![unsure.gif](style_emoticons/default/unsure.gif)
![รูปภาพ](http://www.gravatar.com/avatar/11193d996c93acefda381a6083d88117?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
อยู่ๆ ก็ใจหมอง..
#1
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 03:24 PM
![unsure.gif](style_emoticons/default/unsure.gif)
#2
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 04:17 PM
มันจะรู้สึกดีขึ้นเองอะฮะ
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)
#4
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 05:34 PM
หรือว่า เรื่องการดำรงชีวิต
หรือว่าจะ เป็นเรื่อง ขาดกำลังใจคะ
แต่เรื่องอะไรก็ช่างเถอะ
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
หายเร็ว ๆ
ถ้าไม่หาย อ่านธรรมะเยอะ ๆ
kissy อ่าน เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี อยู่
สนใจ ก็ลองอ่านดูนะคะ
อ่านซ้ำ ๆ จะได้ขึ้นใจ แล้วนำมาใช้ ในชีวิตประจำวัน
#5
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 07:02 PM
แนะนำอ่านกระทู้เก่าที่ผมเคยตั้งไว้นะมีหลายท่านให้ข้อคิดไว้ดีมาก :-)
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=21649
แต่สำหรับผมนะครับดีใจที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ ถึงแม้มันจะมีผลกระทบกับจิตใจอยู่บ้างพอสมควรแต่มันก็ได้ข้อคิดอะไรกับชีวิตของตัวเองมากทีเดียว
เพราะปัญหาบางปัญหาถ้าไม่ได้เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึก อย่าลืมซิครับ "เราเกิดมาสร้างบารมี"
ปล. แนะนำฟังคำสอนยาย MP3 เป็นอารมณ์ครับจะช่วยได้มาก
Happy&Smile
#6
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 08:56 PM
หรือฟังเพลง ของวัด ชอบเพลงไหนก็โหลด ได้ตามสบายครับ http://www.kalyanami...ex_etc_song.asp
หรือนึกถึงบุญทุกบุญ ที่คุณเคยทำมาทั้งหมดครับ ค่อย ๆ นึกนะครับ
ขอให้ใจใส ๆ นะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 10:02 PM
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#8
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 10:07 PM
แม้จะหาวิธีทำให้ไม่ เครียด เหงา เบื่อ เซ็ง เศร้า กลุ้ม ด้วยวิธีต่างๆ
อาจเป็นดูหนัง ฟังเพลงที่ชอบ ไปเที่ยวช็อปปิ้ง โทรคุยกับเพื่อนก็ไม่หายคะ
มันแค่เพลินๆ ไปช่วงหนึ่ง พอหายเพลิน เดี๋ยวมันก็กลับมาเครียด เหงา เบื่อ เซ็ง เศร้า กลุ้ม เหมือนเดิม
วิธีแก้ที่ดีที่สุดมีวิธีเดียวเท่านั้นคือ "การนั่งสมาธิ" หยุดใจไว้กับตัวเอง
ถ้าทำอย่างนี้ ไม่นานดวงใจที่เคยเครียด เหงา เบื่อ เซ็ง เศร้า กลุ้ม ก็จะกลับมาสดใสดังเดิม
ลองทำดูนะคะได้ผลจริงๆ "แม้นั่งไม่ลง ก็ต้องนั่ง" เพื่อตัวเราเอง
#9
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 10:10 PM
พวกมารมาทีไม่มาเดี่ยวครับ พี่แก่เล่นรุมเลย มากันทุกทิศทุกทาง :-) ใช่หรือเปล่าต้องให้ จขกท มาเฉลยนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 12 January 2010 - 11:06 PM
แต่ตอนหลัง ๆมันหายไปเลยเพราะกลัวค่ะ กลัวใจหมองต้องไปอบาย
ตอนที่เป็นนะ หน้ายังไม่อยากล้างเลย แต่บังคับตัวเองให้อาบน้ำ สระผม
ความรู้สึกก็จะดีขึ้น แล้วทำสิ่งที่ตัวเองชอบมากที่สุด shopping..อันนี้ไม่ดีค่ะไม่แนะนำเพราะเปลืองเงิน
โดยใช่เหตุซื้อในยามที่สติไม่เต็มร้อย ไม่ดีค่ะ อย่าทำ
ดีที่สุดฝึกใจให้หันไปเส้นทางธรรม สอนตัวเองให้ได้จากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆตัวเรา เรามีหลวงปู่ มีคุณยาย มีหลวงพ่อ
ที่วิเศษสุดถึง 2 รูป และยังมีกัลยาณมิตรทั้งหลวงพี่ และเพื่อน ๆอีก เราโชคดีมากนะ รู้ตัวหรือเปล่า ชอบอะไร
DMC มีให้หมด.เช่น.ชอบเพลงก็มีเพลง และเพลงแก้การยึดมั่นถือมั่นก็มีดีๆ มากมาย ฟังดีๆ แล้วคิด ตรึกตาม ก็แล้ว
แต่จริตของแต่ละคนว่าชอบอย่างไร ปรับให้เข้ากับตัวเรา
นอกเหนือจากทางด้านจิตใจแล้ว ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ให้ระวังความสมดุลย์ของร่างกายด้วยค่ะ
ขอให้โชคดีนะจ้ะ แต่ อย่าเข้าใกล้เสือ โดยเฉพาะเสือใบนะน่ากลัวที่สุด อืม..(แซวกลับแย้วววว)
#11
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 08:06 AM
#12
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 08:45 AM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#13
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 08:48 AM
สรุปคือ..ได้ผล! ใจกลับมาใสขึ้นทันที...ใจนิ่งมาก
และก็รู้คำตอบแล้วว่าทำไมใจจึงหมอง เพราะน้ำเอาใจออกจากจุดที่มันเคยอยู่ ไปยึดติดกับเรื่องโน้นเรื่องนี้มากไป (ไร้สาระสิ้นดี)
แล้วใจก็หลุดลอยออกไป....
