เอ็นจีโอ-ปัญญาชน 43 คนทำหนังสือถึง"อภิสิทธิ์"สั่งด่วนระงับการลงนามข้อตกลงระหว่าง สพฐ.-วัดธรรมกาย ให้ทุน 1,000 ล้าน
ส่งนักเรียน-ครู 10.7 ล้านคนเข้าโครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก ระบุพฤติกรรมมีข้อน่าเคลือบแคลงสงสัย
กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน ปัญญาชน 43 คนนำโดยนายนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ทำหนังสือลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับการลงนามข้อตกลงความร่วม มือ(MOU)ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) และ สมาคมพุทธศาสตร์สากล ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระมหามังคลาจารย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งวัดพระธรรมกาย
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวอ้างว่าเพื่อยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเชิงบูรณาการโดยมีการแผน การให้ทุนการศึกษา จำนวนเงินกว่าหนึ่งพันล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะอบรมเยาวชนจำนวนถึง 10 ล้านคน พร้อมกับข้าราชการครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น อีกเป็นจำนวนถึง 700,000 คน และสถานศึกษาอีก 30,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งดูอย่างผิวเผินดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่มีข้อเคลือบแคลงสำคัญหลายประการ
นอกจากนั้นวัดพระธรรมกาย ที่ยังมีข้อครหาทั้งในส่วนของการอบรมสั่งสอนตามพระวินัยหรือยึดใน
พระธรรมคำ สอนที่เป็นแก่นแท้พระพุทธศาสนาจริงหรือไม่ ประกอบกับมีพฤติการณ์ในเชิงพุทธ
พาณิชย์ตลอดมา โดยการชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี และคนยากจนผู้ด้อยโอกาสทุ่มเท
ทรัพย์สินเงินทองเพื่อทำบุญสร้างวัตถุขนาดใหญ่ มีการล่อใจด้วยบุญและสวรรค์อันเป็นการบิดเบือน
แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่าง ร้ายแรง ในขณะเดียวกันแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่ก็มี
กระแสข่าวหนาหูว่าสถาบัน แห่งนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเชิงลึกกับฝ่ายการ เมืองและการชุมนุมที่
มีกาใช้ความรุนแรงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำร้ายผู้ บริสุทธิ์ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาด้วย
หนังสือของคัดค้านดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลลงพักข้าราชการระดับสูงที่จะลงนามร่วม กับสมาคมพุทธศาสตร์สากลและตรวจสอบความโปร่งใสการเงินและพฤติกรรมของวัดพระธรรมกายให้กระจ่าง
สำหรับหนังสือของกลุ่มองค์กรพัฒนา เอกชนและปัญญาชนดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
สืบเนื่องจากร่างเอกสารลงนามข้อตกลง ยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเชิงบูรณาการ ตามโครงการ
ฟื้นฟูศีลธรรมโลก ระหว่าง สพฐ.และ สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากล ใน
อุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และแผนการให้ทุนการศึกษา จำนวนเงินกว่าหนึ่งพันล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะอบรมเยาวชนจำนวนถึง10 ล้านคน พร้อมกับข้าราชการครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น อีกเป็นจำนวนถึง 7 แสนคน และสถานศึกษาอีก30,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งดูอย่างผิวเผินดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่มีข้อเคลือบแคลงสำคัญหลายประการดังนี้
1. ในบันทึกข้อตกลงฯ(MOU) ไม่ระบุเรื่องงบประมาณไว้ให้ชัดเจน แต่มีการจัดทำเอกสารที่แนบเนื่องอยู่กับบันทึกข้อตกลงฯ(MOU) เป็นทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนในเรื่องเดียวกัน ซึ่งระบุงบประมาณอย่างคลุมเครือกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมกับหมายเหตุว่า ไม่รวมค่าดำเนินการเป็นการเตรียมการลงนามสัญญาที่ขาดธรรมาภิบาลหรือไม่ หรือส่อให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงของผู้มีอำนาจลง
