ถาม
ศีลข้อ 10 คือ?
ถ้าเราถวายเงินให้พระเป็นการส่วนตัว เราจะผิดไหม พระท่านจะผิดไหมครับ
ที่ถามเพราะอยากจะรู้เหตุผลจริงๆ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง
เงิน
เริ่มโดย CEO, Dec 21 2009 12:26 PM
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 21 December 2009 - 12:26 PM
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#2
โพสต์เมื่อ 21 December 2009 - 12:41 PM
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#3
โพสต์เมื่อ 21 December 2009 - 01:10 PM
คือ ถ้าเป็นสมัยก่อนนั้น จริงอยู่ครับที่พระท่านไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลย
ท่านจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ใช้เดินทางเท้า หากมีขบวนเกวียนสินค้า
ผ่านไปผ่านมา ท่านก็สามารถโดยสารไปกับขบวนกองเกวียนนั้นได้
หรือบางทีเจ้าภาพ ก็จัดจ้างรถม้า ไปรับไปส่งท่านถึงที่เลย อย่างนี้ก็มีครับ
หรือ บางทีก็โดยสารเรือไปทางน้ำ โดยเจ้าของเรือไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด
ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ น้ำไฟก็หาได้ง่าย น้ำก็ไปตักเอาตามแม่น้ำลำคลอง
ส่วนไฟ ก็ใช้จุดเทียนให้ความสว่างในยามค่ำคืนแทน
แต่สมัยนี้ พระท่านจะเดินทางไปไหนมาไหน จะให้เดินเท้าอย่างเดียวก็จะขาด
จิตกรุณาต่อพระท่านไปหน่อยนะครับ ผมว่า
ทีนี้พอพระท่านจะขึ้นรถโดยสารไป ค่าโดยสารนี่ไม่ฟรีนะครับ ครั้นจะให้
มัคทายกติดสอยห้อยตามไปด้วย บางวัดมีมัคทายกคนเดียว มีพระเป็นสิบ
บางวัดก็ไม่มีมัคทายกเลย พระท่านก็ต้องมีปัจจัยไว้ใช้ค่าใช้จ่ายบ้างสิครับ
ส่วนน้ำไฟ ไม่ต้องพูดถึง จะใช้น้ำก็ต้องมีค่าน้ำครับ จะใช้ไฟก็ต้องมีค่าไฟ
เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นนะครับ จะให้เป็นตักน้ำใช้เอง ก็ลองไปดูน้ำในแม่น้ำ
ลำคลองสิครบ ว่าทั้งสีก็ดำ ทั้งกลิ่นก็สุดบรรยาย เราๆ ท่านๆ ยังไม่มีใครกล้า
นำไปใช้เลย ยกเว้น ชาวนาชาวไร่สูบน้ำไปใช้รดน้ำต้นไม้เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น เรื่องเงินมันก็เลยต้องดูเป็นสถานการณ์ๆ ไปน่ะครับ เช่น ถ้า
ถวายเงินเพื่อให้พระท่านนำไปใช้ประกอบธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด อย่างนี้ห้ามครับไม่ได้
แต่ถ้าถวายเพื่อให้พระท่านใช้จ่ายในยามสถานการณ์จำเป็นต่างๆ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ผมว่า ถวายได้ครับ
ท่านจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ใช้เดินทางเท้า หากมีขบวนเกวียนสินค้า
ผ่านไปผ่านมา ท่านก็สามารถโดยสารไปกับขบวนกองเกวียนนั้นได้
หรือบางทีเจ้าภาพ ก็จัดจ้างรถม้า ไปรับไปส่งท่านถึงที่เลย อย่างนี้ก็มีครับ
หรือ บางทีก็โดยสารเรือไปทางน้ำ โดยเจ้าของเรือไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด
ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ น้ำไฟก็หาได้ง่าย น้ำก็ไปตักเอาตามแม่น้ำลำคลอง
ส่วนไฟ ก็ใช้จุดเทียนให้ความสว่างในยามค่ำคืนแทน
แต่สมัยนี้ พระท่านจะเดินทางไปไหนมาไหน จะให้เดินเท้าอย่างเดียวก็จะขาด
จิตกรุณาต่อพระท่านไปหน่อยนะครับ ผมว่า
ทีนี้พอพระท่านจะขึ้นรถโดยสารไป ค่าโดยสารนี่ไม่ฟรีนะครับ ครั้นจะให้
มัคทายกติดสอยห้อยตามไปด้วย บางวัดมีมัคทายกคนเดียว มีพระเป็นสิบ
บางวัดก็ไม่มีมัคทายกเลย พระท่านก็ต้องมีปัจจัยไว้ใช้ค่าใช้จ่ายบ้างสิครับ
ส่วนน้ำไฟ ไม่ต้องพูดถึง จะใช้น้ำก็ต้องมีค่าน้ำครับ จะใช้ไฟก็ต้องมีค่าไฟ
เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นนะครับ จะให้เป็นตักน้ำใช้เอง ก็ลองไปดูน้ำในแม่น้ำ
ลำคลองสิครบ ว่าทั้งสีก็ดำ ทั้งกลิ่นก็สุดบรรยาย เราๆ ท่านๆ ยังไม่มีใครกล้า
นำไปใช้เลย ยกเว้น ชาวนาชาวไร่สูบน้ำไปใช้รดน้ำต้นไม้เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น เรื่องเงินมันก็เลยต้องดูเป็นสถานการณ์ๆ ไปน่ะครับ เช่น ถ้า
ถวายเงินเพื่อให้พระท่านนำไปใช้ประกอบธุรกิจห้างหุ้นส่วนจำกัด อย่างนี้ห้ามครับไม่ได้
แต่ถ้าถวายเพื่อให้พระท่านใช้จ่ายในยามสถานการณ์จำเป็นต่างๆ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
ผมว่า ถวายได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#4
โพสต์เมื่อ 21 December 2009 - 11:48 PM
ขอเดาว่า นอกจากท่านจะเอาไว้ใช้ในสิ่งจำเป็นแล้ว (อย่างที่คุณหัดฝันกล่าว หรือว่ามีอัฐบริขารขาดเหลือ)
ที่เหลือทั้งหมดพระท่านก็คงนำมาทำบุญค่ะ คนถวายปัจจัยก็จะได้บุญสองต่อค่ะ
ที่เหลือทั้งหมดพระท่านก็คงนำมาทำบุญค่ะ คนถวายปัจจัยก็จะได้บุญสองต่อค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#5
โพสต์เมื่อ 22 December 2009 - 08:25 AM
วันก่อนได้ไปถวายเพลที่หอฉัน ณ จุดบริการสื่อธรรมะ พอดีเห็นพระที่วัดรูปหนึ่งกำลังจะจ่ายเงิน
ค่าหนังสือ 3 เล่ม ก็เลยรับบุญสื่อธรรมะ ถวายหนังสือท่านเพื่อไปศึกษาและขยายวิชาต่างจังหวัด ปลื้มมากเลยค่ะ
เข้าใจว่าถึงจะเป็นหนังสือของวัด แต่น่าจะเป็นงบประมาณคนละส่วนกัน อุปกรณ์การเรียน การสอน ท่านก็ต้องใช้ปัจจัยซื้อหามา