"อุกาสะ"..ขอเล่าบรรยากาศพิธีขอขมาครับ
#1
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 04:41 PM
บรรยากาศเมื่อเดินเข้าไปในพิธีซึ่งมีผู้ปกครองนาคธรรมทายาทนั่งรอคอยพิธีกรรมที่สำคัญยิ่งในชีวิตของผู้ซึ่งเป็นบิดาและมารดาหรือแม้กระทั่งผู้ปกครองของเหล่านาคธรรมทายาท ผู้ซึ่งตัดแ้ล้วซึ่งเครืองพันธนาการที่ผูกมัดชีวิต ผู้ซึ่งตัดสินใจแน่วแน่ที่จะบวชในครั้งนี้ และผ่านการฝึกอบรมตนเองอย่างยิ่งยวดเพื่อที่จะได้เป็นพระแท้ ได้เป็นสมบัติอันล้ำค่ำของพระพุทธศาสนาของประเทศไทยของเรา ภาพที่เห็นในเบื้องแรกคือใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใสของเหล่าผู้ปกครอง เพื่อนสนิท หรือแม้แต่กระทั่งเด็กเล็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน หรือภาพคุณแม่คุณพ่อผู้ปกครองที่นั่งอยู่บนเสื่อตามแนวที่เตรียมไว้ หรือบางท่านที่สุขภาพไม่ดีก็นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยท่าทางอันสงบนิ่ง แต่ทุกท่านล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดชื่น สดใสและเฝ้ารอเวลาที่เค้าเหล่านั้นรอคอยมานานแสนนาน
เมื่อถึงเวลาพิธีกรรม พิธีกรก็เชิญชวนให้ผู้ปกครองทุกท่านได้หลับตานั่งสมาธิเพื่อเป็นการกลั่นใจให้ใสๆ เพื่อที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญอันยิ่งใหญ่ที่จะมาถึงในไม่ช้า ภาพที่สดใด เสียงที่ดังจากการคุยกันเมื่อสั่งครู่กลับเงียบลง เหลือเพียงเสียงนกที่ร้องสลับไปกับความเงียบด้วยบรรยากาศแห่งความสงบเย็นสบาย และเมื่อพิธีกรได้เริ่มอ่านบทกลอนกล่าวถึงการได้บวชเพื่ออบรมตนเองในครั้งนี้ เหล่านาคธรรมทายาทก็ได้เริ่มเดินเยื่องกายเข้ามายังพรมแดงที่ถูปูราดไว้ ด้วยอาการอันสงบนิ่งและสง่างาม เหล่าชายผู้ได้โอกาสที่ได้เข้าร่วมพิธีมีทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยรุ่นที่ยังแข็งแรงและผู้มีอายุมาก แต่ท่านเหล่านั้นมีสิ่งที่เหมือนกันคือ หัวใจที่แข้้มแข็ง ที่ได้ผ่านการฝึกฝนอบรมตนเองอย่างแข็มข้นในเบื้องต้น และพร้อมที่จะได้รับการฝึกฝนอบรมตนเองเป็นพระแท้ เป็นธรรมทายาท เป็ฯบุตรแห่งพระพุทธองค์ ต่อไปในเพศสมณะต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เมื่อนาคธรรมทายาทได้เดินจนมาหยุดที่หน้าผู้ปกครอง เบื้องหน้าของผู้ปกครองคือบาตรและผ้าไตรจีวร ที่นาคธรรมทายาทจะได้รับมอบจากบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง บุคคลผู้ให้กำเนิด บุคคลที่ผมกล้าจะใช้คำว่ารักได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อเทียบกับความรักของหนุ่มสาวที่มอบให้กันแล้ว ไม่สามารถเทียบกับความรักที่บิดามารดามีให้กับบุตรเลย เมื่อเสียงฆ้องดังขึ้นเหล่านาคธรรมทายาทก็ได้หันมาหาผู้ปกครองและนั่งคุกเข่าลง พิธีกรให้สัญญาณให้นาคธรรมทายาทกราบผู้ปกครอง ผมว่านี้คือภาพแห่งความทรงจำภาพหนึ่งทีเดียว ในใจผมนึกว่าการที่เราจะได้ทดแทนบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่ด้วยการกระทำต่างๆ มันก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี แต่ภาพที่ผมได้เห็นเหล่านาคธรรมทายาทได้กราบลาเพื่อขอบวชมันเ็ป็นภาพที่ประทับใจในจิตใจของผู้ัเป็นพ่อและแม่ตราบจนสิ้นอายุไขของท่านมากกว่า