ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

อดีตเปลี่ยนไม่ได้....อนาคตสร้างได้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr23182

usr23182
  • Members
  • 114 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 06:06 AM

หลายคนอาจจะเคยได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ประวัติการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า

บางคน ก่อนที่จะเข้าวัดพระธรรมกาย ได้ใช้ชีวิตแบบชาวโลก ทำบุญ 100 บาทก็บอกว่าเยอะแล้ว ถึงหน้าเทศกาลกินเจก็รักษาศีลครั้งหนึ่ง

บางคนนั่งสมาธิไม่รู้จักว่าต้องทำอย่างไร บางคนบอกไม่มีเวลาได้นั่งสมาธิต้องทำงาน ชีวิตก็หมดไปอีกชาติหนึ่ง

แต่ทีนี่ วัดพระธรรมกายสอนให้พวกเราได้รู้จักวิธีการสร้างบารมี เดินตามรอยแบบอย่าง พระพุทธเจ้า

อยากจะขอเป็นตัวแทนของคนที่เข้าวัดพระธรรมกาย เป็นสาธุชนคนหนึ่ง ที่มาวัดถึง 20 ปี ท่านใดที่ไม่เคยมาวัด

อยากขอเชิญชวนท่านลองมาดู มาเที่ยวชม มานั่งสมาธิ ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย เพียงข่าวลือที่คนไม่เคยมาวัดพูด

ถ้าคุณเป็นคนจริง ขอท้าให้คุณมาพิสูจน์ค่ะ ( บังเอิญ ทันมาได้อ่านค่ะ เหตุผลที่ต้องถูกลบ เพราะพวกเรารักษาใจตนเองให้อยู่ในสมาธิ

ไม่ต้องการเรื่องขุ่นมัว มาทำให้ใจออกจากสมาธิ ในชีวิตประจำวันมีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว แต่ที่นี่ต้องการเรื่องที่ทำให้ใจ

alert ในบุญกุศล มีความสุข คุณส่งธรรมะมาให้อ่านครั้งแรก ดีน่ะค่ะ มีประโยชน์ กับ ทุก ๆ คน ให้รู้จักประคองชีวิตให้อยู่ในธรรมะ

ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ แต่ไม่ควรนำเรื่องร้อนมาให้คนอื่นร้อนตามด้วยค่ะ อยากให้คุณส่งเนื้อหาธรรมะมาจะดีกว่าค่ะ )

====================================================================

จากหนังสือ ต้องเป็นให้ได้ ( ดั่งเช่นพระพุทธเจ้า ) อ่านรอบนี้ หลังจากไม่ได้อ่านมา 10 ปี เพราะคิดว่าเข้าใจดีแล้ว

แต่ เมื่อมาอ่านอีกรอบ กลับรู้สึกมีอะไร ๆ หลายอย่างที่มองข้ามไป

ถ้าท่านใดเคยได้อ่านแล้ว อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ และ ถ้าท่านใดตั้งใจที่จะสร้างบารมี 10 อย่าง เพื่อมุ่งให้ได้ที่สุดของการทำให้สิ้น

กิเลส ในอนาคตชาติ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

เนื้อหาในหนังสือ อยากให้ทุกท่านได้มีโอกาสอ่านเองค่ะ จะสนุกกว่าค่ะ

แต่ขอพูดถึง สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้น่ะค่ะ

1.เอาชีวิตเป็นเดิมพัน พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ในชาติที่ท่านจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทุกพระองค์

คือการได้เห็น นิมิต 4 อย่าง คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และ เมื่อพระพุทธองค์ท่านตัดสินใจออกบวช ท่านทิ้งทุกอย่าง

แบบไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีกิน จะเจออะไร จะมีที่อยู่ไหม จะมีภัยอันตรายไหม ท่านไม่สนใจ เมื่อทิ้ง ไม่หวนกลับ แต่ กลับมาเมื่อ

ตรัสรู้แล้ว เพื่อช่วยทุกคน ท่านมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่มีกินก็ตาย แค่นั้น ตายคือตายไม่สนใจ ขอเพียงหาทางพ้นทุกข์ และ ช่วยคนอื่นได้

ขอยกตัวอย่าง อีกท่านน่ะค่ะ หลวงปู่สดวัดปากน้ำ ท่านออกบิณฑบาตร ทุกวัน ไม่เคยรู้ว่าวันนี้จะมีกินไหม

บางวัน ก็ได้แค่ กล้วย หนึ่งลูก ข้าวหนึ่งทัพพี ชาวบ้านตักบาตรมาได้แค่ไหนก็ได้กินเท่านั้น พรุ่งนี้ไม่รู้จะมีกินไหม

