัย (แม้แต่เด็ก ๆ ก็เข้าใจง่าย และเด็กทุกคนรักบุญ กลัวบาปกันค่ะ)
ว่าง ๆ ก็ลองดู ช่วง ฝันในฝัน ทุกวันจันทร์ ถึง เสาร์ (19.00 - 22.00 น.) ทาง เวปก็ได้ค่ะ
ดีใจที่ทำใจเป็นกลาง แล้วลองศึกษาดู เป็นวิสัยของบัณฑิต เลยค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ
ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย
#5
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 05:38 PM
อย่าว่าแต่เรื่องบุญบาปเลย แม้เรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว เราก็จนปัญญาที่จะอธิบายให้ผู้ไม่มีประสบการณ์เข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้วล่ะครับ
ดังเช่น คำถามของฝรั่งคนหนึ่ง ที่เขามาถามคนไทยว่า
"พริกนี่ ที่เขาบอกเผ็ดๆ กันน่ะ มันเผ็ดอย่างไรหรือ"
เป็นอย่างไรครับ ลองอธิบายดูหน่อยสิครับว่า พริกนั้น เผ็ดอย่างไร แน่นอนว่า คนอธิบายย่อมอธิบายไม่ออก ฝรั่งบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างถามดู
ฝรั่ง : พริก นี่เผ็ดเหมือน หัวหอม มั้ย
คนไทย : ไม่เหมือน
ฝรั่ง : พริก นี่เผ็ดเหมือน กระเทียม มั้ย (สงสัยคงฉุนๆ)
คนไทย : ไม่เหมือน
ฝรั่ง : พริก นี่เผ็ดเหมือน...ยกมาหลายตัวอย่าง เป็นชุดๆ
คนไทย : ไม่เหมือนทั้งสิ้น และเริ่มรำคาญ จึงยื่นให้ 1 เม็ด
ฝรั่งพอกินเข้าไป ร้องจ๊าก หน้าแดง ปากแดง พรางบอกว่า เผ็ดร้อนเหมือนกินถ่านในเตาไฟ
ฝรั่งรู้สึกไปเช่นนั้น ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ใช่ เพราะขืนกินถ่านในเตาไฟเข้าไปจริงๆ รับรองฝรั่งปากไหม้ไปแทน ใช่มั้ยครับ
ประสบการณ์หลายๆ อย่างนั้น จะทราบและเข้าใจอย่างถ่องแท้ ต้องทราบจากประสบการณ์ภายในของแต่ละบุคคลเท่านั้นแหละครับ
#6
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 06:08 PM
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
ไฟล์แนบ
#7
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 06:52 PM
ยังมีสมาชิกอีกหลายท่านที่เอาคำถามปัญหาธรรมมาถามบ่อยๆ เช่นคุณสาคร หลังๆ ไม่ค่อยเห็น
คุยกันเยอะๆ นะครับ รออ่าน
#8
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 08:06 PM
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
ก่อนอื่นขออธิบายสักนิด ครับว่า
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า
เรื่องการสนทนาธรรม การตอบคำถามทางธรรม ในกระดานสนทนาผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต
ให้เข้าใจธรรมะ ถูกต้องตรงความเป็นจริง
โดยเฉพาะให้เข้าใจภาษาธรรมผ่านภาษาคน ตรงกัน
ค่อนข้างมีข้อจำกัดพอสมควรนะครับ
เช่น
พื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ (ปริยัติ ,คันถะธุระ ) ความรู้จริง ความรู้แจ้ง ( สมถะ วิปัสสนากรรมฐาน )
ของคู่สนทนา เพื่อนในวงสนทนา
ทักษะการใช้ภาษา อธิบาย ขยายความ
ความคุ้นเคยภาษาธรรม ที่เคยศึกษามาก่อน เช่น ภาษาของ ครู อาจารย์ต่าง ๆ ก็ อธิบาย ขยายความ หัวข้อธรรมต่างกัน
ที่อาจทำให้ยึดมั่นในสัญญา ความทรงจำ ที่เคยรู้ ฟัง เข้าใจมา จนกระทั่งไม่ยอมรับคำตอบของคู่สนทนา
เวลา ในการออนไลน์ สั้น ยาว บ่อย ถี่ ไม่ค่อยตรงกัน
อัธยาศัย ความชอบในการตอบแบบสั้น ๆ หรือ ขยายความ ไม่เหมือนกัน
ฯล
ดังนั้นถ้าผม ไม่ทราบพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ ของผู้ฟัง ผู้ถาม เลย
ก็จะเลือกตอบรวม ๆ และ,หรือหาแหล่งข้อมูล มาให้ไปศึกษาต่อยอดความรู้ กันเอง
อย่างเช่น คำถามข้างต้นนี้
ผมขอเลือกตอบโดยย่อ ว่า
บุญ เป็นผล ( วิบาก ) ของการทำความดี ทางกาย วาจา ใจ เช่น กุศลกรรมบท ๑๐ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ทานวัตถุ ๑๐ บารมี ๑๐
