กฎหมายและกฎแห่งกรรม.....
#1
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 07:01 PM
การฆ่าตัวตายที่มิอาจพิสูจน์ได้ทั้ง ๆที่มีเจตนาหรือตั้งใจทำ และดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
มีสิทธิ์ได้ทรัพย์หรือเงินประกันชีวิตที่เป็นโลกีย์ทรัพย์ คือถูกกฎหมายแล้วตราบใดที่เขา
ไม่ทราบว่าคุณได้ประกาศไว้แล้ววางแผนไว้อย่างไร...เพื่อจะเอาเงินมาสร้างอริยทรัพย์ หรือทำบุญ
......พึงระวังดาบสองคมที่ทำลายทั้งตัวเอง และภาพรวมของสถาบันหรือวัดนั่นแหละ
ความสับสนเกิดได้ง่ายมาก เพราะมารเขาก็กำลังทุ่มสุดฤทธิ์เช่นกันเพื่อทำลายเป้าหมาย
ของฝ่ายพระกันเต็มที่มิให้สันติสุข สันติภาพเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงที่สำคัญเช่นนี้ ทั้งปิดเจดีย์
และสร้างอาคาร 100ปีคุณยาย
คำถามมีดังนี้
1.การกระทำอย่างนี้ เข้าข่ายทำบุญแล้วทำให้ตัวเองเดือดร้อนไหม ถ้าใช่แล้ว เป็นการสมควรหรือไม่
2.โดยกฎแห่งกรรม เมื่อ คิด พูด/เขียน วางแผนเช่นนี้ จะมีผลอย่างไร และถ้าได้กระทำด้วยคือ
คิด พูด ทำ ครบทั้งสามประการ ผลจะเป็นอย่างไร คุ้มไหม น่าทำหรือเปล่าเพราะโทษการฆ่า
ตัวตายนั้นหนักมาก แต่นี่ฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำบุญ???
#2
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 07:46 PM
... การทำบุญแบบให้ตัวเองเดือดร้อน ถูกต้องที่ว่าได้บุญ แต่ถามว่าคุ้มไหม? แล้วแต่แง่คิดจ้า ถ้าไม่ทำบุญถามว่าเดือดร้อนอยู่ป่าว? ถ้าเดือนร้อนอยู่ งั้นทำบุญไปแม้เดือดร้อนก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำแล้วเดือดร้อนอ่ะ เช่น เงินน้อย เราไม่ทำบุญก็ใช่จะสบาย แต่ยิ่งทำบุญก็ยังไม่พ้นเดือดร้อน แต่ใจก็ยังมีบุญเป็นที่พึ่งบ้าง ยังมีหวังที่บุญจะช่วยให้พ้นความเดือดร้อนบ้าง ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว..
...ถ้าการสร้างบุญ แบบไม่สนชีวิตตนเอง คนที่ทำถึงจุดนี้จริงๆ เขาจะเข้าใจว่า เขาทำแล้วได้อะไรนะครับ จะแตกต่างกับคนที่มองแต่ไม่ได้ทำเอง หรือไม่ได้ทำขนาดนั้นอย่างสิ้นเชิง เขาจะรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ซึ่งถ้าไม่ทำ ก็ไม่ได้รับความรู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย อาจกลับมองว่าผิดปกติ หรือเกินไปก็เป็นได้ แต่ผมก็ทำในจุดนั้นมา ผมอธิบายได้เพียงว่า บรรยายไม่ได้เป็นคำพูด มันติดอยู่ในใจน่ะครับ ปลื้มที่สุดเท่าที่เกิดมาเคยปลื้มอ่ะ
ข้อ 2