แล้วยิ่งเมื่อนาคธรรมทายาทกราบเสร็จเรียบร้อย เสียง "อุกาสะ" ก็ดังขึ้นพร้อมกัน เชื่อไหมครับท่านใดไม่เคยได้บวชคงไม่รู้ซึ้งกับคำคำนี้เท่าไหร แต่ถ้าท่านลองได้บวชซักครั้ง แล้วได้มีโอกาสกล่าวประโยคที่ว่า "อุกสาะ ดังข้้าพเจ้าทั้งหลาย ฯลฯ" ท่านจะเข้าใจดีว่ามันมีความหมายเพียงใด นาคหลายท่านไม่สามารถกลั้นอารมณ์ความรู้สึกในใจออกมากได้ ต้องปล่อยให้ความปลื้มปิติในใจไหลรินออกมาเ็ป็นน้ำจากนัยตา แต่มันเป็นน้ำตาแห่งชัยชนะที่ได้ชนะแล้วซึ่งกิเลสในตัว พร้อมแล้วที่จะเปลียนเป็นเพศบรรพชิตที่ทรงคุณค่า น้ำตาของผู้เป็นแม่ก็ไหลรินด้วยความปลื้มปิติด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกท่านที่ร้องให้ด้วยความปลื้มปิตินั้น หลายท่านแสดงความปลื้มใจในบุญนี้ด้วยสายตา สายตาที่สดใสเป็นประกาย สายตาที่แสดงถึงความตื้นตันและสมหวังที่ลูกชายสุดที่รักได้บวช
และเมื่อเสียงพิธีกรให้สัญญาณลำดับต่อไปดังขึ้น ผู้ปกครองก็มอบบาตรและจีวรให้กับนาคธรรมทายาท เมื่อได้รับบาตรและจึวรเรียบร้อยแล้ว พิธีกรก็ให้เหล่านาคธรรมทายาทนั่่งพับเพียบและหลับตา หลังจากนั้นก็มีเสียงเพลงของตะวันธรรมดังสวนขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น "น้ำตาแม่หลั่งจากใจแม่ริน เพียงแม่ได้ยินคำกล่าวอำลา ฯลฯ" บรรกาศตอนนั้นถ้าใครไม่ปลื้ม ถ้าใครไม่ปิติ ถ้าใครไม่ตื้นตันใจก็คงจะเป็นเรื่องแปลก ผู้ที่ปลื้มอยู่แล้วก็ยิ่งปลื้มขึ้นไปอีก บางท่านก็ต้องมาหลั่งน้ำตาแห่งความปิติอีกครั้งในช่วงนี้ เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ และเมื่อจบเพลงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เสร็จลง พิธีกรจึงเปิดโอกาสให้เหล่านาคธรรมทายาทและผู้ปกครองได้พูดคุยกัน นาคหลายท่านก้มกราบลงที่ตักคุณแม่อีกครั้ง หลายท่านสวมกวดด้วยความคิดถึง หลายท่านยิ้มหัวเราะคุยกันอย่างมีความสุข หลายท่านได้บันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอล แต่ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ภาพเหล่านี้ได้ถูกบันทึกด้วยเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดนั่นคือศูนย์กลางกายของเราเีรียบร้อยแล้ว หลังจากได้พูดคุยกันเป็นระยะเวลาพอสมควร พิธีกรจึงให้สัญญาณเพื่อให้นาคธรรมทายาทได้กลับไปพักผ่อนและเตรียมตัวบวชต่อไปในช่วงบ่าย แน่นอนครับทุกอย่างทั้งตอนเดินเข้าพิธีและเดินออกจากพิธีก็ยังคงเต็มไปด้วยความเป็นระเบียบ สงบ และสง่างาม สมแล้วที่จะเป็นบุคคลที่ได้เป็นพระแท้ให้เราได้กราบไหว้ในอนาคตอันใกล้ๆ นี้
ปล. มือใหม่หัดเขียนนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ.ที่นี้นะครับ :-)
Happy&Smile
@--แสงตะวัน--@
#2
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 05:11 PM
อยากเห็น อยากเห็น อยากเห็น
#3
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 05:13 PM
#4 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 05:29 PM
#5
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 05:57 PM
วันนี้ได้แต่เกาะสถานการณ์ดูผ่าน dmc.