บาป เป็นผล ( วิบาก ) ของการทำความชั่ว ทางกาย วาจา ใจ เช่น อกุศลกรรมบท ๑๐ เป็นต้น
ส่วนเรื่องหน้าตา ลักษณะของ บุญ บาป
ถ้าว่ากันตาม ปรมัตถะสัจจะ ที่มีมาใน พระอภิธรรม เรื่อง กุศลจิต อกุศลจิต และการเข้าถึงสภาวะธรรมนั้น ๆ
ก็ตอบว่า บุญ บาป มีลักษณะ เป็น ดวง
แต่ถ้าตอบในเชิงอุปมา ก็ขอเลือกตอบว่า
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
มี รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ อำนาจ วาสนา มนุษยสมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติ เป็นต้น
ซึ่งหน้าตาของผู้รับผลบุญ ทั้งมนุษย์ และอมนุษย์ ก็คงอุปมา ดังภาพ ที่พี่ WISH ยกมาครับ
เฮง
ส่วน ผลของบาป ย่อมนำความเดือดร้อน ไม่สบาย กาย ใจ เสียใจ ผิดหวัง ตรอมใจ
![cry_smile.gif](style_emoticons/default/cry_smile.gif)
ซวย
กระทั่งถูกทัณฑทรมาน ในนรกภูมิ เปรตภูมิ ฯล
ซึ่งหน้าตาของผู้รับผลบาป ทั้งมนุษย์ และอมนุษย์ ก็คงออกมาแนว หน้าเศร้า อกตรม น้ำตานอง เจ็บปวด โหยหวน กระมังครับ
#9
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 08:48 PM
#10
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 09:42 PM
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
" ปราบมาร "
#11
โพสต์เมื่อ 03 December 2009 - 10:17 PM
ถ้าจะถามรุปร่างหน้าตาว่าแตกต่างกันอย่างไร ขอตอบตามที่พอจะรู้มาบ้างว่า
รูปร่าง - เหมือนกัน คือเป็นดวงกลมๆ (ดวงคือภาชนะบรรจุ ธาตุศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียกว่าบุญ บาป อยู่ข้างใน)
หน้าตา - ต่างกันที่สี ดวงบุญจะมีลักษณะขาวใส ดวงบาปมีลักษณะดำมืดสนิท
แถม
หน้าที่ - ดวงบุญ สร้างความสุขให้มนุษย์ ดวงบาปสร้างความทุกข์ให้มนุษย์
#12
โพสต์เมื่อ 04 December 2009 - 04:22 AM
ขอร่วมคุยด้วยคนค่ะ ถ้าผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยค่ะ(ไม่ได้เพี้ยน)
คุยอย่างเด็กอนุบาลฯค่ะ
เท่าที่ศึกษามาพอจะทราบดังนี้ค่ะ ในกลางกายมนุษย์เราทุกคนต้องมี
ดวงกลมใสสีเขียวเป็นดวงวรธรรม ที่ทำให้เราได้เกิดเป็นคน และต่อไป
ก็จะมีดวงกลมสีเทา ๆ เป็นดวงที่ความดีก็ไม่ค่อยทำ กรรมชั่วก็ไม่ได้สร้าง
หรือเรียกว่าไม่ดีไม่ชั่วค่ะ ดวงถัดไปเป็นสีดำใสเช่นกันเป็นลักษณ์ของ
กรรมชั่ว หรือจะเรียกว่าดวงบาปก็ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับดวงบุญที่มีลักษณ์
ขาวใสบริสุทธิ์
ดวงทั้งสี่นี้จะใหญ่โตแตกต่างกันอย่างไร ขึ้นอยู่กับเจ้าของดวงนั้นๆมีความ
บริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ เพียงไร ยิ่งบริสุทธิ์ มากเพียงไรดวงบุญก็จะยิ่งใหญ่
มากขึ้น ๆ ดวงบาปก็จะเล็กลง มันชิงช่วงและช่วงชิงกันอยู่ลอดเวลา ระหว่าง
พระ กับมาร หรือทางบุญกับทางบาป.....ในทางปฎิบัติจริง ๆ จะเห็นได้จริง ๆ
#13
โพสต์เมื่อ 04 December 2009 - 09:50 AM
#14
โพสต์เมื่อ 04 December 2009 - 02:15 PM
#15
โพสต์เมื่อ 13 December 2009 - 07:40 PM
#16
โพสต์เมื่อ 13 December 2009 - 09:01 PM
ขอคั้นรายการด้วย สาระธรรม ที่อุปมาว่าด้วย การเข้าถึงแก่นธรรม ในพุทธศาสตร์ จากกระทู้เก่านะครับ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13484
#17
โพสต์เมื่อ 13 December 2009 - 09:28 PM
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
สาธุ สาธุ สาธุ ครับใลผมก็เอาบุญทุกๆบุญมาฝากพี่ๆน้องๆป้าๆน้าๆอาๆๆ ทุกท่านนะครับ..หลังจากหายไปนาน..ส่วนใหญ่อยู่ห้องสินธร จ้ะ
ไปวิเคราะห์หุ้น ไม่ไปไหนมาไหนเลย พอดีไปเจอเสี่ยสองให้สัมภาษณ์ในรายการสู้ต่อไป กระจ่างเลยเรื่องการลงทุน
![biggrin.gif](style_emoticons/default/biggrin.gif)
ก็เลยคิดถึงบ้านหลังนี้ก็เลยกลับมาจ้า..