..ข้อนี้ ผมอ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ต้องขออภัย ถ้าการฆ่าตัวตายโดยวางแผนจะเอาเงินไปทำบุญ ย่อมไม่สมควร เพราะไม่ทันได้ปลื้มได้ระลึกถึงบุญอะไรเลย กว่าจะได้ทำบุญก็เป็นกายละเอียดไปซะแล้ว บุญก็ได้น้อยด้วย เพราะกายหยาบมิได้อยู่ทำเอง แต่หลายท่านที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อสร้างบุญ โดยกะว่าสู้ให้ตายไปเลย หรือทำในสิ่งที่เสี่ยงภัยนั้น ถ้าการเสี่ยงภัยนั้น ถือเป็นสิ่งที่อาจไม่ถูกต้อง เพราะใจจะหมองได้ในขณะที่ทำความเสี่ยงเหล่านั้น อาจไม่ทันนึกถึงบุญด้วยซ้ำ แต่ถ้าทำบุญแบบว่าให้ตัวตายไปเองนั้น เขาจะละทิ้งทุกสิ่ง ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ฯลฯ เพราะคิดว่าครั้งนี้ไม่ยึดติดสิ่งใดแล้ว ใจมุ่งจะทำบุญนี้ให้ได้ ให้สำเร็จ โดยไม่คิดให้อะไรมาเบียดบัง ทั้งๆที่จริงก็ไม่ได้จะทิ้งผู้มีพระคุณหรือใครไปจริงๆ แต่ด้วยใจที่คิดเพียงจะสร้างบุญให้สำเร็จอย่างมุ่งมั่นนั้น จนลืมนั่นเอง ไม่สนอะไรแล้ว สนแต่งานบุญ สนแต่บุญ สนแต่เป้าหมาย ไม่กลัวว่าจะต้องตายไปเพราะสิ่งใด เรียกว่าทำสุดกำลังนั่นเอง บุญจะเกิดอย่างมหาศาล และความปลื้มจะเกิดมหาศาล ถ้าจะถามว่าคุ้มค่าไหมกับการที่ต้องตาย ถึงตอนนั้น ต้องบอกว่าคุ้มแล้วครับ เพราะท่านนั้นมิได้คิดถึงสิ่งใดแล้ว มองแค่ทำบุญแล้วไงครับ ตรงนี้ต้องแยกนิดนึง ว่าสิ่งที่ลงมือทำไปนั้น เขาคิดให้ทำได้สำเร็จ และได้ทำเท่านั้น จิตใจที่มุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ใจจะใสมากๆครับ ใจที่ใสขนาดนั้นแล้วทำบุญในตอนนั้น ไม่สามารถนำมาประมาณได้เลยครับ ว่าได้บุญแค่ไหน เพราะมันมากมายนัก มากขนาดที่สละทุกอย่างเพราะใจใส ใจสบายอย่างที่สุด ถึงตรงนี้ก็เช่นกัน ถ้าไม่เคยเป็น ไม่เคยทำแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็จะไม่มีวันเข้าใจเลยครับ
...ในพุทธกาล ก็มีเรื่องลักษณะนี้ที่อาจเคยได้ฟังบ้างแล้ว เกี่ยวกับ คนรับใช้ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ที่เป็นคนหาฟืน เป็นคนงานใหม่ ไม่เข้าใจวัฒนธรรมในบ้านของเศรษฐีว่าถือศีลอุโบสถกัน ตนเข้าใจจากการสอบถาม และอยากจะได้บุญนี้บ้าง ทั้งๆที่ไม่ได้ทราบอานิสงค์อย่างแน่ชัด เพียงแต่รู้สึกว่า ต้องตั้งใจทำให้ได้ และขออาราธนาอุโบสถศ๊ลจากท่านอนาถฯ แต่ไม่ได้เตรียมร่างกายที่อดอาหารมาก่อน จนถึงแก่ชีวิตในคืนนั้น เหตุที่มุ่งมั่นในตอนนั้นก่อนตาย ผมขอเน้นว่าก่อนตาย ท่านปลื้มว่าท่านสามารถรักษาอุโบสถศีล โดยรักษาความตั้งใจของตนไว้ได้ เมื่อตายก็ไปบังเกิดเป็นรุกขเทวาผู้มีศักดิ์ใหญ่ มีฤทธิ์มาก ด้วยเหตุจากถืออุโบสถศีลแค่ครึ่งวันแล้วตายเท่านั้นเอง โดยไม่ได้สร้างบุญอื่นๆหรือปลื้มในบุญใดมาก่อนเลย แค่มาปลื้มกับนึกถึงศีลของตอนก่อนละโลกเท่านั้น... นี่แหละ ถ้าไม่ถือศีล ก็อาจตายด้วยเหตุอื่น หรือตกอบายฯก็ได้ แต่เพราะครึ่งวันที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้น และได้กัลยาณมิตรที่ประเสริฐเช่นท่านเศรษฐีและบริวารที่ทำเป็นตัวอย่าง ...ซึ่งทำให้ได้ทิพยสมบัติอันมากมายของรุกขเทวา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า คุ้มค่าแล้วครับ
#3
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 07:51 PM
#4
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 08:01 PM
#5