เพราะมีบุญใหญ่รออยู่
พรุ่งนี้ต้องประชุมทั้งวันอีก
วัน คืน ล่วงไปเร็วจริง ๆ นะคะเนี่ย
รู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้เห็นการบวชพระจำนวนมากขนาดนี้
ตอนนี้ปลื้มแสนปลื้ม แต่มะรืนนี้จะปลื้มล้านปลื้นแน่
#6
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 07:20 PM
#7
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 07:44 PM
#8
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 09:06 PM
ส่วนคนที่ไปร่วมพิธีด้วยกัน เป็นคนใหม่เกือบทั้งหมด ร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจทุกคน ไม่มีที่ไหนอีกแล้วค่ะ ที่จะจัดพิธีกรรมได้ ประทับใจ ได้ขนาดนี้ โมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุ
#9
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 09:43 PM
ผมลืมติดกล้องไปครับ ท่านใดถ่ายบรรยากาศไว้ ช่วย post ให้หน่อยนะครับ
#10
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 10:47 PM
#11
โพสต์เมื่อ 04 February 2010 - 10:55 PM
...มีครอบครัวหนึ่ง แม่กับน้า กับลูกสะใภ้มาบวชลูกชาย แต่แม่เป็นลม ผมก็สังเกตุอยู่ว่า เอ๊ะทำไมเป็นลมหลายรอบจัง ทีมรักษาบรรยากาศก็ไปตามพยาบาลมาดู แต่แม่ก็ไม่ยอมลุกไปเพราะยังไม่เจอหน้าลูกชาย ก็นั่งๆ แล้วนอนๆ แล้วก็เป็นลมอีก ที่ติดตามมาด้วยก็ช่วยกันปฐมพยาบาล
..พอได้เวลาพิธี พอนาคเข้ามา รับบาตรจีวร เสร็จ แม่ก็อาเจียนแล้วก็นอนฟุบ หน้าลูกชายถอดสีเลย ได้แต่บอกว่าแม่ไปก่อน น้าพาแม่ไปหาหมอ ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้แล้ว (ประมาณนั้น) ก็มีทีมรักษาบรรยากาศมาพยุงออกไปแล้วก็ขึ้นรถพยาบาล
..ทราบภายหลังว่า แม่ปวดท้องมาก ปวดขนาดที่ลุกหรือเดินออกมาเองไม่ได้แล้ว ส่วนลูกชายก็คงใจเสียไม่น้อย แต่ทีมงานของวัดเรา ขอบอกว่าทำงานได้รวดเร็วมาก และก็มองความสำคัญที่ว่าแม่จะขอมอบผ้าไตรลูกให้ได้มาเป็นสำคัญ นี่แหละครับ เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นของวันนี้..
#12
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 09:01 AM
#13
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 11:46 AM
ผู้คนมากมายแต่สงบและศักดิ์สิทธิ์มาก
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับคุณแสงตะวัน
เรียงร้อยถ่ายทอดได้ดีจัง...นี่ขนาดมือใหม่
หัดเขียนนะเนี่ย!