![cool.gif](style_emoticons/default/cool.gif)
...........................................................................................................
สวัสดีครับท่านวินเซ้นท์..ชื่อคุ้นๆ ในหนังเรื่องหนึ่งที่เป็นเทวดานะ
ธรรมดาครับทุกเวปบอร์ดมักจะมีข้อขัดแย้งกันเสมอ เป็นตถตา มันก็เป็นอย่างนั้นแหละจ้า
ความขัดแย้ง แอนตี้ กับทุกข์เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ทุกข์เกิดเพราะความขัดแย้ง ความแอนตี้ บีบคั้น
แต่ตอนนี้ท่านวินเซ้นท์หมดทุกข์ ตรงนี้ดีใจด้วยจ้ะ
บุญ คือ สุข... บาป คือ ทุกข์ ..
ในชีวิตของบุคคล และในความเป็นไปของสังคม เราไม่สามารถหลีกหนี ผลแห่งการกระทำของเราได้ จริงไหมท่านวินเซนท์
ไม่ว่าความขัดแย้งกับตนเองก็เป็นทุกข์ และความขัดแย้งกับผู้อื่นก็เป็นทุกข์
ความขัดแย้งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขนาดในสภาวะจิตยังขัดแย้งกันเองก็มี เคยเป็นไหมท่านวินเซ้นท์
แต่เมื่อพูดว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา นั่นมิได้หมายความว่าเราไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
บาปและทุกข์นั้นมีหลายระดับหลายประเภท
บางประเภทเราไม่สามารถขจัดไปได้ เช่น ความแก่และความตาย ทำได้อย่างมากแค่ชะลอ
แต่บางประเภท เราสามารถระงับได้ เช่น ความหิว ความเจ็บปวด
หน้าตา บุญ กับ บาป เป็นไง
ก่อนอื่นผมขออนุญาติพาท่านวินเว้นท์มาเข้าโรงเรียนอนุบาล ของครูไม่ใหญ่ที่สุดในดวงใจผม ก่อนนะครับ โรงเรียนจะเปิดประมาณทุ่มเศษๆ ครับทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ จะเปิดแต่เช้า ครับ
พอเข้าโรงเรียน ครูไม่ใหญ่ ท่านก็จะถามนักเรียนอนุบาลทั่วโลกว่า "ยิ้มกันหรือยังจ้ะ" "ยิ้มกันไปทั่วโลกหรือยังจ้ะ"
นี้แหละคือหน้าตาของบุญของแท้ ครับ ส่วนหน้าตาของบาป ก็คือหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มล่ะครับ
ครับ คือคำตอบ..
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#18
โพสต์เมื่อ 14 December 2009 - 12:38 PM
ไม่ว่า มนุษย์จะตั้งใจเรียนหนังสือ มนุษย์จะตั้งใจทำการงาน มนุษย์จะตั้งใจศึกษาเีรียนรู้เรื่องราวต่างๆ หรือ แม้แต่มนุษย์ที่ประพฤติมิชอบ ไปปล้นผู้อื่นกิน การที่มนุษย์ทุกๆ คนทำเช่นนั้น ก็เพราะคิดว่า ผลของการกระทำนั้น จะให้ความสุขแก่เขาได้ไงล่ะครับ
ส่วนว่า การกระทำเหล่านั้น จะให้ความสุขแก่มนุษย์เหล่านั้นได้ยั่งยืนหรือเปล่า นั้นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ก็ยังไม่พูดในที่นี้ เพราะเดี๋ยวจะยาวครับ
มาว่าักันคำถามดีกว่า หากมนุษย์เข้าใจว่า แก่นแท้ในการศึกษาพระพุทธศาสนา ก็คือ ได้รับผลเป็นความทุกข์ รับรองว่า ไม่มีมนุษย์คนใดคิดที่จะศึกษาพระพุทธศาสนาแน่นอน ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้สนใจพระพุทธศาสนา เขาย่อมไม่คิดศึกษา เพราะศึกษาแล้วก็เป็นทุกข์เวียนหัว ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา เขาย่อมคิดเช่นนั้น
ตรงกันข้าม คนที่สนใจในพระพุทธศาสนา ย่อมคิดที่จะศึกษาพระพุทธเจ้าเพื่อไปให้ถึงแก่น คือ ความสุขอันแท้จริง นั่นเอง