ธรรมคติจากพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2546 14:29 น.
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในการศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ โดยสมัยที่ทรงศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนจิตรลดา
ได้เสด็จฯไปสดับเทศน์มหาชาติตลอดทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเวลาติดต่อกัน ๓ วัน
และทรงรับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมารด้วย ทรงอ่านชาดกครบทั้ง ๕๔๗ เรื่อง อีกทั้งยังทรงสามารถท่องบทอาราธนาศีล
บทอาราธนาธรรม และบทอาราธนาพระปริตร ได้อย่างชัดเจนแม่นยำ
ความที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถด้านภาษาไทยโดยเฉพาะทางร้อยแก้วและร้อยกรองเป็นเลิศนั้น
ได้ทรงสอดแทรกหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านบทพระราชนิพนธ์ในรูปแบบต่างๆ มากมาย
ทั้งเรียงความ บทความ เรื่องสั้น และสารคดี
ดังจะขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ เรื่อง ‘ความสุข’, ‘วัดที่ข้าพเจ้าชอบ’ และ ‘สายไปเสียแล้ว’ ที่ได้ตีพิมพ์ไว้ในหนังสือ‘สารสายใจไทย’
ฉบับพิเศษ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔ และบทพระราชนิพนธ์เรื่อง ‘ถ้าแม้นไม่ทำดีในแดนดิน จะถวิลถึงสวรรค์นั้นอย่าหา’
และ ‘ว่าด้วยสำเภาในการเทศน์มหาชาติ’ ที่ได้ตีพิมพ์ในหนังสือ ‘๓ รอบ จิตรลดารวมใจ’ ฉบับพิเศษ พ.ศ.๒๕๓๔
ซึ่งพระองค์ได้ทรงนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งยังทรงศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนจิตรลดา มาถ่ายทอดอีกวาระหนึ่ง
เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้ร่วมชื่นชมพระปรีชาสามารถและซึมซับหลักธรรมผ่านบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
‘เจ้าฟ้าหญิง’ ผู้ทรงอยู่ในหัวใจของชาวไทยตลอดกาล
ความสุข[b]
เมื่อต้นเทอมนี้ ข้าพเจ้าได้เรียนวรรณคดีเรื่องความสุข ซึ่งผู้แต่งคือพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป)
ซึ่งหนังสือเล่นนั้นกล่าวถึงความสุขในสมัยเด็กและสมัยเป็นผู้ใหญ่ ทั้งในคดีโลกและคดีธรรมตามความคิดเห็นของท่านผู้แต่ง
อาจารย์ผู้สอนยังให้ตอบคำถามท้ายบทเพื่อให้เข้าใจเรื่องได้ดีลึกซึ้งขึ้น เนื่องจากเรื่องความสุขนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง
ซึ่งถ้านำมาเป็นหัวข้ออภิปรายหรือปาฐกถาแล้วคงมีผู้สนใจไปฟังมากทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องความสุขนั้นเคยมีผู้ถามข้าพเจ้าว่า คำว่า “ความสุข” นั้น ในทัศนะของข้าพเจ้าคืออะไร ขณะนั้นหลายปีมาแล้ว
ข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามนี้ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าตนเองมีความสุขหรือทุกข์อย่างไร จึงตอบเขาเพียงสั้นๆ ว่า ความสุข
คือการกระทำใดๆ ก็ได้ที่ดี และไม่บังเกิดผลเสียที่จะทำให้เกิดความทุกข์ใจ กังวลใจในการกระทำครั้งนั้น
หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย จนได้เรียนในหนังสือวรรณคดี นี่แหละ
ในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้ามีความเห็นพ้องกับพระสารประเสริฐว่า ความสุขที่แท้จริงไม่มีในโลก มีแต่เพียง “ทุกข์น้อย” เท่านั้น
ความสุขเกิดจากความกังวล ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายที่ยังไม่สำเร็จพระอรหันต์ ยังมีกิเลสอยู่ย่อมมีทุกข์หรือมีความกังวลด้วยกันทั้งสิ้น เด็กๆ
ซึ่งผู้ใหญ่มักจะกล่าวว่าสบาย มีความสุข เพราะไม่มีกังวลนั้นก็มีกังวล คือมีกังวลว่าวันนี้จะได้เล่นหรือไม่ การเรียนจะเป็นอย่างไร
ถ้าเรียนไม่ดีอาจถูกคุณพ่อคุณแม่ดุหรือตีเอา ต้องคอยกังวลที่จะเอาใจผู้ใหญ่ ทำอะไรทั้งหลายต้องทำแต่สิ่งที่ผู้ใหญ่ชอบใจ
แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าซึ่งยังเป็นเด็กอยู่กังวลมากที่สุดคือเรื่องอนาคต ซึ่งอาจจะกังวลมากกว่าผู้ใหญ่เสียอีก เพราะเด็กยังมีเหตุการณ์ต่างๆ
รออยู่เบี้องหน้าอีกมากมาย (ตามปรกติ) ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ซึ่งอนาคตเหลือน้อยลงทุกทีๆ
ซึ่งเมื่อมีความกังวลมากมายนี้จะมีความสุขได้อย่างไร
ท่านอาจคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเด็กจึงคิดเข้าข้างเด็ก แต่ไม่เห็นความทุกข์ของผู้ใหญ่บ้าง
แต่ก็นั่นแหละข้าพเจ้าจะเอาความทุกข์ของผู้ใหญ่มานั่งคิดให้หนักสมอง ทำให้ความสุข
ซึ่งในที่นี้หมายถึงทุกข์น้อยให้กลายเป็นทุกข์มากไปทำไม
เมื่อกล่าวถึงความทุกข์มากมายแค่นี้จนเกือบจะขัดกับชื่อเรื่องไปแล้ว ก็ขอย้อนมากล่าวถึงความสุขที่แท้จริง อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้โมกขธรรมอันเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสุข แล้วได้เสวยวิมุตติสุขอยู่ในบริเวณนั้นเป็นเวลานาน
ภายหลังจึงได้ทรงออกประกาศพระศาสนาเพื่อให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ต่อไป การ
ที่พระองค์ประสบความสุขที่แท้จริงแล้วยังทรงออกมาเพื่อสั่งสอนผู้อื่นนั้นมิได้เป็นความกังวล เพราะทรงใช้เมตตาธรรม
ผู้ที่มีความรู้สติปัญญาที่จะเข้าใจได้ก็จะพ้นทุกข์และมีความสุข พวกเราทั่วๆไปนั้นหาน้อยมากหรืออาจไม่ มีเลยที่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้
แต่อาจจะใช้ธรรมนั้นเป็นเครื่องปลอบใจให้ความทุกข์น้อยลงได้บ้าง
นอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้ ข้าพเจ้ายังมีความเห็นเฉพาะตัวข้าพเจ้าเองว่า ความสุขของข้าพเจ้านั้น คือการทำดี ทำประโยชน์
เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อสิ่งหรือบุคคลที่มีพระคุณ เช่น บิดา มารดา ประเทศชาติ ดังนั้น
ความคิดของข้าพเจ้าก็ยังมีส่วนคล้ายความคิด เมื่อหลายปีมาแล้วนั้นเอง
ข้อสอบ วิชาเรียงความ ชั้น ม.ศ. ๓
ธรรมคติจากพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ตอนที่ ๑
เริ่มโดย Dd2683, Jan 25 2006 02:53 PM
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 02:53 PM
#2
โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 10:41 AM
(ยิ้ม) ทรงพระปรีชามากค่ะ
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง