ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไม่น่าจะล็อกกระทู้ เรื่อง web Pantip เลย เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องหารือกันนะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Nu

Nu
  • Members
  • 224 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 10:11 AM

ดิฉันว่าเราไม่น่าจะล็อกกระทู้ เรื่อง web Pantip เลย เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องพูดคุยกัน ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วน่าจะหาทางแก้ไขนะค่ะ ไม่น่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องที่ "เดี๋ยวก็เงียบไปเองแหละ" หรือ "ไม่เข้าใจก็ช่างเขา"

เราน่าจะสงสารคนเหล่านั้นว่าเขาไม่มีโอกาสได้สร้างบุญบารมีอย่างพวกเรานะ
เพราะฉะนั้นเราน่าจะคิดว่า "เออ....เราต้องพยายามทั้งอธิบายเขาและปรับตัวเรานะ " .... อะไรทำนองนี้


ดิฉันว่าอธิบายให้เจ้าหน้าที่ในวัดเข้าใจสิ่งที่คุณ xlmen เสนอมานั้นยากกว่าอธิบายให้บุคคลภายนอกเข้าใจอีกค่ะ

ดิฉันเคยพยายามอธิบายแล้วกับกัลยาณมิตรบางท่าน ซึ่งท่านเหล่านั้นก็แวะเวียนมาในหน้า web นี้บ่อย ท่านเองก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว ซึ่งที่จริงดิฉันก็ไม่เห็นมันจะผิดตรงไหนเหมือนกัน แต่คงเป็นความถูกต้องได้ในสายตาคนมาวัดอย่างพวกเรา แต่ไม่ใช่สำหรับคนอื่น ๆ ข้างนอก แล้วอย่างนี้เราจะขยายวงบุญได้ทั้งโลกอย่างไรหละค่ะหากคนไทยเองยังไม่เข้าใจและขัดขวาง


เฮ้อ แย่จัง

#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 11:25 AM

QUOTE
แล้วอย่างนี้เราจะขยายวงบุญได้ทั้งโลกอย่างไรหละค่ะหากคนไทยเองยังไม่เข้าใจและขัดขวาง

สาธุ เป็นเช่นนั้นแล

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 11:53 AM

ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป เถอะครับ เดี๋ยวก็ดีเอง

ปัญหาคือ เห็นไม่เท่ากัน จึงรู้ไม่เท่ากัน และเข้าใจไม่เหมือนกัน จึงทำให้ ทำไม่เหมือนกัน

ลพ. บอก หากทุกคน เข้าถึงธรรมกายกันหมดนั่นแหละ จึงจะเห็นเหมือนกัน รู้เท่ากัน เข้าใจเหมือนกัน และ ทำเหมือนๆกัน

สรุปคือ ปัญหา นี้ มีมาคู่กับโลกแล้วครับ จะแก้คือ ทำไงให้เข้าถึงธรรมกันให้หมด

#4 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 12:01 PM

ผมก็เห็นด้วยหากวัตถุประสงค์ของ webboard คือ

เขียนถ้อยคำเพชรพลอยถึงคุณครูไม่ใหญ่ บอกเล่าประโยชน์ที่ได้จากโรงเรียน ไขปัญหาธรรมะ และกรณีศึกษา

