ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระพุทธเจ้า ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตใช่หรือไม่?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 02:38 AM

จากที่ทราบเรื่องราวต่างๆของพระพุทธองค์
เราจะเห็นได้ว่าท่านได้กระทำปาฎิหารย์ต่างๆที่ขัดแย้งกับกฎของฟิสิกส์มากมาย
เช่น เหาะ ดำดิน ปาฏิหารย์กาย เนรมิตสิ่งต่างๆได้
ท่านสามารถย้อนกลับไปดูอดีตได้ยาวนานแสนนาน มองเห็นภพภูมิต่างๆตลอดภพสาม
ญาณทัสนะกว้างไกลทั่วอนันตจักรวาล

แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยเห็น หรือเคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนสามารถกระทำได้
นั่นก็คือการย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
(ดังที่จะเคยได้เห็นมาในนิยายวิทยาศาตร์หลายๆเรื่อง)

เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?

#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 03:02 AM

QUOTE
พระพุทธเจ้าไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ใช่หรือไม่?

ถูกต้องนะครับ
QUOTE
เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?

พระพุทธองค์แม้จะทรงอยู่เหนือกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของโลกก็จริง แต่ทว่า มีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่ง ที่พระองค์เองก็มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ เช่นเดียวกันกับบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย นั่นคือ "กฎแห่งกรรม" (เพราะฉะนั้น "สิ่งที่ทำไปแล้ว แก้คืนไม่ได้ นอกจากตั้งต้นใหม่")

#3 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 04:22 AM

what ever happened in the past.....happened....just go with the flow.... I think you can influed a little but you can't changed it complete.... just
u bek ka

#4 ขอบฟ้า

ขอบฟ้า
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 09:54 AM

เอ... แล้วทำไมต้องย้อนกลับไปแก้ไขอดีตด้วยล่ะค่ะ ก็ในเมื่อท่านบำเพ็ญบารมีจนกลั่นกายวาจาใจจนบริสุทธิ์แล้ว

ทุกคนต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ที่เค้าตั้งไว้ไม่น่าจะย้อนเวลากลับมาได้ ( อิๆ คิดเอาเองน๊า )

หลวงพ่อบอกว่า อดีตลืมให้หมด

คุณยายบอกว่า ชาติก่อนจะเป็นยังไงเอาไว้ก่อน สำคัญอยู่ที่ตัวเราในปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับตัวเรา เอาตัวเองให้รอด


#5 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 11:47 AM

QUOTE
ปาฎิหารย์ต่างๆที่ขัดแย้งกับกฎของฟิสิกส์มากมาย
เช่น เหาะ ดำดิน ปาฏิหารย์กาย เนรมิตสิ่งต่างๆได้

ตอบ ความจริงแล้วท่านทำตามกฎอะตอมฟิสิกส์ครับ คือ ถ้าจะเหาะ ท่านก็เปลี่ยนโมเลกุลในร่างกาย หรือทำให้โครงสร้างอะตอมในร่างกายเบากว่าเดิม ดำดิน ท่านก็เปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลให้ว่างดำดินครับ ปาฏิหารย์กายท่านก็ทำการสร้างภาพเวอชวลเหมือนอย่างที่วิทยาศาสตร์ใช้เครื่องยิงแสงเลเซอร์ทำภาพคนสามมิติ แหละครับแต่กลับกันตรงที่ท่านใช้พลังจิตเป็นสื่อสร้างภาพเท่านั้นเอง

QUOTE
แต่มีสิ่งเดียวที่ไม่เคยเห็น หรือเคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนสามารถกระทำได้ นั่นก็คือการย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

ตอบ กาลเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต เวลาที่สมบูรณ์ที่สุดคือ เวลาปัจจุบัน ส่วนเวลาที่ล่วงมาแล้วคือภาพในอดีต เวลาที่กำลังจะบังเกิดหรือภาพที่กำลังจะบังเกิด คือ อนาคต ไม่แน่นอนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเหตุปัจจัยในปัจจุบันเปลี่ยน ดังนั้นอดีตจึงเหลือแต่ภาพจับต้องไม่ได้อีกครับ เหมือนอย่างเราเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า เราก็กำลังเห็นภาพในอดีตเนื่องจากแสงเดินทางใช้เวลาผ่านห้วงอวกาศ ถ้าสมมุติเราตัดคำว่าเวลาออกไป ดาวดวงที่เราเห็นอยู่ ณ เวลานี้ ขณะนี้อาจจะดับไปแล้วก็ได้ครับ
สรุปคือ อดีต เป็นเพียงภาพของเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ อนาคต เป็นภาพของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดจากปัจจุบันมีเหตุบังคับให้เกิดทิศทางต่อไป ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราเห็นคนเล่นสนุ๊กเกอร์ ถ้านักกีฬายิงลูกขาวชนลูกดำด้วยแรง =...? มุม =...? พุ่งตรงทิศทางลูกดำพอดี ดังนั้นผลที่ลูกดำจะลงหลุมก็พอดีเช่นกัน เพราะแรง+มุม ได้ส่วน กล่าวคือ ถ้าเหตุในปัจจุบันถึงจุดสมบูรณ์ผลก็จะเกิดสมบูรณ์ได้ในอนาคต จุดสมบูรณ์ของเหตุการณ์ในปัจจุบันคือตัวชี้อนาคตนั่นเองครับ