มีชีวิตนักบวชแบบวันต่อวัน มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างเดียว เพื่อที่สุดแห่งธรรม


สมาชิกทุกท่านค่ะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก ขอให้ท่านสู้ต่อไปค่ะ สู้แบบครูของพวกเราค่ะ แค่ชีวิตเป็นเดิมพันค่ะ เอาใจช่วยค่ะ


2. พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ท่านมีครอบครัว มีมเหสี และ วันที่ประสูติพระโอรส ท่านก็ออกบวช ด้วยเห็น เหตุแห่งทุกข์ คือ ความรัก

ได้เห็นความทุกข์ คือ พระโอรส

พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ท่านได้เห็นเหมือนกันว่า มเหสี และ พระราชโอรส ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ มีแต่ ความทุกข์ที่เพิ่มมากขึ้น

ถาม ทำไม พระพุทธเจ้า ท่านจึงต้องมีครอบครัว ใครรู้บ้าง แลกเปลี่ยนความรู้กันได้น่ะค่ะ ในหนังสือมีบอกน่ะค่ะ

แต่จากการที่ได้อ่าน จึงได้คิด และ คิดว่า เพราะอะไรทุกยุคทุกสมัย พระพุทธเจ้าท่านจึงต้องมีครอบครัว

1.ฝ่ายดำ หลอกล่อให้หลงอยู่ในห้วงความทุกข์ ไม่ให้ดับทุกข์ได้ จึงทำให้ท่านต้องมีครอบครัว

2.วันที่ท่านจะออกบวช ถ้าไม่มีครอบครัว ท่านจะไม่เห็นเหตุแห่งทุกข์ และ จะไม่หาทางดับทุกข์เพื่อช่วยคนอื่นและครอบครัวของท่าน


เป็นบุญของพวกเราน่ะค่ะ ที่ท่านหาทางดับทุกข์ ทำให้พวกเราได้รู้จักทางสว่างของชีวิตและ รู้ทางออกจากความทุกข์

พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ท่าน ยังต้องทิ้ง คนที่ท่านรัก ห่วงมากที่สุด ทิ้งเพื่อหาทางดับทุกข์

สมาชิก ท่านใดคิดจะมีครอบครัว ให้เตรียมใจไว้ด้วยน่ะค่ะ ว่า ชีวิตจะมีทุกข์เพิ่มขึ้น ก็ขอให้ท่านใช้สติ ในการดำรงชีวิตให้มากน่ะค่ะ

ขอให้มีความสุข เป็น ครอบครัวธรรมกายน่ะค่ะ ( ก็ เตรียมใจไว้ด้วยว่าสุกดิบ ถึงเวลาเกิดความทุกข์นั้น จะได้ไม่ทุุกข์มาก )

ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังต้องทิ้ง หากท่านใดคิดสร้างบารมี ก็ ทิ้งซะตอนนี้ที่ยังไม่มีครอบครัว จะได้ทุกข์น้อย


3. พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ ท่านยังต้องทิ้งสังขาร เพื่อปรินิพพาน ท่านยังไม่สามารถพา พระโอรส มเหสี และบุคคลทั้งหลายไปนิพพาน

กับท่านด้วยได้เลย พระพุทธองค์ท่านได้แค่ชี้ทางสว่างให้ทุกคน อยู่ที่ความตั้งใจของบุคคลทั่งหลายที่จะเดินตามรอยเท้าท่าน

ไม่มีใครในโลกนี้ ไม่ตาย แต่จะตายอย่างไรแล้ว ไม่ต้องตกนรก ไปสวรรค์ หรือ เกิดเป็นมนุษย์ ได้

นักเรียนของหลวงพ่อทุกคน โชคดีน่ะค่ะ รู้วิธีเตรียมตัวตาย รู้วิธีที่จะทำใจให้ไม่ไปอบายภูมิ

พระพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสไว้ว่า พวกเธอจงอย่าได้ประมาท


4. อายุ จำนวนพระอรหันต์ที่บรรลุในสมัยของท่าน รัศมี กำลังฤทธิ์ ที่แตกต่างกัน เนื่องด้วยบุญบารมีแต่ละท่านไม่เท่ากัน


สมาชิกทุกท่านค่ะ พวกเราล้วนเห็น เด็กทารกแรกเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย การมีความรัก การมีครอบครัว เป็นเรื่องปรกติวิสัยมนุษย์