เราควรรับความเห็น เพื่อปรับปรุงตามที่คุณ xlmen แนะนำมา

#5 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 12:39 PM

ผมเห็นด้วยครับ ที่ไม่น่าลบเว็บนี้ทิ้งไปเลย เหตุผล
1. ผมเข้าวัดใหม่ ต้องการคำตอบเช่นเดียวกับคนตั้งกระทู้เช่นเดียวกัน
2. หลายๆคำตอบที่คุณหัดฝันที่ตอบไปนั้น ทำให้ผมได้ความรู้ และแนวทางที่จะได้อธิบายกับคำ
ถาม เดิมๆๆๆ เหล่านี้ที่มีคนถามกันตลอดเวลา
3. กระทู้เหล่านี้เป็นกระทู้ที่ยังเป็นประเด็นเรื่องของปรัชญา ความเห็น ความคิด ที่ยังเป็นอยู่ ฝ่าย
หนึ่งอ้างพระไตรปิฎก ที่มีเนื้อหาหลักฐาน ความเชื่อและวัฒธรรมดั้งเดิม อีกฝ่ายหนึ่งป้อนสิ่ง
ที่สูญหายไปจากพระไตรปิฎก ความรู้ใหม่หรือวัฒธรรมใหม่หรือถ้ามีคนแย้งก็ข้อเปลี่ยนเป็น
วัฒนธรรมเก่าที่สูญหายไป วัดเราเป็นวัดที่ทำพระพุทธศาสนาเชิงรุก ซึ่งล้ำสมัยมากจนซึ่งชาว
พุทธในยุค2500นี้อาจจะตามไม่ทัน แถมไม่ติดตามอีกต่างหาก ถึงบางคนเข้ามาวัดบ้าง
เหมือนเจ้าของกระทู้ แต่ไม่ศึกษาต่อ ซึ่งเดิมมีความคิดเห็นที่แตกต่างอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคำ
อธิบายจากผู้ที่รู้จริงก็ยิ่งไปกันใหญ่
4. จากข้อ3. ผมขอเสนอแนะว่า web.master น่าจะมีหน้าของการสรุปคำถามที่มีพุทธ
ศาสนิกที่ยังไม่เข้าใจวัด ตั้งกระทู้ถามกันมาและให้ผู้รู้จริงตอบ ประโยชน์ก็คือ ถ้ามีคนถามใน
ลักษณะเดียวกันอีก เราจะได้มีที่อ้างอิงถึงคำตอบ และจะได้ตอบกันไปในแนวเดียวทางกัน
5. หลายๆข้อที่ตอนท้ายๆของกระทู้มีคนตอบได้ดีตั้งหลายคน และในหลายๆคน ผมก็เห็นความ
ท้อแท้กับการตอบคำถามกับคนที่มีทิฐฐิมาก ผมขอเป็นกำลังใจช่วยอีกหนึ่งคนครับ อย่าเพิ่ง
ท้อแท้นะครับ คุณครูไม่ใหญ่ยังไม่เคยท้อเลย เราเป็นลูกต้องสู้ต่อไปเหมือนกันนะครับ เมื่อ
ก่อนผมก็ชอบเข้าไปอ่านในเว็บเหล่านี้เหมือนกันครับ ปรากฎว่าพอมีพวกเราไปตอบ 1 คน
ก็จะถูกรุมด่ามาอีก 10 คน ผมก็แปลกใจทำไมไม่ชาววัดธรรมกายช่วยๆกันเข้าไปตอบกัน
แยะๆ สัดส่วนมันน้อยเกินไป สัญชาติของมนุษย์ถ้าพวกไหนมากก็จะเลือกอยู่ฝ่ายนั้น เหมือน
กับเว็บนี้ไง คนนอกไม่ค่อยเข้ามาโพส เพราะกลัวโดนรุมเหมือนกัน (หรือว่าโพสแล้วถูก
ลบ?)
6. ความคิดเห็นของคุณ xlmen หลายๆข้อก็น่าเก็บไว้พิจารณาบ้างนะครับ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่ง
เหมือนเขินมากๆๆ เรากำลังทำอยู่เนี้ย ชูมือตามหัวหน้าชั้น ชิตังเมๆๆ (ก็พอแล้ว) รวยเร็ว รวย
แรง.....(เอาไว้ตอนอธิษฐานจิตก็น่าจะเพียงพอแล้ว) หาคำอื่นที่แสดงถึงพลังของการรวมตัว
กันเป็นหมู่คณะน่าจะดีกว่านะครับ

ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่ช่วยกันตอบในกระทู้ทุกๆคนนะครับ
มิตรธรรม

#6 hmongkon

hmongkon
  • Members
  • 54 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 03:23 PM

ตัวผมเอง ต้องทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรคนหนึ่งให้กับวัด จึงขอนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยน ตามที่คุณ xlmen เกริ่นนำ เพื่อเป็นแนวทางของทนายแก้ต่าง

