ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระโสดาบัน?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 May 2010 - 03:26 PM

พระโสดาบันมีอุปนิสัยเป็นอย่างไร?มีฤทธิ์มีญาณหรือไม่?ทำอย่างไรถึงได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ทำไมถึงไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์เลย?นั่งสมาธิภาวนา สัมมาอะระหัง สามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่หรือมีวิธีไหนที่ทำให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันได้อีก?ทำไมพระโสดาบันถึงไม่สามารถหวนกับมาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าได้อีก ขอขอบคุณครับ...

#2 tong_tong_tong

tong_tong_tong
  • Members
  • 169 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 May 2010 - 09:34 PM

พระโสดาบันมีอุปนิสัยเป็นอย่างไร?
happy.gif ละกิเลสได้บางส่วนแต่ยังไม่หมด

มีฤทธิ์มีญาณหรือไม่?
happy.gif มีญาณในระดับหนึ่ง แล้วแต่
บางท่านมีฤทธิ์ มาก่อน และเพิ่งมาได้หลังนั่งสมาธิหลังบรรลุ เช่น รู้อนาคต มีตาทิพย์ หูทิพย์ บางท่านก็ไม่มีเลย

ทำอย่างไรถึงได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
happy.gif ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า หรือ ฝึกวิชาอย่างถูกต้องของพระพุทธเจ้า

ทำไมถึงไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์เลย?
happy.gif บุญที่สั่งสมมายังไม่พอ ต้องไปสั่งสมบุญเพิ่มอีกนิด ไม่เกิน7ชาติ โดยจะเป็นพระอนาคามี ไล่ไปเรื่อยๆ จนเข้ากายอรหันต์
และถ้าบรรลุพระอรหันต์ต้องบวชไม่เช่นนั้น กายหยาบศีล5 จะรับไม่ได้ จะตายใน 7 วัน
และสถานที่อย่างพระนิพพานรองรับบุคคลที่ตัดกิเลสแล้วทุกอย่างแล้วเท่านั้น

ขอตัวอย่างเช่น องค์คุลีมารแม้จะฆ่าคนมาแยอะ 999 คนแต่ก็บรรลุได้เพราะบุญที่สะสมมาแต่ละชาติมีไม่น้อย พอที่จะบรรลุอรหันต์ได้ พระพุทธเจ้าเราเลยไปโปรดเพราะในอดีตก็ สร้างบุญร่วมกันมาหลายชาติ
แต่บางคนอยู่หน้าวัดแท้ๆ พระพุทธเจ้ากลับไม่ไปโปรดเลยเพราะรู้ว่า ไม่มีประโยชน์


นั่งสมาธิภาวนา สัมมาอะระหัง สามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่หรือมีวิธีไหนที่ทำให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันได้อีก?
happy.gif บุญไม่พอก็ยังเป็นไม่ได้ แต่มาถูกทางแล้วโดยการนั่งสมาธิ ต้องนั่งต่อไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่เพียงชาติเดียว พอชาติต่อมาเกิดมาก็จะลืมวิธีการนั่งที่ถูกต้อง และถ้านั่งผิดแบบก็ไปได้เพียงชั้นพรหม มีทางเดียวคือ ต้องได้วิชาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังเช่นวิชาของหลวงปู่ หรือ พบพระพุทธเจ้าแสดงธรรมดึงใจให้เข้ากลางของกลาง




ทำไมพระโสดาบันถึงไม่สามารถหวนกับมาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าได้อีก ขอขอบคุณครับ...อิอิ
happy.gif ต้องเป็นพระอรหันต์ไม่เกิน 7ชาติต้องเข้านิพพาน ทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะเกิดเป็นพระพุทธเจ้า
ซึ่งต้องใช้เวลาสะสมบารมีแบบสุดๆ (ไม่ใช่เพียงแต่สะสมบุญแบบธรรมดา)ใช้เวลาต่ำๆถึง 20 อสงค์ไขย
เพราะต้องหา พระอคัรสาวกและทีมงานอีก

#3 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 29 May 2010 - 10:21 PM

....ตามคุณ tong เลย นี่แหละที่คุณยายว่า "สร้างบารมี ไม่ใช่ของง่ายนะ"
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#4 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 May 2010 - 09:19 AM

สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณนะครับที่ตอบให้เข้าใจอะไรมากขึ้น

