ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ใครทราบที่มาของบทสวด....นะโมฯ....บ้างครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 jag

jag
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2010 - 04:59 PM

ผมเคยอ่านที่มาของบทสวดนโม...ว่าเป็นคำพูดของ..พรหม..ยักษ์...ที่สรรเสริญพุทธองค์

แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว...รบกวนใครพอรู้มาอธิบายหน่อยครับ..ว่ามีที่มายังไง...แล้วสวดแล้วหมายความว่ายังไง

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 11 February 2010 - 07:43 PM

เอ ไม่แน่ใจว่า ใช่บทเดียวกับที่หลวงพ่อเคยนำมาเล่าใน DMC เมื่อหลายปีก่อนโน้นหรือเปล่านะครับ ถ้าใช่เรื่องราวในตอนนั้นก็มีอยู่ว่า หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้ไม่นาน

ก็ทรงประกาศธรรมะ ยังพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ชาวบ้านชาวช่องหันมานับถือพระสงฆ์กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เหล่ายักษ์ภุมมเทวา ที่ชาวบ้านเคยพากันเซ่นสรวงบูชา ก็เสื่อมความนิยมโดยฉับพลันทันใด

ยังผลให้ยักษ์กลุ่มที่เป็นมิจฉาทิฐฏิไม่พอใจ จึงพากันไปเบียดเบียนพระภิกษุปุถุชน ทำให้พระภิกษุบางท่านได้รับความเดือดร้อน ถูกยักษ์เข้าสิง เป็นต้น

ครั้นเรื่องราวทราบขึ้นไปถึง ท้าวเวสสวรรณ (ผู้ปกครองยักษ์) ท่านก็อิดหนาระอาใจ ที่ยักษ์บริวารไปก่อเรื่องทำความเดือดร้อนในพระภิกษุท่านอีกแล้ว ดังนั้น จึงได้ชักชวนสหายทั้งสี (ไม่แน่ใจว่า มีพระอินทร์ด้วยหรือเปล่านะครับ) ที่ปกครอง ยักษ์ นาค คนธรรพ์ ครุฑ มาเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกันทั้งหมด แล้วทั้ง 4 ได้แต่งบทสวดบูชาคุณพระพุทธเจ้า 20 พระองค์ ถวายแด่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน

โดยป่าวประกาศไปให้บริวารทุกหมู่เหล่าได้ยินกันทั่วหมดว่า ต่อไปในภายภาคหน้าหากพระภิกษุท่านสวดมนต์บทนี้แล้วไซร้ ห้ามนาค ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ ไปเบียดเบียนพระรูปนั้นเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะโดนลงพรหมทัณฑ์(เลิกคบค้าสมาคม) จากเหล่าเทวดาทั้งหลาย

จากนั้น ท้าวทั้ง 4 ก็ได้แจ้งให้พระพุทธเจ้าทรงถ่ายทอดมนต์บทนี้ไปยังพระภิกษุทั้งหลาย นับแต่นั้นมา หากพระภิกษุท่านถูกเหล่า อมุนษย์เบียดเบียน ท่านก็จะสวดมนต์บทนี้ แล้วเหล่า อมนุษย์ ที่เบียดเบียนอยู่ ก็จะเลิกมิกล้า เบียดเบียนท่านอีกต่อไป

เรื่องก็มีด้วยประการละฉะนี้ แล ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 slumpmax

slumpmax
  • Members
  • 19 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2010 - 09:52 PM

ค้นในเว็บก็มีที่มากันหลากหลาย บางที่ก็ว่า แต่ละคำ
"นะโม" "ตัสสะ" "ภะคะวะโต" "อะระหะโต" "สัมมาสัมพุทธัสสะ"
มาจากคำกล่าวของหลาย ๆ ท่าน
บางที่ก็ว่าเป็นคำกล่าวของท้าวสักกะ

ส่วนที่ผมเคยอ่านมา ถ้าจำไม่ผิด เป็นคำกล่าวนมัสการพระพุทธเจ้าของอสูรตนหนึ่ง
ที่ชื่อว่า อสุรินทราหู ครับ ในหนังสือของพระพรหมโมลีเล่มไหนสักเล่มนี่แหละ
ถ้าจำผิดขออภัย