1. เจดีย์รูปลักษณะไม่ชวนให้ระลึกนึกถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ถ้ามองเผินๆ เหมือนจานบิน จนกลายเป็นสิ่งบอกถึงความแตกต่างเหมือนกลุ่มธรรมกายคือกลุ่มนอกโลก

ผมมักตอบเพื่อนๆที่ทักผมในเชิงแซวว่า เป็นอย่างไร จานบินที่วัดน่ะ เสร็จหรือยัง ผมทักจะย้ำว่าธรรมกายเจดีย์ ไม่ใช่จานบิน หลวงพ่อทัตตะเคยแนะว่ารูปแบบของเจดีย์ทรงที่ดูแล้วแปลกนั้นมีมาก่อนแล้ว เช่น ที่บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับมุมมองผม รูปแบบของธรรมกายเจดีย์ ไม่ใช่จุดด้อย กลับเป็นจุดเด่นที่ผู้เข้าถึงสามารถยืนยันได้ว่าจำลองมาจากที่ใด(ครูไม่ใหญ่บอกไปแล้ว)

2. การนำระบบ MLM มาใช้ในการทำบุญ
อันนี้ตัวเองไม่แน่ใจจริงๆครับว่ามีระบบนี้อยู่ในวัด เพราะ Multi Level Management มักจะมีแบ่งเปอร์เซนต์ สปอนเซอร์ ตัวเองยังไม่เคยเจอเรื่องนี้ในวัดจริงๆ เห็นแต่บางสารคดีว่าวัดนี้เป็นพุทธพาณิชย์หรือขายบุญ ซึ่งก็ไม่เข้าใจผู้เขียนว่ารู้จริงแค่ไหน หรือเขียนด้วยความลำเอียงอย่างไร

3. การนำยอดสั่งสมบุญมาทำเป็นคะแนน พ้อยส์ เพื่อรับพระของขวัญในระดับต่าง ๆ
โดยส่วนตัว ปรารถนาให้พระของขวัญเป็นผลบุญมากกว่าเหตุที่ให้คนมาทำบุญเพราะปรารถนาพระภายนอก สำหรับตัวผมปรารถนาพระภายในเท่านั้น สุดแล้วแต่ละท่าน

4. การบอกบุญแบบเครือข่าย
อันนี้เจอมากับตัว มีน้องเสียงผู้หญิงโทรมาบอกบุญให้เราเป็นประธานรอง เราก็บอกว่าเป็นแล้ว เขาก็โทรมาอีก เราบอกว่าเป้นแล้ว เขาก็ตัดพ้อว่าอย่างนี้เราก็ไม่มีโควต้าเป็นผลงานไปบอกหลวงพ่อซิ เราเลยตอบเขาว่าเขาได้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรแล้ว จะบอกบุญได้หรือไม่นั้นก็ล้วนแต่เป็นผลงาน ใยต้องแข่ง ใยต้องเปรียบเทียบ คงต้องกลับไปทบทวนจุดประสงค์ของกัลยาณมิตรกันใหม่นะ

5. การชี้นำหรือโน้มน้าวให้ทำบุญมากได้มาก ทำบุญน้อยได้น้อย
สำหรับผม อันนี้มีตัวแปร 2ตัว ทำมากได้มาก แต่ถ้าใครใส่ตัวแปรเพิ่มจะวิเคราะห์ลำบากขึ้น

6. การสั่งสมบุญเพื่อดุสิตบุรี ผมอยากให้มองว่าเป็นเรื่องภายในของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน แล้วจะสบายใจกว่า

7. เน้นทำบุญมากรวยมาก ทำบุญน้อยรวยน้อย
อาจต้องขยายความว่าทำมากไม่ใช่ตัวเงินอย่างเดียว ศรัทธา เวลา แรงงาน หยาดเหงื่อ มากก็ถือว่ามากแล้วครับ

8. พระสิริราชธาตุสร้างขึ้นโดยพระนิพพาน
อันนี้อยากให้เป็นเรื่องภายในวัดเหมือนกัน โดยส่วนตัวทราบที่มาก็รู้สึกทึ่ง