#5 NooF ประตูน้ำ ภาค 7

NooF ประตูน้ำ ภาค 7
  • Members
  • 21 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 June 2010 - 01:04 AM

แอบมาเพิ่มให้ เป็นบางข้อ เอาที่คิดว่า จำเป็นรึกันนะ tongue.gif

พระโสดาบันมีอุปนิสัยเป็นอย่างไร
ตอบ
- มีศีล 5 บริสุทธิ์ อย่างน้อยที่สุด 3-4 ข้อ (พร่องแต่ไม่ขาด)เพราะกิเลสไม่หมดและใช้ชีวิตทางโลก
(โสดาบันยังละกามกิเลสไม่ขาดจนถึงสกิทาคามีก็ยังมีกามกิเลส)
- ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเข้า
- มีเพียง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เหตุนี้จึงไม่บูชาเทพ
- เห็นความจริงของกายและใจ ว่าเป็นลิ่งไม่ควรยึดมั่น แต่ความยึดมั่นก็ไม่ได้หายไปทั้งหมด


มีฤทธิ์มีญาณหรือไม่?
ตอบ
บางคนธรรมดา ปฏิบัติ ได้ญาณก็มี การทำสมาธิจนได้ญาณ มีมาก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้
จึงไม่จำเป็นเสมอไป เป็นผลพลอยได้ แม้แต่พระอรหันต์บางรูปยังไม่ไม่มีญาณก็มี แต่มีปัญญาตัดกิเลสได้


ทำไมถึงไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์เลย?
ตอบ
ในอดีต เช่น อบิณกะเศรษฐี สะกดไม่เป็น -*- ยังได้โสดาบันตอนจะสิ้นลม อีกหลายคนเลยด้วย
กิเลสมันไม่ใช่ของง่ายที่จะละมันลง พอจะสิ้นลม ถึงเห็นว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรไปถือมั่น
เหมือนเรียนจะเข้าเรียนอนุบาล แล้วบอก ขอจบปริญาตรีเลย แบบนี้มันก็คงไม่ใช่ -..-



นั่งสมาธิภาวนา สัมมาอะระหัง สามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่หรือมีวิธีไหนที่ทำให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันได้อีก?
ตอบ
เริ่มต้นการ ท่องสัมมาอะระหัง เป็นแค่บริกรรมภาวนา เพื่อเป็นเครื่องตั้งอยู่ของจิต
จะเป็นโสดาบันก็ได้แต่ต้องมีเหตุประกอบอื่นด้วย พูดง่ายๆเป็นเส้นทางในการปฏิบัติ

ถามว่าวิธีไหน เริ่มง่ายที่สุด เลิกสงสัยได้แล้ว ไปลงมือปฏิบัติเ ควบคู่กับการศึกษาคำสอน และอยู่ในศีล 5
ก่อนพี่ผมจะพาเข้าวัดผมเองเคยแสวงหาครูบาอาจารย์มากมาย จนมีข้อมูลขัดแย้ง น่าปวดหัว เมื่อถึงจุดนึงเข้าใจแล้วว่า
ทุกอย่างที่หลวงพ่อสอนเป็นของจริง เพียงแต่เราจะรู้จริงทำจริงได้อย่างที่ท่านสอนรึเปล่า

#6 usr35467

usr35467
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 July 2010 - 02:50 PM