นามตามกรอบ หน้าที่รับผิดชอบและวงเงินตามระเบียบราชการหรือไม่
2.หากจำนวนเงินทุนการศึกษาดังกล่าว สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ เป็นผู้ให้การสนับสนุนเสียเอง ก็เป็นที่น่าสังเกตอย่างสำคัญว่า สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ นั้นมีเป้าประสงค์ซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า สมาคมพุทธศาสตร์สากล หรือ ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดพระธรรมกาย ที่ยังมีข้อครหาทั้งในส่วนของการอบรมสั่งสอนตามพระวินัยหรือยึดในพระธรรมคำ สอนที่เป็นแก่นแท้พระพุทธศาสนาจริงหรือไม่(ดูหนังสือกรณีธรรมกายที่แนบมา) ประกอบกับมี พฤติการณ์ในเชิงพุทธพาณิชย์ตลอดมา โดยการชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี และคนยากจนผู้ด้อยโอกาสทุ่มเททรัพย์สินเงินทองเพื่อทำบุญสร้างวัตถุขนาดใหญ่ มีการล่อใจด้วยบุญและสวรรค์อันเป็นการบิดเบือนแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่าง ร้ายแรง ในขณะเดียวกันแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแต่ก็มีกระแสข่าวหนาหูว่าสถาบัน แห่งนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเชิงลึกกับฝ่ายการเมืองและการชุมนุมที่มีการ ใช้ความรุนแรงจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาด้วย
3. การที่หน่วยราชการทำข้อตกลงสัญญาให้สถาบันที่ยังมีข้อครหาดังกล่าวนี้ให้ดำเนิน การอบรมเยาวชนผู้ซึ่งจะเป็นอนาคตสำคัญของชาติและผู้นำการศึกษา ผู้นำท้องถิ่น รวมจำนวนถึง สิบล้านเจ็ดแสนคน ในระยะเวลา3 ปี ให้ฝักใฝ่ลัทธิใดลัทธิหนึ่งที่น่าเคลือบแคลงเป็นการเฉพาะนั้น นั่นย่อมจะทำให้สังคมและพระพุทธศาสนาเสื่อมทรุดจนกลายเป็นการใช้เครื่องแบบ ของพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างลัทธิบูชาวัตถุนิยม ซึ่งแก่นแท้ของพระศาสนาอาจจะปราศนาการจากชาติไทยไปในที่สุด
ดังนั้น ข้าพเจ้าและเพื่อนพุทธศาสนิกชนผู้ลงนามท้ายจดหมายนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีปฏิบัติดังนี้
1. สั่งการให้ข้าราชการผู้เกี่ยวข้อง หยุดการลงนามข้อตกลงในครั้งนี้ พร้อมกับสั่งพักข้าราชการที่มีชื่อระบุไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาที่สามารถให้คุณให้โทษข้าราชการผู้ใต้บังคับ บัญชาที่เกี่ยวข้อง และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการนี้ในทันที
2.ดำเนินการใดใดเพื่อมิให้หน่วย ราชการ องค์กรของรัฐ มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงใดใดกับสถาบันที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอีกต่อไป จนกว่าผลการตรวจสอบข้างล่างนี้จะปรากฏชัดแจ้งต่อสังคม
3.ให้มีการ ตรวจสอบความโปร่งใสของการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เคยกระทำผ่านมา โดยเฉพาะโครงการอบรมครูและเด็กนักเรียนจำนวน 500,000 คน ที่เกิดขึ้นมาแล้วในช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัด 2009 แต่วัดพระธรรมกายยังดื้อดึงจัดงานและมีผู้บริหารของ สพฐ.ไปสนับสนุน ดังปรากฎในภาพและชื่อเวบไซด์ที่แนบมา จนทำให้เกิดการติดและแพร่ระบาดหวัด2009 เป็นวงกว้าง
4.ให้มีการ ตรวจสอบความโปร่งใสทางการเงินของพระในวัดพระธรรมกาย และสถาบันหรือโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายทั้งหมด โดยเฉพาะการสอบสวนถึงการที่อัยการถอนคดีความของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพื่อ ตัดตอนการพิจารณาคดีของศาล ว่ามีเงื่อนงำอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