#6 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 12:57 PM

กระจ่างชัดเจนดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณเกียรติก้อง กับคุณ xlmen นะคะ สาธุ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#7 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 08:02 PM

ขอบคุณพี่ xlmen มากๆ นะครับ ที่มาช่วยเสริมให้

#8 krittiya

krittiya
  • Members
  • 77 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:56ถถนฟากอง อ.เมือง จ.น่าน

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 09:27 AM

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างสำหรับผู้ชี้แจง

#9 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 09:31 AM

อืม เห็นด้วยกะพระคุณเจ้านะครับ และประเด็นเรื่อง การแก้ไขเรื่องในอดีต โอเช พร้อมใจนำเสนอในอีกแง่หนึ่งครับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจ คำว่า ระลึกชาติ กับ คำว่าย้อนอดีต พระพุทธเจ้าท่านมีวิชชา สาม คือ หนึ่งบุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ การระลึกชาติของตนเองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด อันที่สองคือ จุตูปปาตญาณ คือ การระลึกชาติเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ (วิชชาฝันในฝันอะครับ) ส่วนสุดท้ายก็คือ อาสวขยญาณ คือ การกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไปจากตัวเอง(ไม่กำจัดของคนอื่น) วิชชาทั้งสามเป็นลักษณะการทำงานของใจทั้งสิ้นอะครับ ไม่ได้เป็นลักษณะการทำงานของกาย หนังบางเรื่องที่ย้อนเวลาไปแก้อดีตนั้นเป็นลักษณะการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เอาตัวกับไปแก้ไข แต่วิชชาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ เป็นการทำงานของใจที่สามารถรู้เรื่องในอดีตได้ ไม่ใช่การเอาตัวย้อนกลับไปครับป๋ม

กล่าวคือ ภาพในอดีตที่ถูกบันทึกไว้ พระเดชพระคุณท่านบอกว่า เหมือนเป็นภาพวีดีโอที่ถูกบันทึกไว้ในกล้องที่ดีที่สุด คือ ใจของเรา หมายถึง ภาพนั้นถูกบันทึกจากเหตุการ์ณจริงที่เกิดขึ้นของแต่ละคน และใจแต่ละคนก็บันทึกภาพในสถาณการณ์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น สมัยเด็กๆทุกท่านมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การนึกยอ้นกลับไปดูภาพนั้น แม้เราจะอธิบายให้คนอื่นได้ชัดอย่างไร มันก็ไม่เหมือนในเหตุการณ์นั้นๆที่เกิดขึ้นจริง และการที่จะแก้ไขอดีต อาจจะอุปมาอย่างนี้ครับ คือ เหมือนกับการถ่ายทำหนังเสร็จสมบูรณ์แล้ว การที่จะแก้ไขหนังแต่ละเรื่องก็ต้องแก้ที่ตัวนักแสดงจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละฉาก แต่การที่เราจะย้อนเวลากลับไปแก้นั้นหาได้ไม่เพราะตัวละครแต่ละคนนั้น ได้สูญหาย ตามชนกกรรมของตัวเอง และสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนแปลงไป เงื่อนไขบุคคลก็ต่างไป ภาษาวัฒนธรรมก็เปลี่ยนไปอีก ดังนั้น ถ้าจะเปลี่ยนใหม่ก็ต้องไปย้อนทุกสิ่งทุกอย่างให้เหมือนเดิม เป็นเรื่องยากมากๆ สมมุติว่า ตัวละครในฉากนั้นๆ มีอยู่สามคน คนหนึ่งไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า แล้วคนหนึ่งไปเกิดเป็นสัตว์ ส่วนอีกคนหนึ่งไปเกิดเป็นคน ทั้งสามตัวละครเคยอยู่ในฉากเดี๋ยวกัน แต่มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ย้อนกลับไปดูได้แต่ก็ย้อนกลับไปดูในวีดีโอที่ตนเองบันทึกไว้เท่านั้น หาได้ย้อนกลับไปดูในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นไม่ ท่านถึงในลำว่าระลึกชาติไงครับ ไม่ได้ใช้คำว่า ย้อนกลับเข้าไปในอดีต คำว่าระลึก เป็นกิริยาที่ใช้กับใจเท่านั้น หาได้ใช้กับกายไม่ หรือ เอาตัวอย่างง่ายๆอีกอย่างเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เราจะได้เกือบทุกๆเรื่อง คำว่าจำก็คือ กิริยาที่ใช้กับใจ แม้เราจะจำได้แต่เราก็แก้ไขสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วไม่ได้ หากแต่จำได้ หรือ อีกตัวอย่าง คือ สมมุติว่าเราเพิ่งฆ่ายุงไปตัวเรารู้ว่ามันบาป แล้วเราสำนึกผิดว่าเราไม่ควรฆ่า แล้วเราก็ไม่อยากฆ่า ทั้งๆที่เพิ่งฆ่าผ่านมาสองนาที แต่เราก็ไม่อาจะย้อนเวลาได้ กลับไประวังไม่ให้ฆ่ายุงได้หากแต่เราจำเรื่องราวได้
หรือ ถ้าสามารถกลับไปแก้ไขเรื่องเหล่านั้นได้จริงๆก็ดีนะครับ เพราะเหมือนหลวงพ่อฝีนในฝันไปเราก็ย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีต เช่น ปัจจุบันเราเจ็บป่วยเพราะเคยเป็นทหารพระราชา ไปฆ่าคนไว้เยอะ เราก็ย้อนกลับไปแก้ไข แต่ทั้งนี้เพื่อนๆทหารก็มาสร้างบารมีกันอยู่ในพุทธัรดรนี้หมดให้ยังไงให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้กลับไปแก้ด้วยกันได้ น่าคิดนะครับ อิอิ พอสมควรแก่เวลา โอเช แปลว่าตกลงขอลาจร