สวัสดีครับผู้เจริญในพระศาสนาทุกท่าน ทุกท่านที่ปฏิบัติพึงเจริญถึงมรรคผลนิพพานได้หากแต่ได้ปฏิบัติตามหลักการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากแต่เดินมาถูกทาง ไม่เกิน7วันก็เห็นผล นานที่สุดก็7ปี หรือปฏิบัติอย่างถูกต้องทำสม่ำเสมอ3วันเห็นผลก็มี ผู้ที่พึ่งปฏิบัติถูกต้อง จะเป็นผู้ที่มีความรู้ตัว ตื่น เบิกบาน ทุกข์น้อยลง มีสติมากขึ้น เป็นสติที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หากพิจารณาเห็นการเกิดดับของ กาย เวทนา จิต และธรรมอยู่เป็นนิตย์ เมื่อใดที่คิดเกิด เราก็รู้ว่าอ๋อนี่เราคิดแล้ว เมื่อใดที่เวทนาเกิดเราก็รู้ว่าอ๋อนี่เวทนาเกิดแล้ว เมื่อใดที่อารมณ์เกิด เราก็รู้ว่าอ๋อนี่ คืออารมณ์เกิดขึ้นแล้ว เมื่อท่านเห็นสภาวะที่เกิดขึ้นอยู่ภายในกาย ในจิตของท่านอยู่เป็นนิตย์จนจิตจำสภาวะต่างๆของอารมณ์ได้แม่น จิตใจเราจะคลายออกจากการยึดมั้่นถือมันในร่างกายอันมีแต่ปฏิกูลอันเน่าเหม็น จึงมิยึดถือมันกายอีกต่อไป จึงคลายความทุกข์ที่เกิดมาจากกายได้ หากแต่ปฎิบัติสืบเนื่องต่อไปโดยไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นสภาวะต่างๆของอารมณ์บ่อยๆเข้า ท่านจะรู้ว่า ท่านทุกข์ใจเพราะความคิด คิดโดยที่ไม่รู้ตัวก็ดี หรือรู้ตัวก็ดี ทำให้ทุกข์ใจอยู่ตลอด หากท่านเห็นความทุกข์ใจในเรื่องต่างๆของท่านอยู่เสมอๆซ้ำๆ เห็นโกรดซ้ำๆ เห็นอิจฉาซ้ำๆ เห็นความไม่พอใจหรือสภาวะทางอารมณ์อื่นๆซ้ำๆ จนเกิดเป็นสติอันเป็นอัตโมมัติ เมื่อใดที่โกรดกำลังจะเกิดขึ้นสติท่านจะรู้ทันในทันที หากเห็นสภาวะทางอารมณ์บ่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จิตท่านก็จะคลายความยึดมันถือมันในตัวตนลง ในการรักตัวรักใจลง ปัญญาอันที่ได้ต่อจากนั้นคือ ท่านจะรู้ว่า ร่างกายนั้นเป็นกองทุกข์ล้วนๆ แม้จิตก็เป็นทุกข์ล้วนๆมิเป็นสิ่งที่ีน่าชื่นชมแต่อย่างใดเลย จะเรียกว่าเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันจากกิเลสโดยการเห็นทุกข์จากกิเลสจนชินก็่ว่าได้ เมื่อเรามีภูมิคุ้มกันที่แก่กล้าแล้ว ท่านผู้เจริญทุกทานพึงสัมผัสความสุขอันเกิดจากปีติสุข จากการไม่ยึดมันถือมั่นในสิ่งใด เกิดการคลาย เกิดการปล่อยวาง และเป็นสุขได้แม้ขณะตื่น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย การปฏิบัติในทางของพุทธศาสนา หากปฏิบัติถูกต้อง ท่านจะมีความรู้ตัว ตื่น และเบิกบานใจไม่เศร้าหมอง และเห็นผลไม่จำกัดกาล ไม่เนินช้า......จากศิษย์ สติปัฏฐานสี่

#7 ธาตุล้วนธรรมล้วน

ธาตุล้วนธรรมล้วน
  • Members
  • 255 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 July 2010 - 11:36 PM

เรียนคุณ ดอกอุบล

QUOTE
นั่งสมาธิภาวนา สัมมาอะระหัง สามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่หรือมีวิธีไหนที่ทำให้ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันได้อีก?


พระพุทธองค์ตรัสไว้ ให้เจริญไตรสิกขาให้สมบูรณ์ สลัดตนออกจากทุกข์ทั้งปวง เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง เป็นภาพรวมสูงสุด

แนวปฏิบัติวิปัสสนาธุระ........

- ก็คือการเจริญสมถะ วิปัสสนา ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ซึ่งทรงแสดงว่าเป็นหนทางเดียวเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เอกายนมัคโค หนทางเดียวนี้นะครับ

หลักคุณธรรมที่ต้องบำเพ็ญและทำให้เจริญ........

- ในภาคปฏิบัติ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการนั่นเอง (ไปหาศึกษาเพิ่มเติมด่วน)

- ในภาคการบำเพ็ญ ได้แก่ บารมีทั้ง 10 ประการ ให้ครบทั้ง 30 ทัศ คือทั้งระดับบารมี อุปบารมี และปรมัตถ์บารมี

ในเรื่องของสามัญญผล........