9. เมืองแก้วมณี คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นโครงการบ้านจัดสรรของทางวัดทำขึ้น
เท่าที่ทราบระเบียบของวัดไม่สนับสนุนการโฆษณาดังจะเห็นประกาศตรงบันไดขึ้นลงในสภาธรรมกาย อาจใครพยายามโฆษณาเชื่อมต่อว่ามีวัดหนุนหลังเป็นได้

10. นิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา
เห็นด้วยครับที่ต้องทำพระนิพพานให้แจ้งด้วยตนเอง แต่พอหลวงพ่อผู้รู้เล่าให้เป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมก็ยินดี

11. การท่องชิตังเม รวยเร็ว รวยแรง รวยรวด รวยทุกวัน รวยไม่อั้น รวยสะบั้นหั่นแหลก ถ้าหลวงพ่อให้พรผมว่าฟังดูดีนะครับ แต่ถ้าให้ชูมือ และท่องประโยคนี้ดูจะเป็นการสะกดจิตหมู่มากไปนิดนึงครับ ไม่งาม ไม่สำรวม ไม่สงบ ภาพลักษณ์สายตาคนมาวัดใหม่ๆ หรือคนที่ยังไม่ศรัทธาก็จะไม่ศรัทธาต่อไปถือว่าไม่ดีครับไม่ควรกระทำ
อันนี้รอหัวหน้านักเรียนตอบ สำหรับผมเต็มใจให้ความร่วมมือครับ ไม่ได้ถูกสะกดจิตผม

ทุกข้อเป็นทัศนะส่วนตัวครับ สำคัญที่การแลกเปลี่ยนความคิดที่สร้างสรรค์ นำมาสู่การเฝ้าระวังปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ไม่เข้าใจวัดพระรรมกาย

ที่ไหนมีมนุษย์ ที่นั่นมีพระธรรมกาย ซึ่งผู้รู้จะต้องเมตตาแก่ผู้ไม่รู้ให้มาก ดังเช่น พระคุณานันทะเถระตอบปัญหา แม้จะถูกเขากล่าวว่าพระศาสดาเราก็ตาม ท่านก็ไม่มีโทสะ แต่กลับไขข้อข้องใจแก่ศาสนิกอื่นด้วยความเมตตา จนเป็นที่ยอมรับ

#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 04:16 PM

ความลับไม่มีในโลก ที่สุดแห่งธรรมคือการรื้อวัฏฏะขนสัตว์ทั้งหมดไปสู่นิพพาน เราจะมองว่าไม่เกี่ยวกับคนอื่นนอกวัด สนใจแต่คนในวัดได้หรือครับ บัณฑิตต้องยินดีการสมานสามัคคีใช่ตะแบงฝืนทำนะครับ สิ่งใดที่จะเป็นเหตุให้ชาวพุทธคิดแตกแยกหมองใจกันต้องรีบแก้ไขถึงจะถูกต้องครับ
ในสมัยพระพุทธองค์ เวลาที่ประชาชนไม่พอใจการกระทำของพระสงฆ์สาวก เช่น ภิกษุแก้ผ้าอาบน้ำ ไม่มีผ้าอาบน้ำฝน นางวิสาขาเห็นไม่งามไม่เหมาะยังทูลขอให้ทรงรับแก้ไขโดยให้ใช้ผ้าอาบน้ำฝนเลยครับ หรือตัวอย่างภิกษุบิณฑบาตไม่เป็นเวลาชาวบ้านเดือดร้อนไม่ชอบ ทูลขอให้พระองค์แก้ไข พระองค์ก็ทรงแก้ไขโดยบัญญัติสิกขาบทห้ามสาวกบิณฑาต หรือฉันอาหารหลังเที่ยง เป็นต้น
(บาปใดก็ไม่แรงเท่าการทำสังฆเภท ทำให้บริษัท 4 แตกแยกถามว่าทุกวันนี้เหตุมาจากเราหรือไม่ ?? ถ้ามาจากเราๆ ต้องแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขกรรมหนักที่เกิดจากการทำอนันตริยกรรม คืออะไร เราคงทราบกันดีอยู่แล้วครับ)

#8 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 04:46 PM

ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะ การลบกระทู้นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบ และเพื่อวัตถุประสงค์อันชัดเจนของเว็บบอร์ดคือ เว็บบอร์ดสีขาวค่ะ จะมีแต่สิ่งดีๆ ที่ไม่ทำให้ชวนทะเลาะกันค่ะ