#4 jag

jag
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2010 - 10:50 PM

ขอบคุณครับคุณหัดฝัน....แต่มันเป็นคนละบทกันกับของคุณหัดฝันครับ...ที่คุณหัดฝันพูดคือ...การสวดภาณยักษ์ครับ

คำตอบแบบเดียวกันกับของคุณ slumomax ครับ คือเอาคำสรรเสริญของแต่ละคำมาร้อยกรองกันครับ....
แต่ผมยังหาความหมายของแต่ละคำ..และจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนพูดคำไหนครับ





#5 *-*Namkhang*-*

*-*Namkhang*-*
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2010 - 11:05 PM

พระพี่ชายก่อนบวชท่านมีคาถาบทหนึ่งขึ้นหัวข้อว่าคาถาปราบยักษ์
ท่านบอกว่าเอาไว้ปราบเรา เพราะน้องโมโหร้าย อารมณ์ร้อน ใช้ได้รึเปล่าคะ
คาถาปราบยักษ์มีจริงๆหรือ แล้วนำไปท่องใส่คนยามต้องปะทะคารมกันได้รึเปล่า แบบว่าพอเห็นเราโมโหแล้วท่องไว้ในใจน่ะค่ะ
แล้วถ้าเราเดินทางไปในป่าบนเขาที่น่าจะมี ภูตผี ยักษ์อาจเป็นกระสือที่อยุ่ตามบ้านจะได้มั๊ยคะ


ถ้าใครมีช่วยนำมาโพสต์ให้ด้วยนะคะ จะเอาไว้สะกดตัวเองค่ะ

#6 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 12 February 2010 - 09:21 AM

ง่ะ... อารมรณ์ร้อน แก้ด้วยอารมณ์เย็นสิจ๊ะ ไหง๋ไปสะกดตัวเองงั้นล่ะ? ยักษ์หรือผีเข้าถ้าสิงส่วนมากเพราะตัวผู้ถูกสิงก็มีวิบากกรรมส่วนตัวข้ามชาติมาในเรื่องสิงๆ ทรงๆ ด้วย จะแก้ต้องแก้ที่หักดิบเลิกสนใจเรื่องนั้น แล้วทำบุญมากๆ เข้าถึงองค์พระได้ก็หมดสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ แต่ถ้าไม่มีวิบาก ไม่มีผี หรือยักมาสิง จะใช้คาถาบทไหนก็สะกดไม่อยู่หรอก เพราะอารมณ์ตอนนั้นคงไม่คิดอยากจะท่องคาถาอะไรแล้วง่ะ เพราะหงุดหงิด
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#7 jag

jag
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 February 2010 - 12:48 PM

และแล้วผมก้อหาเจอจนได้....

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ นี้ในเบื้องแรกนั้น เทพเจ้าเป็นผู้กล่าวนมัสการพระพุทธองค์ก่อน ดังพระองค์ตรัสเทศนาไว้ใน พระจตุราคมนิกาย ดังต่อไปนี้

๑. ณ กาลสมัยหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเรา เสด็จไปทรมานอารวกะยักษ์ แคว้นอาระวีนคร ขณะที่พระองค์เสด็จไปประทับรออารวกะยักษ์อยู่ในวิมานนั้น อารวกะยักษ์ไปประชุม ณ เทวสันนิบาตยังไม่กลับ สาตาคิรายักษ์กับสหายเหมวะตายักษ์ออกจากวิมานแห่งตนแล้วเหาะไป เพื่อจะนมัสการพระองค์ที่พระเชตวันวิหาร ณ กรุงสาวัตถี เมื่อไม่พบพระพุทธเจ้าจึงเหาะกลับมาทางวิมานของอารวกะยักษ์ ขณะที่เหาะข้ามวิมานของอารวกะยักษ์ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ ภายในนั้น ด้วยพุทธานุภาพ สาตาคิรายักษ์กับเหมวตายักษ์ก็หมดกำลังฤทธิและตกลง เมื่อยักษ์ทั้ง ๒ เห็นพระสัมมาสัมพุทะเจ้าเสด็จประทับอยู่ในวิมานของอารวกะยักษ์นั้น จึงประคองมือขึ้นนมัสการกล่าวว่า นะโม แปลว่า ข้าพเจ้าขอถวายความนอบน้อม เป็นคำรพแรกในสมัยพุทธกาล อันเป็นที่มาของบท นะโม