#10 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 06:08 AM

การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงนิดเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้จนหมด
ดังนั้นการย้อนเวลาเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักของความเป็นจริง
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#11 สิมโน

สิมโน
  • Members
  • 19 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 04:27 PM

QUOTE
ปาฎิหารย์ต่างๆที่ขัดแย้งกับกฎของฟิสิกส์มากมาย
เช่น เหาะ ดำดิน ปาฏิหารย์กาย เนรมิตสิ่งต่างๆได้

เอ่อ ด้วยความที่เรียนวิทยาศาสตร์มานะครับ แต่ว่าไม่ได้จบฟิสิกส์มา
คือหากใช้หลักวิทยาศาสตร์ที่อยู่บนฐานความคิดของนิวตัน
ที่เป็นวิทยาศาสตร์มองธรรมชาติแบบกลไก โดยไม่มีเรื่องจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง
เราก็อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ น่าแปลก ขัดแย้ง

แต่ว่าในวิทยาศาสตร์ใหม่บนพื้นฐานของควอนตัมฟิสิกส์ เรื่องเหล่านี้เป็นไปได้ครับ
ด้วยความรู้งูๆปลาๆ ทางควอนตัมของผม ทราบมาว่า

วัตถุใดๆอาจจะมองว่า มันเป็นสสารหรือพลังงานก็ได้
หมายความว่ามีสมบัติทั้งเป็นคลื่นและอนุภาคในสิ่งเดียวกัน
แต่เราผู้ทำการสังเกตจะเห็นว่ามันแสดงคุณสมบัติใดก็อยู่การที่เราเอาเครื่องมือไปวัด ตรวจสอบ
เช่น อย่างง่ายๆก็คือว่า หากเราเอาร่างกายไปชั่งกิโล เราก็บอกว่ามีมวล เป็นสสาร
ถ้าเราเอาเทอมอร์มิเตอร์ไปวัด เราก็บอกเป็นพลังงาน อันนี้อย่างหยาบๆ

เพราะอาจจะค้านได้ว่า มันเป็นส่วนประกอบกัน... ไม่ได้หมายความว่าเป็นอย่างเดียวกัน
แต่ทางฟิสิกส์ก็ระดับเล็กอย่างอิเล็กตรอน ก็แสดงคุณสมบัติได้ทั้งสอง พิสูจน์ทดลองมาแล้ว

และทางควอนตัมก็บอกอีกว่า มันจะแสดงเป็นคุณสมบัติอย่างไรก็เหมือนรู้ใจเรา
คือมันก็เป็นของมันอย่างนั้น แต่หากว่า เรานึกว่ามันเป็นสสารมันก็จะแสดงคุณสมบัตินั้นให้เราจับต้องได้
มันไม่มีอยู่จริง จนเมื่อเราไปสังเกต... และเป็นไปตามจิตที่ปรุงแต่งมันขึ้นมา