ขอให้คิด พูด ทำ ในสิ่งที่ดีกันเถอะค่ะ มองให้กว้าง อย่าเอาแค่ความคิดของตนเองเป็นหลัก คนเราจะทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ใช่เพราะวัด หรือการทำบุญหรอกค่ะ มันอยู่ที่ศีล สมาธิ ปัญญาของคนในครอบครัวต่างหากล่ะค่ะ ที่มีไม่เท่ากัน คนในครอบครัวเดียวกัน หากคิด พูด ทำในสิ่งที่ต่างกันแล้ว ปัญหาย่อมตามมาแน่นอนค่ะ

ทำไมไม่เห็นมีใครพูดซักคนเลยล่ะค่ะ ว่า "เหล้า" เป็นตัวการทำให้ครอบครัวแตกแยกบ้างล่ะค่ะ ไหงเอา วัด มาอ้างแต่เพียงอย่างเดียวว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก

ดิฉันจะขอสรุปเรื่องปัญหาที่บอกว่า ครอบครัวขัดแย้งกันเพราะวัดนะคะ จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากครอบครัวของดิฉันเอง

ยายดิฉันชอบทำบุญแล้วก็ไปวัดป่าที่คนแถวนั้นนับถือแถวบ้านทุกวัน พระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ไม่ได้เรี่ยไรเงินจากญาติโยม เงินทุกบาททุกสตางค์มาจากจิตศรัทธาทั้งสิ้น ยายตักบาตรทุกวัน ตาดิฉันเป็นคนชอบกินเหล้าค่ะ แต่ถึงเค้าไม่ดื่มเหล้า ตาของดิฉันก็ยังตะโกนด่าพระอยู่ทุกวัน ด่ายายที่ไปวัดทุกวัน ตะโกนด่าหน้าบ้าน จนคนในบ้านพากันอับอายไปตามๆกัน ต้องพาตาหนีไปหลังบ้าน จนกระทั่งพระเดินผ่านไป จึงให้ตาออกมาหน้าบ้านได้

พาตาไปวัดที่ไร ก็ทำเอาผู้คนแตกกระเจิงหมด ด่าพระทุกรูปไม่ไว้หน้า ยิ่งตอนเมา ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ รวมถึงด่าเจ้าอาวาสด้วย หาว่าทำบุญเอาหน้า บวชเอาหน้า ไม่รู้จริงก็มาสอนคน โธ่เอ้ย พระยังงั้น พระยังงี้ พระหัวโล้นบ้าง โอย นรกทั้งนั้นค่ะ ดิฉันเองเข้าทุกวัดค่ะ ไม่จำเป็นว่าเฉพาะวัดพระธรรมกาย พ่อ แม่ ยาย และทุกคนในครอบครัวของดิฉันก็ชอบทำบุญทำทุกวัดเช่นกัน ยกเว้นตา


แค่นี้ก็ทำให้ครอบครัวของเราแตกแยกได้ค่ะ ไม่จำเป็นหรอกว่าต้องทำบุญวัดไหน ทำมาก ทำน้อยแค่ไหน

ลองอ่านอันนี้ดูนะคะ เป็นบทความที่มีการทำวิจัยและเขียนเป็นหนังสือจากพระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ

http://www.dmc.tv/pa...page15.html#q15

ถาม - ได้ข่าวว่าวัดพระธรรมกายนำมาซึ่งการถกเถียงขัดแย้งในบางครอบครัว จะว่าอย่างไร
ตอบ