แต่สำหรับ พระพุทธเจ้า เมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้ ท่านเห็นว่าไม่ปรกติ ควรรีบเร่งหาทางพ้นทุกข์ หาทางดับทุกข์ ไม่จมอยู่ในห้วงความทุกข์

โดยท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านทิ้งทุกอย่างไม่อาลัยทั้งทรัพย์ บริวาร บุคคลที่รัก ญาติและมิตร และ ในที่สุดท่านก็ทิ้งสังขาร


หลวงพ่อท่านมักจะย้ำเสมอว่า ชีวิตเป็นของน้อย ควรรีบเร่งทำบุญ นั่งสมาธิให้มาก ตรึกนึกถึงองค์พระทุกลมหายใจจะได้ไม่ประมาท

เรื่องที่เขียนมา เชื่อว่า นักเรียนของหลวงพ่อทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ เขียนมา เพราะอยากเล่าให้ฟังอีกครั้ง อยากให้ทุกท่านได้

รีบเร่งสร้างบุญสร้างบารมีให้มากยิ่งขึ้น เวลาของชีวิตเหลือน้อยลงแค่ลมหายใจเข้าออก อย่ามัวหลงในรูป รส กลิ่น เสียง

ท่านใดที่อ่านแล้ว อยากจะได้รสชาติของความสนุกก็หาซื้อหนังสือได้น่ะค่ะ


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่คิดสร้างบารมีด้วยน่ะค่ะ สาธุ

และท่านใดที่ทำหน้าที่ชวนคนบวชอุบาสิกาแก้ว ในช่วงนี้ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ


สุดท้ายขอพรพระพุทธเจ้าท่าน หลวงปู่สดวัดปากน้ำ หลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว และ คุณยาย ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ

และขอให้ทุกท่านสำเร็จทุกสิ่งที่ปราถนา เข้าถึงพระธรรมกายได้โดยง่ายทุกท่านค่ะ สาธุ


ท่านใดที่เคยอ่านแล้ว อยากร่วมความคิดสนทนาธรรมร่วมกันได้น่ะค่ะ














#2 สาหร่าย

สาหร่าย
  • Members
  • 123 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 06:34 AM

สาธุกับธรรมทานในยามเช้านี้ค่ะ

#3 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 09:58 AM

สาธุที่นำธรรมมะมาฝากค่ะ

เคยอ่าน และยังอ่านไม่จบค่ะ เนื่องจากเป็นหนังสือเล่มนึงที่ตั้งใจอ่าน อ่านไปด้วยก็พยายามจำ และทำความเข้าใจ
เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาสาระมาก อ่านแล้วได้รู้อะไรมากมาย (ทั้งที่ยังอ่านไม่ถึงครึ่งเล่ม)

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#4 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 10:08 AM

ชอบประโยคนี้ค่ะ ยังไม่มีใครเขียนให้อ่านตรงๆ แบบนี้ เว้ากันซื่อๆ คนที่ยังไม่เข้าใจก็คงได้เข้าใจมากขึ้น
QUOTE
พวกเรารักษาใจตนเองให้อยู่ในสมาธิ ไม่ต้องการเรื่องขุ่นมัว มาทำให้ใจออกจากสมาธิ ในชีวิตประจำวันมีเรื่องวุ่นวายมากพอแล้ว แต่ที่นี่ต้องการเรื่องที่ทำให้ใจ alert ในบุญกุศล มีความสุข


แอบคิดแบบนี้บ่อยเหมือนกัน

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#5 บ่าวอุบล

บ่าวอุบล
  • Members
  • 632 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 10:51 AM

รู้ทุกข์ เห็นทุกข์ ถึงทุกข์

คนโสด แค่รู้ กับเห็น
คนมีครอบครัว จึงจะ ถึง

รู้ซึ้งแล้วจึงจะเข้าใจ

#6 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 10:52 AM

สุดยอดมากครับ นั่งอ่านช้าๆ แล้วหลับตาทำใจให้ใส... มีประโยชน์มากๆครับ ผมก็นึกทบทวนตัวเองไปในตัวด้วย
ขออนุโมทนาบุญกับ จขกท ด้วยนะครับ :-)
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#7 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 07:15 PM

เป็นหนังสือที่ดี่ที่สุด เล่มหนึ่งเลยค่ะ

อ่านแล้วเกิดแรงบันดานใจ อยากเป็นอย่างพระพุทธเจ้า จริง ๆ

วิธีการมีบอกไว้แล้ว ที่เหลือแค่ ปฏิบัติด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เท่านั้น

อนุโมทนาบุญค่ะ