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 08:36 PM
#6
โพสต์เมื่อ 22 March 2010 - 10:10 PM
#7
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 12:17 AM
- ฆ่าตัวตายเพราะไม่เห็นค่าของชีวิต คิดว่าชีวิตเป็นของมีค่าน้อย หรือไม่ก็น้อยใจ เอาชีวิตไปแลกกับเรื่องไร้สาระ ทำด้วยใจที่เต็มไปด้วยโลภ โกรธ หลง
- เอาชีวิตเข้าแลก ทำเพราะรู้ค่าของชีวิตดี แต่มีปัญญาเห็นบางสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตเลยเอาชีวิตเข้าแลก ทำด้วยใจที่เบิกบาน มีสติ มีปัญญา ไม่บ้าบิ่น ไม่มุทะลุ
ถ้าหากมีใครฆ่าตัวตายเพื่อหวังเงินประกัน นั่นแสดงว่าทำด้วยใจที่อับจนปัญญา ไม่ว่าจะเอาเงินนั้นมาทำอะไรก็ตาม
เพราะแทบจะไม่เห็นค่าของชีวิตเลย คิดว่าจะเอาชีวิตมาแลกเงินเพื่อทำบุญ ซึ่งจริง ๆ แล้วเงินเป็นสิ่งที่มีค่าน้อยมากเมื่อเทียบกับชีวิต
ต่อให้มีเงินพันล้าน ก็แลกกับการมีชีวิตไม่ได้ ดังนั้น การฆ่าตัวตายโดยหวังเงินประกัน เป็นการกระทำที่สิ้นคิดโดยสมบูรณ์
ทำด้วยใจที่นอกจากจะไม่เข้าใจเรื่องบุญแล้ว ยังเต็มไปด้วยความหลงอาจเพราะกรรมหลาย ๆ อย่างบีบคั้นด้วย
และหวังได้เงินทางลัดด้วยการเบียดเบียนบริษัทประกันให้จ่ายเงินให้ โลภอยากได้ทรัพย์ผู้อื่นในทางมิชอบ
ตายไปด้วยใจแบบนี้ นอกจากไม่ได้บุญแล้ว คงไม่พ้นอบายเป็นแน่
ตรงกันข้ามกับคนที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ยอมทำงานหนักขึ้น ไม่ฟุ้งเฟ้อไม่เห่อเฮิม
ทำงานเท่าไรเก็บมาทำบุญหมด กินอาหารพอประทังไม่ต้องเลิศหรู เหนื่อยเพิ่มเป็น 2 เท่าก็ยอม
ใครด่าใครว่าไม่สนใจ ไม่กลัวลำบาก ไม่เกี่ยงงาน ขอให้ได้เงินมาทำบุญสมความตั้งใจเป็นพอ
อย่างนี้ระหว่างทำไป ใจย่อมเกาะเกี่ยวอยู่กับบุญ นึกถึงเป้าหมายคือบุญกุศลที่รออยู่
จิตใจเบิกบานผ่องใส และยังได้บารมีที่เกิดจากความพยายาม ความอดทน ความมุ่งมั่น ความมั่นคงของจิตใจ
แม้จะทำไม่สำเร็จแต่หมดแรงตายซะก่อน จิตใจก็ย่อมผ่องใส ได้บุญตั้งแต่ยังเก็บเงินไม่ครบแล้ว
ตายไปก็ย่อมไปสู่สุคติ เหมือนเรื่องของคนรับใช้ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีที่รักษาศีล 8 ได้แค่ครึ่งวันก็ตายซะก่อน
ความคิดฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินประกันมาทำบุญนี้ เป็นความคิดที่ประกอบด้วยความหลงมากมายหลายประการ
เป็นมิจฉาทิฎฐิ อย่าว่าแต่เป็นปรมัตถบารมีเลย บุญจะได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะหลงคิดว่าทำอย่างนี้คือบุญ
เหมือนโรบินฮู้ดที่ไปปล้นคนรวยมาช่วยคนจน ถ้าโรบินฮู้ดแน่จริง ก็ต้องขยันทำงานพอรวยแล้วก็แจกคนจน
หรือไม่ก็เข้าไปขอร้องคนรวยให้แบ่งเงินมาช่วยคนจนบ้างอย่างไม่กลัวตาย อย่างนี้ไม่ผิด แม้ตายคนก็สรรเสริญ
แต่คิดอะไรมักง่ายแบบนี้ มันจะเป็นบุญไปได้อย่างไร ถ้ารู้สึกว่าหาทางออกไม่เจอ ก็นั่งหลับตาทิ้งชีวิตไปดีกว่า