ถ้าอยากได้"จริง"จะได้...แต่ตอนจะได้ไม่"อยาก"
#14
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 11:47 AM
#15
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 01:58 PM
#16
โพสต์เมื่อ 05 February 2010 - 04:30 PM
#17
โพสต์เมื่อ 06 February 2010 - 12:26 AM
กลอนขอขมาเพื่อลาบวช
หยาดน้ำตา ไหลนอง อาบสองแก้ม
รอยยิ้มแย้ม เปี่ยมสุข จิตผ่องใส
ปลี้มปิติ เห็นลูกครอง คล้องผ้าไตร
ตามครรไล รอยบาท ศาสดา
เพียงครั้งเดียว ที่หวัง ในชีวิต
ขอตั้งจิต สืบสานพระ ศาสนา
ลูกขอบวช ตามรอย พระสัมมา
เทิดคุณค่า พุทธศาสน์ ปราชญ์บดินทร์
เหนือพระคุณ อื่นใด ในไตรภพ
ฤาจักกลบ พระคุณแม่ ให้ถวิล
ค่าน้ำนม จากอก ที่หลั่งริน
ฤาจักสิ้น แม้นชีพดับ ลับวิญญา
“อุกาสะ” ลูกขอลา ในครานี้
เพียงเพื่อที่ แทนคุณพระ ศาสนา
แทนพระคุณ พ่อแม่ ที่เมตตา
เลี้ยงดูมา จนเติบใหญ่ ใช่จากจร
แม้นเกิดใหม่ เป็นลูก ศากยะ
ใช่ลดละ คำแม่ ที่สั่งสอน
น้ำคำพ่อ ครูอาจารย์ ยังสังวรณ์
ใช่ตัดรอน เรียงร้อย ถ้อยวจี
แม้นพลาดพลั้ง ผิดไป ในครั้งก่อน
ยังอาทร ขอขมา ละศักดิ์ศรี
ขอก้มกราบ แทบบาท พระภูมี
ตัวลูกนี้ ขอลา สถาพร
เอสาหัง ภันเต อุกาสะ
สรณะ พุทธองค์ คงคำสอน
ละกิเลส ตัณหา ละนิวรณ์
คือคำสอน แห่งองค์ พระสัมมา
ขอครองผ้า ผืนนี้ เพียงครั้งหนึ่ง
ขอเพียงพึ่ง บารมี ไตรสิกขา
ครองผ้าทอง กาสายะ พระพุทธา
น้อมบูชา องค์พระ รัตนตรัย
ขอน้ำตา แม่แก้ว อย่ารินหลั่ง
จงหยุดยั้ง ด้วยธรรม นำสดใส
ให้พ่อแม่ มีสุข ปลอดโรคภัย
แม้นลูกไกล ให้สุข สวัสดี
ผ้าผืนนี้ คือธงชัย อรหัต
ประกาศชัด สู่ทาง ธรรมวิถี
กลายเป็นหนึ่ง แห่งไตรรัตน์ หัตถ์บดี
ด้วยบุญนี้ จงพิพัฒน์ สวัดิ์ชัย.
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
กาญจน์มุนี ศรีวิศาลภพ (พี่อู๊ด)
#18
โพสต์เมื่อ 06 February 2010 - 09:43 AM
#19
โพสต์เมื่อ 08 February 2010 - 09:10 AM
#20
โพสต์เมื่อ 09 February 2010 - 01:41 AM
เปิดดูกี่ครั้งน้ำตาก็ไหลทุกครั้งค่ะ เลยนึกถึงเพื่อนๆๆที่ยังไม่ได้เข้าวัด ก็เลยส่งไปให้เพื่อนๆๆได้ดูและก็ขอร้องให้พวกเค้าดูให้จบ เพื่อมีโครงการ
หน้าจะได้ให้พวกเค้าชวนคนมาบวชให้เราได้ค่ะ
#21
โพสต์เมื่อ 09 February 2010 - 01:47 AM
ถ้าเพื่อนท่านใดอยากดูพิธีขอขมาย้อนหลังคลิ๊กเข้าไปดูได้เลยน่ะค่ะตามนี้ค่ะ