๒. เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เสด็จประทับอยู่ ณ เวฬุวันวิหาร แขวงกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น อสุรินทราหู มหาอุปราชของท้าวเวปจิตติ ในอสูรพิภพ ได้มานมัสการพระพุทธเจ้าและกล่าวว่า ตัสสะ แปลว่า ผู้มีกิเลสอันสิ้นแล้ว ดังนี้

๓. เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เสด็จประทับอยู่ ณ ควงไม้ราชายตนะ ในคราวที่พระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ๆ นั้น ตะปุสสะกับภัลลิกะพานิชชาวเมืองสะเทิมได้น้อมนำข้าวสตุก้อนสตุผงเข้าไปถวาย แล้วแสดงตนเป็นอุบาสกถึงรัตนะ ๒ คือพระพุทธ และพระธรรม ครั้งนั้นท้าวจาตุมหาราชได้นำบาตรไปถวายพระพุทธองค์เพื่อเป็นภาชนะรับอาหาร แล้วได้กล่าวนมัสการว่า ภะคะวะโต แปลว่า พระผู้มีพระภาค

๔. เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เสด็จประทับอยู่ในกุฎี ณ ป่าไม้สน ใกล้สาวัตถีนคร พระองค์ทรงประชวรลงพระโลหิต ท้าวสักกะเทวราชได้นำเอาผอบทองมารองรับพระบังคนแล้วยกขึ้นทูลพระเศียรของ พระองค์ไปเททิ้งในแม่น้ำ พร้อมด้วยกล่าวนมัสการว่า อะระหะโต แปลว่า ผู้เป็นพระอรหันต์

๕. ในคราวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงเสด็จไปทรมานพกาพรหม ผู้มีทิฏฐิเห็นผิดเป็นชอบโดยเห็นว่าตายแล้วสูญ บาปบุญไม่มี ท้าวมหาพรหมผู้เป็นใหญ่และสร้างโลกเป็นต้น ณ พรหมโลกครั้งนั้น เมื่อพระองค์ทรงทรมานพกาพรหมด้วยวิธีเปลี่ยนกันซ่อนตัวและเที่ยวหา พกาพรหมพ่ายแพ้และยอมฟังพระธรรมเทศนา เมื่อเป็นสัมมาทิฏฐิเห็นชอบแล้วจึงกล่าวนมัสการว่า สัมมาสัมพุทธัสสะ แปลว่า ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ

บท นมัสการทั้ง ๕ ตอนนี้ แต่ละตอนเทพเจ้านำมากล่าวเริ่มแรก เป็นนมัสการต่างคราวต่างวาระกัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเทศนาไว้ในคัมภีร์จตุราคมนิกายดังกล่าวแล้ว รวมความเป็น นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ซึ่งแปลสำนวนย่อว่า ข้าพเจ้าขอถวายความนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบพระองค์นั้น ดังนี้ฯ
คาถาระบุผู้ตั้งนะโม

นะโม สาตาคิรายักโข ตัสสะ จะ อะสุรินทะโก

ภะคะวะโต โลกะปาลา อะระหะโต สักโก ตะถา

สัมมาสัมพุทธัสสะ มะหาพ๎รัหมา ปัญจะ เทวา ปะติฏฐิตาติ.

สาตาคิรายักษ์ นมัสการว่า นะโม

อสุรินทราหู นมัสการว่า ตัสสะ

ท้าวจตุมหาราช นมัสการว่า ภะคะวะโต

ท้าวสักกะเทวราช นมัสการว่า อะระหะโต

ท้าวพกามหาพรหม นมัสการว่า สัมมาสัมพุทธัสสะ

ทั้ง ๕ นี้เป็นที่มาและมูลเหตุของนะโม ฯลฯ ซึ่งพระองค์ตรัสเทศนาไว้ในจตุรานิคมนิกายดังกล่าวแล้ว ฯ
บทนมัสการ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอน้อบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ฯ

บทนมัสการนี้ ประกอบด้วยบทที่เป็นคำบาลี ๕ บท มี นะโม เป็นต้น นับเรียงพยางค์ได้ ๑๘ พยางค์ บท ๓ บท คือ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ประกาศพระคุณของพระพุทธเจ้า ๓ ประการ คือ พระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ ตามลำดับ