นั่งจนตายก็ไม่มีใครว่า นั่งให้มันรู้แล้วรู้รอด หาทางออกไม่ได้ก็ให้มันนั่งตายไปทั้งอย่างนั้น อย่างนี้พอได้
แต่เชื่อเถอะถ้าทำได้จริง ไม่ตายหรอก แถมทางออกจะมาในไม่ช้า
#8
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:18 AM
ในชีวิตของคนส่วนใหญ่จะทำได้แค่ครั้งเดียว
การยอมสละชีวิตแลกทรัพย์คงไม่ดี
แต่เอาชีวิตทุ่มเทแลกบุญบารมีมุ่งโพธิญาณนั้นบุญใหญ่นัก พระโพธิ์สัตว์ต้องทำนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะถึงเป้าหมายคือการเป็นพระพุทธเจ้า
หากตำหนิผมจนเป็นที่พอใจแล้วหากมีหนทางอื่นใดที่จะช่วยให้ผมปิดองค์พระได้ทันเวลา
ขอวิงวอนท่านผู้รู้ผู้มีดวงปัญญาสว่างสไว
โปรดชี้แนะวิธีการด้วยเถิด
ผมจะทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร
ถ้าท่านผู้มีบุญทั้งหลายเอาแต่วิจารณ์ตัวกระผมผู้มีดวงปัญญาน้อย
แต่ไม่มีแม้สักท่านหนึ่งที่จะชี้แนะหนทางแห่งความสำเร็จที่เป็นได้ให้แก่กระผมได้
ตัวกระผมเองก็มิได้บอกบุญท่านทั้งหลาย
ให้เป็นการรบกวนทรัพย์ของท่านทั้งหลาย
ให้หมดเปลืองไปกับเรื่องที่ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ,เป็นแต่เพียงบุญเล็กน้อยเพราะท่านทั้งหลายอาจมีบุญกันเยอะพอแล้วจึงไม่รู้สึกถึงความสำคัญของบุญอันเนื่องด้วยมหาธรรมกายเจดีย์นี้อย่างที่กระผมรู้สึก
ตัวกระผมเป็นคนบุญน้อยเวลาทำบุญอะไร
ก็ต้องวางชีวิตเป็นเดิมพันตลอดจึงจะเร็จ
วันนี้ทรัพย์อย่างเดียวที่มีอยู่คือชีวิตและลมหายใจ บุญนี้อาจเป็นบุญเล็กน้อยของท่าน แต่เป็นบุญใหญ่มากๆสำหรับกระผม
ตอนสร้างองค์แรกกว่าจะสำเร็จก็อาจถือได้ว่าตัวกระผมได้สละชีวิตหรือตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
หากท่านทั้งหลายมีจิตเมตตาต่อกระผมอยู่บ้างก็ขอความกรุณาชี้หนทางแห่งความสำเร็จแก่กระผมด้วยเถิด ขอกราบแทบเท้าขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาในทุกๆบุญกับทุกท่านครับ
#9
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 10:08 AM
เพราะงานเสริมที่มีรายได้ 5 หมื่นในเดือนเดียวนั้นยากมาก
เอาเวลาทำงานพิเศษ ไปบอกบุญ น่าจะ work กว่า
หาที่มีคนเยอะ ๆพลุกพล่าน เช่น ตลาด ,หน้าห้าง, ที่ชุมชน
ทำแผ่นป้าย ให้สะดุดตา กล่องรับปัจจัย เป็นรูปองค์พระ หรือตามแต่จะออกแบบ
อาจมีข้อความ ให้สะดุดใจ เช่น สร้างองพระปิดเจดีย์,ทุ่มสุดฤทธิ์ปิดองค์พระ
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการสร้างพระ หรือข้อความอื่นๆคุณตำรวจจอมกวีอยู่แล้วไม่น่าห่วง
จะไปคนเดียว หรือหาทีมไปด้วยก็ได้ เช่นญาติ ๆ, เพื่อน ๆ,ลูก ๆ หลาน ๆ,แฟน ,ภรรยา
อย่าลืมว่าบอกบุญจากการชวนคนทำความดี 1 คน บริวารเกิดรอในวิมาร อีก 1 แล้วนะครับ
ผู้ที่มีบุญกำลังรอเราอยู่ นะครับ แม้ทรัพย์เพียงเล็กน้อยของแต่ละคน แต่บุญที่ได้ที่เกิดกับตัวเขาไม่อาจคณานับได้
ขอให้สำเร็จ สำเร็จ
#10
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 10:59 AM