ผู้ที่มาวัดพระธรรมกายมีเป็นจำนวนมากหลายแสนคนและส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดก็มีชีวิตที่ดีขึ้น มีครอบครัวที่อบอุ่นมีความสุขขึ้น มีหลายคนมาเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนพ่อบ้าน ชอบกินเหล้าเมามาแล้วอาละวาด ทะเลาะทุบตีแม่บ้านเสมอ หลังจากเข้าวัดแล้วก็เลิกเหล้า รักลูกรักเมีย ตั้งใจทำงานครอบครัวอบอุ่นมีความสุข บางทีเคยเจ้าชู้ก็เลิก บางครอบครัวลูก ที่เคยเกเร หลังจากได้รับการอบรมจากวัดก็ได้คิดรู้ถึงคุณของพ่อแม่จึงกลับตัวกลับใจ ตั้งใจเรียนหนังสือเป็นเด็กดี พ่อแม่ก็ดีใจมาก มีตัวอย่างทำนองนี้มากมาย มีบางส่วนที่สื่อมวลชนยกกรณีครอบครัวมีปัญหาเพราะวัดขึ้นมากล่าวนั้น สามีภรรยาเขาอาจจะมีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว ใน
หลายๆ เรื่อง แล้วก็เลยโทษว่าเป็นเพราะวัดเป็นต้นเหตุ ก็คงจะเป็นข้อสรุปที่บิดเบือนไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องดูภาพรวมด้วยใจที่เป็นธรรม ยกตัวอย่าง ถ้าครอบครัวใดเกิดพ่อบ้าน แม่บ้านมีความเห็นขัดกัน ว่าจะให้ลูกเรียนต่อดีไหม ฝ่ายหนึ่งบอกน่าจะกัดฟัน ส่งเสียให้เรียนให้จบไหนๆ ก็เรียนมาขนาดนี้แล้วลำบากตอนนี้อนาคตจะได้สบาย อีกฝ่ายบอก เศรษฐกิจอย่างนี้ เงินทองไม่พอใช้ ให้ลาออกมาทำมาหากินดีกว่า แล้วเลยทะเลาะกัน เราจะมาสรุปว่าการศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ดีนำมาซึ่งการถกเถียงขัดแย้งแตกแยกในครอบครัว
ก็คงไม่ถูก ต้องดูภาพรวมอย่านำจุดย่อยเพียงบางจุดมาขยายภาพให้ใหญ่โต กลบทับ ภาพแห่งความจริงในส่วนใหญ่


ยังไม่จบค่ะ หลังจากที่อาได้ไปติดตั้งจานดาวธรรมให้กับที่บ้านของดิฉัน ตอนแรก ก็มีแต่พ่อ แม่ และยาย เท่านั้นที่ดู ตาไม่ยอมดูค่ะ แต่พอเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยเข้า จากที่เคยด่าพระมาเป็นเวลาหลายสิบปี อยู่มาวันหนึ่ง ยายก็โทรมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าตอนตี 4 ตาตื่นนอนก่อน แล้วก็รีบไปเปิดจานดาวธรรมดูเอง ยายแอบดู เห็นตานั่งดูจอตาแป๋ว ซักพักก็สวดมนต์ค่ะ ยายงงไปเลยค่ะ แล้วพอยายเดินลงมา ตาก็รีบปิดทีวีทันที แต่ยายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วตาก็ทำแบบนี้ทุกวันๆ จนวันหนึ่ง ตาก็ไปตักบาตรค่ะ ทุกคนในบ้านเป็นอัศจรรย์ใจกันหมด แต่ตาก็ยังไม่ยอมตักบาตรที่พระวัดป่าหรอกค่ะ ยังมีทิฐิอยู่ เพราะเคยไปด่าไว้เยอะ แต่ก็ยังดีค่ะ ที่ยังยอมตักบาตรวัดบ้านทั่วๆไป ตาให้เหตุผลว่า สงสารพระวัดบ้าน ที่ไม่มีคนศรัทธายอมตักบาตรให้ (เนื่องจากพระวัดบ้านไม่ค่อยปฎิบัติเท่าวัดป่า คนแถวนั้นเลยไม่ค่อยศรัทธาค่ะ) ตาเลยจะตักแค่วัดบ้านเท่านั้น กลัวท่านไม่มีอะไรฉัน