-ได้แก่ วิชชา และวิมุตติ คือ เข้าถึงการปล่อยวาง ปหานกิเลศ ดับเหตุแห่งทุกข์ ถึงพระนิพพาน หลุดพ้น ทั้งระดับชั่วคราว และเด็ดขาดถาวร

ในสายธาตุธรรม และสำนักที่สอนตามแนววิชชาธรรมกายนี้ มีหลักธรรมที่กล่าวมาทั้งหมดเหล่านี้ ครบ สมบูรณ์ ทุกประการครับ และเหมาะแก่คนทุกจริตด้วยครับ

สาธุ ไม่ต้องแสวงหาอะไรอีกแล้ว ครบแล้วครับ


อย่าอ่านผ่านๆนะครับ ที่ผมสรุปให้นี้ กว่าจะสรุปได้ต้องใช้เวลาศึกษาปฏิบัติมานานครับ
...................................

เรียนคุณ usr35467

ต้องทำความเข้าใจเรื่อง บารมี ด้วยนะครับ ที่พระพุทะองค์ตรัสสอน ถ้าบารมีไม่เต็มครบ 30 ทัศ ก็ยังบรรลุไม่ได้นะครับ

ที่ 7 วันบรรลุธรรม ต้องมีปรมัตถ์บารมีเต็มแล้วนะครับ และหลายๆท่านที่ปราถนาวิชชาและจรณะมากไปกว่านี้ก็มีอีก มิใช่ปราถนาแต่ระดับสุกกวิปัสสกะ นะครับ

และวิชชาธรรมกายก็เป็นสติปัฏฐาน 4 ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ ตั้งแต่บริกรรมนิมิตต บริกรรมภาวนา เป็นการกำหนดดวงจิต ดูจิต ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วครับ

และวิชชาธรรมกายเน้นธรรมในธรรมมากที่สุด ไปจนถึงโคตรภูญาณ ไปถึงโน้นแล้วครับ มิใช่วนๆเวียนๆอยู่แต่กิเลศพื้นฐานแล้ว แต่กระนั้นการมีสติพิจารณากิเลศหยาบๆก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆที่สุดเช่นกัน

วิชชาธรรมกายก็กลั่นออกมาจากพระไตรปิฎก สมบูรณ์พร้อมด้วย สมถะ วิปัสสนา ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ทุกประการครับ

สายธาตุธรรมของผู้ที่ปฏิบัติวิชชาธรรมกายนี้ จะเน้นการสร้างบารมี เพื่อไปสู่การเข้าถึงธรรม และที่สุดแห่งธรรมอย่างเข้มข้น รวดเร็ว ชัดเจน มีประสิทธิภาพมากกว่าอีกหลายๆสายที่ผมเคยพบเจอมาเลยนะครับ

มีหลักวิชชาเป็นขั้นตอนชัดเจน เข้าใจง่าย ปฏิบัติตามก็ง่าย เหมาะเเก่ผู้คนทุกๆจริตนะครับ สาธุครับ

..........

ซึ่งกระผมอ่านคำเสวนาของคุณแล้ว พิจารณาแล้วว่าเป็นการเจริญสติปัฎฐานแบบใช้สัญญา ความจำ นึกคิด มิใช่จากการเข้าถึง รู้เห็น ด้วยญาณทัศนะ อาจจะเรียกได้ว่า วิปัสสนึก หรือ การโยนิโสมนสิการครับ

หากคุณ usr35467 สนใจจะปรับความเข้าใจในภาคปฏิบัติวิชชาธรรมกาย โดยเสวนากันในสำนวน สมถะ วิปัสสนา ตามแนวสติปัฏฐาน 4 แบบเป็นวิชาการ อ่านแล้วมึนตรึม ได้เลยนะครับ ว่ามาเลย หรือ pm มาหลังไมค์ก็ได้ ยินดีครับ

เพราะหลายท่านมาก ยิ่งเป็นผู้ปฏิบัติสายอื่นๆ ไม่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายมาดีพอ ก็มักจะเข้าใจและคิดไปเองว่า สายวิชชาธรรมกายมีแต่การเพ่งลูกแก้วไปทำไม มีแต่สมถะ ติดนิมิตต ไม่มีวิปัสสนา ไม่รู้จักสติปัฏฐาน ไม่พิจารณารูปนาม ......... ถ้าแบบนี้เข้าใจผิดแล้วครับ


แต่อย่างไรก็ สาธุ มากๆนะครับ ที่มาร่วมเสวนากัน


ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ

ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ

เราตถาคต คือธรรมกาย

#8 usr35467

usr35467
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 July 2010 - 07:18 PM

อ๋อ ขอบคุณมากครับ