จขกทไม่มีเจตตนาอื่นใดแอบแฝงนอกจากต้องการความกระจ่างชัดในสิ่งที่สงสัย และรู้ตัวว่ายังเป็น
บัวตูมอยู่ จึงพยายามรักษาภาพที่ทำให้ใจเกาะเกี่ยวกับสิ่งทีตัวเองปรารถนาอยู่ตลอดเวลาคือภาพ
แห่งความเป็นพุทธ inner peace & loving kindness. เพือว่าวันใดวันหนึ่งจะได้เป็นบัวบานค่ะ
โปรดอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วย หากได้กระทำการล่วงเกินท่านสมาชิกพี่น้องชาว DMC ช่องนี้ช่องเดียว
ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งอดีตและปัจจุบัน ขอโปรดเป็นอโหสิกรรมแก่กันและกันด้วย
เถิด เพื่อความบริสุทธิ์ สะอาด กาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้าผู้เข้าบวชอุบาสิกาแก้วที่จะมีขึ้นเร็ว ๆนี้ค่ะ
กราบอนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ ทั้งบวชบรรพชา-อุปสมบทรุ่นหลวงพ่อ 66 และบวชอุบาสิกาแก้ว
รุ่นแสนแรก รุ่นแรกหน่ออ่อน 100,000 และรุ่นแรกหน่ออ่อน 500,000 ที่กำลังจะมีขี้นเร็ว ๆนี้
ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ ยิ้ม ๆ ๆ ยิ้มแล้วรวย ขอให้รวยโคตร ๆ ทุกท่านที่ยิ้มเด้อ.................
#11
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 11:10 AM
#12
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 05:08 PM
#13
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 06:46 PM
เมื่ออ่านกระทู้ "จะตัดสินใจอย่างไรดี และเจ้าของกระทู้คือ คุณตำรวจรักบุญ" ซึ่งกำลังหา
วิธีแบบทุ่มสุดฤทธิ์ปิดองค์พระด้วยวิธีการต่าง ๆอยู่ และวิธีการหนึ่งไปเกี่ยวข้องกับเงินประกัน
ชีวิตที่ตายด้วยอุบัติเหตุ แต่มิใช่อุบัติเหตุจริงๆเพราะเจตตนาที่จะทำเพื่อเอาเงินประกันมาปิด
องค์พระ...-ขออภัยคุณตำรวจรักบุญด้วยค่ะที่ต้องอ้างอิง และหวังว่าบัดนี้คุณคงได้วิธีการที่ดีกว่า
ขอให้สมปรารถนา เป็นอัศจรรย์ทันทุก ๆ บุญค่ะ อย่าลืมนะคะเราจริงกับครูครูก็จริงกับเราเช่น
กันค่ะ ท่านดูแลเราอยู่นะคะ ขอแต่เพียงทำให้ถูกวิธี ถูกหลักวิชาที่ท่านสอนนะคะ
#14
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:06 PM
#15
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:11 PM
#16
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:32 PM
ผมมีพระที่ชวนมาบวชอยู่2รูปแต่ท่านมีหนี้การศึกษาอยู่ หากขายได้ผมปวารนาไว้ว่า
จะปลดกังวลนี้ให้ท่านด้วย
และท่านก็ได้ปวารนาบวชอุทิศชีวิตแล้วเช่นกัน อนุโมทนาครับ
#17
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:43 PM
จักรยานยนตร์เขามาใช้เพราะรถพังไปแล้วและไม่มีเงินซ่อม บ้านก็เพิ่งโดนไฟไหม้แล้วอย่างนี้จะไปบอกบุญใครเขาจะเชื่อถือ หากเขาพูดสวนมาเขาจะบาปเปล่าๆ
สู้สร้างบุญให้เต็มที่จนผลบุญอัศจรรย์เกิดขึ้นก่อนดีกว่า
#18
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 08:50 PM
#19
โพสต์เมื่อ 23 March 2010 - 11:13 PM