นี่เป็นเรื่องจริงๆ ค่ะที่เกิดกับครอบครัวของดิฉันเอง ก็ลองคิดดูเอาเองนะคะ


อยากให้ทุกๆ ท่าน หันไปมองให้รอบ เปิดดวงปัญญาให้กว้าง ขอให้มองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจบริสุทธิ์กันเถิดนะคะ อย่าเอาอคติเป็นฝ่ายนำหน้าเลยค่ะ เว็บบอร์ดนี้ไม่ได้ต้องการปิดกั้นทุกความเห็นเลยนะคะ แต่อยากให้พูดจากันด้วยปิยะวาจา ไม่มีโทสะ แล้วมันจะเป็นกระแสดึงดูดให้คนทำความดีเพิ่มมากขึ้น และมีดวงปัญญาค่ะ

กราบอนุโมทนาบุญนะคะ

#9 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 12:00 AM

ขอกราบอนุโมทนากับคุณฟ้าร้างมากนะคะ เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#10 สัมมาอะระหัง

สัมมาอะระหัง
  • Members
  • 235 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:computer,dhamma

โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 09:20 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณฟ้าร้างอีกคนครับ ที่นำเสนอคำตอบที่สร้างสรรค์และเป็นไปเพื่อให้ใจเราก็ประเสริฐขึ้น ผู้อ่านก็ใจใส
ศีล..เป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดชำระศีลให้บริสุทธิ์แล้ว จะเป็นเหตุให้เว้นจากความทุจริต จิตจะร่าเริงแจ่มใส และเป็นท่า หยั่งลงมหาสมุทร คือ นิพพาน

#11 CoffeePrinces

CoffeePrinces
  • Members
  • 18 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 January 2006 - 06:30 PM

ความคิดเห็นที่ต่างกันของกัลยาณชน ผมเห็นว่า มิใช่การทะเลาะหรือการพยายามสร้างความขัดแย้งภายในเวป แต่น่าจะที่มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนทัศนะกันในวงกว้างด้วยซ้ำ เพราะเราต่างกันมีจุดประสงค์ร่วมกันในการเผยแผ่วิชชาให้ไปทั่วโลก การได้มีโอกาสพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ผมว่าเป็นผลดีมากกว่าครับ โดยส่วนตัวผมเองนั้นก็ประสบข้อคำถามหลายประการที่คนภายนอกมองอย่างแคลงใจเกี่ยวกับประเด็นต่างๆของหมู่คณะเรามากมายหลายคำถามเช่นเดียวกับที่เราๆท่านๆเคยเจอในยามที่เราออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นการยากที่จะตอบให้ผู้ที่สงสัยสิ้นข้อกังขาได้(ในเวลาอันสั้น) เพราะแม้แต่บางประเด็น พวกเรากันเองก็ยังเห็นไม่ตรงกันจริงไหมครับ ดังนั้นถ้าเราได้นำมาสนทนากันบ้างเพื่อให้เกิดเข้าใจตรงกันในหมู่คณะก็จะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่กัลยาณมิตรมากเลยครับ

มีคุณป้าท่านหนึ่งซึ่งได้เข้าถึงพระธรรมกายแล้วมาไม่น้อยกว่ายี่สิบปี ท่านได้เคยสอนน้องๆชมรมพุทธว่า "หนูๆต้องเข้าใจคนที่อยู่ข้างนอกให้มาก เพราะคนที่อยู่ข้างนอกไม่มีทางเข้าใจพวกเรา หากแต่เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเข้าใจพวกเค้า"

คำพูดของคุณป้าท่านนั้นยังคงประทับใจผมจนถึงวันนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานกว่าหกปีแล้ว หากเวปบอร์ดนี้ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการยังความกระจ่างให้บังเกิดขึ้นแก่พวกเรา เพื่อสร้างความสว่างให้แก่ชาวโลกอย่างที่พวกเราตั้งใจแล้ว ในไม่ช้า"เมื่อเราหันไปรอบทิศก็จะมีแต่กัลยาณมิตรอยู่รอบตัว"ครับ

#12 ปาลินารี

ปาลินารี
  • Members
  • 258 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 February 2006 - 10:07 PM

สงสัยสมาชิกเวปบอร์ดต้องปรับวิธีการโพสต์ให้ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของพวกเรา ไม่ผิดวัตถุประสงค์ของเวปบอร์ดมั้ง จะได้ไม่โดนลบไง

มันน่าจะมีวิธีนะ