และการทดลองทางควอนตัม อิเล็กตรอนก็สามารถเดินทางซ้ายหรือขวาตามจิตที่เราคิดได้
นั่นหมายความว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอาจขึ้นอยู่กำจิตเรากำหนด

กลับมาเรื่องฤทธิ์ หากเราทราบซึ้งว่าโลกนี้เป็นคลื่น วัตถุที่เห็นอาจจะไม่ใช่สสารเสมอ
อย่างในหนังเรื่องแมททริกซ์ที่นีโอเห็นว่าโลกนี้เกิดจากสัญญานไฟฟ้า แค่0กับ1
แล้วจิตเกิดสมาธิ มีกำลังพอและได้รับการฝึกฝน เราก็สามารถเล่นกับสัญญานเหล่านั้นได้
นีโอ ที่ทราบดีว่าโลกเป็นอย่างไร ก็เริ่มเหาะได้ เริ่มมีอิทธิฤทธิ์

ก็คล้ายๆกันมั้งผมว่า จิตที่เห็นว่าน้ำอาจจะไม่ใช่ของเหลว เป็นของแข็งเราก็เหยียบได้
ตัวเราหากจิตเราเข้าถึงว่า มันอาจจะไม่ได้หนักอย่างที่อายตนะทั้ง6รับรู้ เราอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็นรับรู้ ได้ยินเสมอ
เราก้าวพ้นจากนั้น เปิดการรับรู้ใหม่ จิตที่คิดว่าตนเบามันก็เบาได้ด่งใจนึก ก็เหาะได้

และเรื่องพวกนี้ หากเอาวิทยาศาสตร์พื้นฐานไปวัด ไปอธิบายก็บอกได้ระดับหนึ่ง
เมื่อ2500 ปีก่อนก็ยังไม่มีวิทยาศาสตร์สมัยนี้เกิดขึ้น วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เกิดแค่300ปีนี้
ยิ่งควอนตัมก็เพิ่งเข้าใจกันไม่กี่10ปี แต่การเข้าถึงธรรมชาติของพระพุทธเจ้ามีมาตั้งนานแล้ว
วิทยาศาสตร์ควอนตัมถึงเริ่มมาอธิบายตามหลังเรื่องจิตได้ ผมว่าทางพุทธก้าวหน้ากว่าวิทยาศาสตร์เยอะ

กฏและทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ไม่รู้ว่ากี่กฏกี่ทฤษฏี จะถูกล้มล้างและสร้างขึ้นใหม่
ถึงจะอธิบาย เข้าถึงความจริงได้มากๆยิ่งขึ้นไปอีก ผมว่าทางพุทธศาสนานี่แหละสุดยอดแล้ว ยังไม่มีข้อผิดเลย ความจริงของชีวิตและสรรพสิ่ง

ของอย่างนี้ ฟังเขาเล่าอย่างเดียวไม่เห็น และอย่าไปเชื่อครับ ต้องลองพิสูจนืดูด้วยตนเอง ว่าเป็นไปได้ ทำได้รึป่าว


#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 06:51 PM

เพราะเรื่องย้อนเวลาไปในอดีต เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีวันเป็นความจริงน่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด มันจะเป็นเพียงนิยายของวิทยาศาสตร์ตลอดไป


ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#13 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 01:55 PM

happy.gif

#14 Santinal

Santinal
  • Members
  • 15 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 June 2008 - 05:02 PM

โผม เชื่อในพุทธวิสัย ของพระพุทธเจ้า ว่าเป็นอจินไตย สามารถกระทำได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่การกลับไป
แก้ไข อดีดที่ผิดพลาดในอสงไขยกับป์ ที่ผ่านมาเหล่านั้น

แต่หลักคำสอนที่ว่า "ผลย่อมเกิดจากเหตุ" เพราะมีเหตุ แต่ในอดีดอสงไขยชาตินั้นมา จึงได้บังเกิดผลใน
ปัจจุบันชาตินี้

นั่นหมายความว่า ถ้าเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีด(เหตุ) ปรากฎปัจจุบันที่มีอยู่ จะหายไป จะกลายเป็นปัจจุบันใหม่ทันที (ผล)

ยิ่งเราแก้ไขอดีด ย้อนเวลาไปมาก (กับป์,อสงไขย) ปัจจุบันของเราอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน ดีหรือร้าย เป็นอจินไตย คือยากที่จะคาดเดาได้