5.ให้มีการตรวจสอบการอบรมสั่งสอนและ พฤติการณ์ของพระสงฆ์และสานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ว่า มีการรักษาแก่นแท้ของพุทธธรรมอยู่อย่างแท้จริงเพียงไร โดยเฉพาะการสะสางอธิกรณ์ตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ทรงมีพระวินิจฉัย ไว้แล้วในกรณีวัดพระธรรมกาย ที่ถูกเก็บเรื่องเงียบไว้เป็นเวลานานแล้ว
ข้าพเจ้าและผู้ร่วมลงนามทั้งหมดนี้ ทราบดีว่าท่านนายกรัฐมนตรีกำลังอยู่ในภาวะที่ยากลำบากในการนำพาประเทศให้พ้น หายนะภัยจากวิกฤติสังคมที่เลวร้ายอยู่ในขณะนี้ และยังเชื่อมั่นว่า ท่านจะยังคงเป็นผู้นำที่เป็นความหวังของประเทศต่อไป เชื่อว่าท่านจะมีวิสัยทัศน์มีความเด็ดขาดกล้าหาญ ในอันที่จะระงับมิให้เกิดหายนะภัยทางสังคมที่หนักหน่วงร้ายแรงไปยิ่งกว่านี้ อันจักเกิดขึ้นจากการปล่อยปะละเลยให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่หาทางหยุด ยั้งให้เด็ดขาดลงไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นตราบาปทางประวัติ ศาสตร์ของชาติที่ ท่านนายกฯ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศในเวลานี้ได้เลย และที่น่าเสียใจก็คือชื่อเสียงความดีงามของวงศ์ตระกูลที่บรรพบุรุษของท่าน ได้สั่งสมมายาวนานก็จะพลอยมัวหมองตามไปด้วยชั่วกาลนาน
ในทางกลับกัน หากท่านสามารถระงับยับยั้งและสร้างกลไกที่ดีให้เป็นเกราะ ป้องกันอย่างแข็งแรงมิให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกตลอดไปได้ละก็ เกียรติประวัติของท่านจะถูกจารึกไว้ในสังคมและประวัติศาสตร์ตลอดจนประทับ อยู่ในจิตใจพุทธศาสนิกชนผู้ประพฤติชอบตลอดกาลนานทีเดียว
พร้อม กันนี้เพื่อเป็นการปลดวิกฤตสังคมตลอดถึงอนาคต ขอให้ท่านนายกฯ เร่งดำเนินการให้มีการนำแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาซึ่งมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบจำนวนไม่น้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินนี้ออกสั่งสอนประชาชนและ เยาวชน โดยรัฐบาลสร้างโอกาส สร้างสื่อสารสาธารณะอย่างทุ่มเทให้มีการสั่งสอนอบรมศาสนาและศีลธรรมที่ถูก ต้อง โดยผู้ปฏิบัติดีเหล่านี้ เพื่อยกระดับสังคมให้ออกจากการตกเป็นทาสวัตถุนิยม ใช้โอกาสนี้สถาปนาพื้นฐานใหม่ทางสังคมขึ้นมาในยุคของท่าน โดยการนำวิถีพุทธอย่างแท้จริงกลับมาเป็นหลักสำคัญในการนำพาสังคม เฉกเช่นเดียวกับยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรงพลิกฟื้นความสุขสงบในสังคมภายหลังการฆ่าฟันที่โหดร้าย ด้วยการสถาปนาพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดยุคของท่านจนนามท่านจารึกอยู่ใน ประวัติศาสตร์มานานนับพันปีตราบจนทุกวันนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ขอแสดงความนับถือ
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์
บัณฑิตพึงใช้ปัญญา ในการรับรู้ข่าวสาร
ช่วยกันแก้ต่างให้โครงการทุกๆโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่เกิดขึ้นแล้วของพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยนะครับ
อย่าให้มีข่าวที่ไม่ถูกต้อง บิดเบือนจากความเป็นจริงไปเสนอนะครับ เราจะร่วมกันสู้ด้วยสองมือและหัวใจของเรา
เคียงคู่ไปกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะครับ ให้ท่านได้ผ่อนคลาย หายทุกข์ลงบ้างนะครับ
ลูกพระธัมฯหัวใจสู้เต็มกำลังครับ ตอนนี้ข่าวที่ออกไปแต่ละข่าวล้วนพาดพิงถึงวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อทั้งสิ้นครับ
เค้าพยายามโยงเรื่องราวที่ผิดๆ ให้มาถึงเราแล้วนะครับ ช่วยกันประชาสัมพันธ์แถลงณ์การณ์ฉบับนี้ออกไปให้ลูกพระธัมฯทั่วโลกทราบนะครับ
มีเหตุการณ์ ข่าวใดเคลื่อนไหว จะมาแจ้งให้ทราบนะครับ.. ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ให้หมู่คณะเรานะครับ
ทำใจใส ใจหยุด ใจนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย เมื่ออ่านบทความนี้จบนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานIBS มีกำลังใจดำเนินงานฟื้นฟูศีลธรรมโลกต่อไปนะครับ
ท้อได้ แต่อย่าถอยนะครับ.. เด็กดีV-STARทั่วประเทศยังคอยเป็นกำลังใจให้ครับ
..รักหลวงพ่อครับ..