แต่ตอนนี้ใจเข้าสู่สภาวะปกติแล้วค่ะ แต่ก็ยังกลัวว่าใจจะเผลอเป็นแบบนี้อีก..
********** ขอขอบคุณพี่ๆ ทุกๆท่านที่เป็นห่วงและให้กำลังใจ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#14
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 10:18 AM
(เป็นการเตือนตัวเองไปในตัวด้วยครับ)
#15
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 12:15 PM
ครูไม่ใหญ่จึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น ลูกก็ต้องเบื่ออารมณ์นั้นด้วย (เบื่อความรู้สึกที่เบื่อไปหมดทุกอย่างด้วย)"
พี่เขาฟังหลวงพ่อแล้วก็นิ่งอึ้งไป ครั้นพอ อาทิตย์ต่อๆมา ผมก็สังเกตุเห็นพี่เขามาฟิตในการสร้างบารมีเหมือนเดิม
#16
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 05:48 PM
#17
โพสต์เมื่อ 13 January 2010 - 08:56 PM
แล้วใจก็หลุดลอยออกไป....
โอ้โห... คิดสอนตัวเอง หาคำตอบให้กับตัวเองได้ เนี่ย... ไม่ธรรมดาเลยนะคะ รู้ตัวรึเปล่า ว่าเป็นผู้มีปัญญามากเลยหล่ะ คงสั่งสมบุญจากการนั่งสมาธิมานาน แม้จะมีเหตุให้ใจหมอง ก็สามารถดึงใจกลับเข้าศูนย์ รักษาใจใสๆ ไว้นะคะ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
เราให้กำลังใจใคร กำลังใจนั้นจะบังเกิดขึ้นในตัวของเรา
มันจะขยายเป็นพลังอนันต์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด และจะยิ่งสูงส่งขึ้นไปอีก
#18
โพสต์เมื่อ 16 January 2010 - 10:19 AM
เพราะอาการของใจคนเรา นั้นแปลกค่ะ หากว่าว่างแบบไม่มีอะไรต้องเสร็จภายในเวลาที่กำหนด เราก็จะจิตว่าง พอว่าง ก็ทำให้ปลงกับโลกรอบตัว
ก็จะมีอารมย์ อย่างว่า เข้ามาได้ แต่ก็เคยมีบางครั้งที่เราก็อดปลื้ม กับสภาพแวดล้อมตัวเอง ใจรับรู้ได้ถึงบุญที่เราเป็นอยู่ เช่นบุญจังที่เรามีบ้านอยู่ มีรถขับ มีคนรอบตัวที่ดี น่ารัก เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ของสิ่งเดียวกัน ก็ทำให้เราหดหู่เศร้าได้เช่นกัน แปลกค่ะ
พอสังเกตุตัวเองบ่อยๆ เข้าก็รุ้ว่า มักจะเป็นอาการแบบนี้ในวันพระ 15 ค่ำ ก็เลยเอาใหม่ค่ะ พอวันพระ ก็จะถื่อศีลแปด และนั่งสมาธิให้มากขึ้น และหากว่าจัดเวลาได้ก็อยู่บ้านทั้งวัน แบบสงยอารมย์ตัวเอง แล้วก็นั่งสมาธิให้มากเข้า รักษาใจให้อยู่้ในอารมย์ ของการอินกับธรรมะ มากขึ้น
ตอนนี้ ก็เลยลืมไปแล้วว่าเคยอารมย์นั้นอยู่ แต่เคยชินกับกิจกรรมใหม่วันพระ อยู่คนเดียวแล้วอารมย์สงบมากขึ้น
ลองไปทำดูก้ได้ค่ะ อาจจะหายค่ะ เพราะ เคยได้ยินหลวงพ่อทั้งสองเคยพูดไว้เหมือนกันว่าบางครั้ง เราก็จะมีอารมย์ปลง และหดหู่ได้เพราะเรารู้ว่า ชีวิตเราก็มีแค่นี้ แหละ ไม่นานก็ลาจากโลกนี้ไปแล้ว อารมย์เศร้าตรงนี้ ก็พุดมาได้ค่ะ
ขอให้หายเร็วๆ นะคะ
#19
โพสต์เมื่อ 16 January 2010 - 12:40 PM
ช่างคล้ายๆ แต่ตรงกันข้ามกับ ของคุณครูไม่เล็ก สมัยท่านยังเป็นฆราวาส ท่านมักจะบอกว่า "ใจท่านมักจะนิ่งสงบ ใจรวม และได้คิดเรื่องดีมากๆ" ในวันขึ้น 15 ค่ำพอดีเช่นกัน โดยเฉพาะเวลาที่ท่านมองดวงจันทร์เต็มดวง ใจท่านจะสงบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
#20
โพสต์เมื่อ 16 January 2010 - 01:13 PM
![laugh.gif](style_emoticons/default/laugh.gif)