![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-1376.jpg?oh=7c5b25ccb3492e287ba66852b211cbc2&oe=5490980b&__gda__=1422188809_9d970ac596f3bd81b7c88042d6d13b41)
ถ้ามีคล้ายๆพริตตี้ชวนบวช จะเหมาะสมมั้ยครับ
#1
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 02:50 PM
เวลาไปตั้งบูทชวนบวชที่ไหนนะครับ เอาน้องๆหน้าตาดีๆแต่งกายเรียบร้อยเป็น PR หรือแจกเอกสาร ชักชวนหรือพรีเซ้นให้กับชายหนุ่มทั้งหลายที่ผ่านไปผ่านมา ผมว่าชายหนุ่มทั้งหลายคงยากจะปฏิเสธ แถมจะทำทีท่าว่าจะสนใจเอามากๆด้วย หลวงพ่อบอกว่าชวนแล้วเขาไม่บวชไม่เป็นไร แค่บอกข่าวให้เขารู้ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
เอาเทคนิคในงานมอเตอร์โชว์มาใช้เป็นกุศโลบาย ในการชวนคนทำความดีครับ .....
#2
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 03:00 PM
ความจริงวัดเราก็ทำแบบนี้มานานแล้วหนิครับ
เพียงแต่ไม่ได้เน้นว่าต้องสวยมากๆ แค่สวยแบบดูดีก็พอ แต่ไม่ต้องถึงกับต้องไปจ้างคนสวยๆมา PR หรอกครับ แค่เอาคนหน้าตาดีๆ บุคคลิกโดยรวมดูดี ทันสมัย ก็พอแล้ว
ชาวศาสนาคริตส์เขาก็ใช้วิธีนี้ครับ PR ของเขาสวยๆทั้งนั้น เป็นดาราก็มาก เขาเอาสาวสวยทันสมัยมาเป็น PR มาร่วมแสดงละคร เป็นพิธีกรจัดกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ ดูแล้วมันก็กลมกลืนดี ดูน่าสนใจมากขึ้นครับ ................รู้เขารู้เรานะครับ
อย่าว่าแต่เรื่อง PR เลยครับ ครูสอนพระพุทธศาสนาในโรงเรียน ก็มีการให้แนวคิดกันไปนานแล้วว่า ถ้าได้ครูที่เป็นวัยรุ่น ญ ช หรือถ้ามีอายุก็ให้แต่งตัวดี ดูทันสมัย เรียกได้ว่าให้ดูดีที่สุด มิใช่เอาแบบมาดดุๆ หัวฟูๆ แว่นหนา ชราภาพ มาสอนนักเรียน แบบนี้ก็ล้มเหลวไปแล้วเกินครึ่งครับ
ผู้สอนศาสนาอื่นๆเช่นชาวคริตส์ ยิ่งเป็นนิกายโปรแตสแตนนี่ ยิ่งเก่งเรื่องนี้เลยครับ เห็นได้จากปัจจุบัน เขาเอาดารา นักร้อง วัยรุ่น มาเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาแล้ว เช่นค่ายเพลงของคุณบอย โกสิยพงษ์ กลุ่มนี้เขาทำธุรกิจเพลงไป เผยแผ่ศาสนาไป และหว่านล้อมดารานักร้องนักแสดงมาเป็นศาสนิกมากขึ้นทุกวันๆ....................รู้เขารู้เรานะครับ
คนเรามีหลายจริต กิเลศบังตามากน้อย ก็ต้องใช้สติปัญญาในการดึงความสนใจบ้าง ตามความเหมาะสมครับ
![](http://www.adintrend.com/upload_img/c345828.gif)
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 05:50 PM
มากกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่เหมาะ
![smile.gif](style_emoticons/default/smile.gif)
จขกท. ไม่เจอหน้านานมากแล้วนะ ขอ วอ.6 ด้วย เสา E6 อาทิตย์นี้นะครับ
#4
*sky noi*
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 06:09 PM
#5
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 06:40 PM
อาจจะไม่ใช่พริตตี้แล้ว เป็นป้าตี้แทน
พริตติ้ก็ดูมีสีสันดีนะคับ แต่ไม่น่าแต่งตัวซะแหวกจนเกินไป เดี๋ยวจะไม่เป็นอันชวนบวชกัน
#6
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 07:49 PM
ปล.เมื่อกี้ไปบิ๊กซีฟิวเจอร์รังสิตมา เห็นมีบูธอยู่ด้วยตรงทางเข้า แต่มีเทพธิดายืนแจ้งข่าวบุญอยู่ท่านเดียวเอง ใครมีใจก็ไปช่วยเชียร์กันหน่อยนะครับ จะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน
อย่าถามกลับว่า แล้วทำไมผมไม่อยู่ช่วย งานนี้ต้องขอตัว เพราะต้องรีบกลับบ้านไปดูแลพระอรหันต์ป่วยที่บ้านครับ
#7
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 08:49 PM
#8
โพสต์เมื่อ 01 July 2010 - 08:57 PM
#9
โพสต์เมื่อ 02 July 2010 - 07:44 AM
#10
โพสต์เมื่อ 02 July 2010 - 09:15 AM
ก็พวกเราหน้าอย่างนี้แหละเหมาะนัก
ใครได้เห็นได้พบปะสบพักต์
จะได้อยากทำบุญในทันที
ยิ่งถ้าเราไปชวนให้มาบวช
จะตกใจยิ่งยวดอยากบวชหนี
![ohmy.gif](style_emoticons/default/ohmy.gif)
![ohmy.gif](style_emoticons/default/ohmy.gif)
ยิ่งถ้าเราไปชวนเขามาบวช
จะสมัครเร็วรวดเพราะหน้านี้
ใครได้เห็นอยากสร้างบุญบารมี
อยากจะบวชทันทีที่เห็นเรา
อธิษฐานไว้เถิดเกิดชาติหน้า
ให้เกิดมาไม่ต้องสวยหรือหล่อเหลา
ให้ใครเห็นแล้กอยากบวชเมื่อเห็นเรา
นึกถึงบุญในทุกคราวที่เรามา
หากว่าเอาสาวๆขาวสวยหมวย
มาชวนบวชคงไม่ช่วยเท่าใดหนา
จะเจอพวกพยายามหล่อป้อสีกา
มาขวนคุยเสียเวลาพาเสียที
จะชวนบวชต้องใครเห็นแล้วอยากบวช
อยากจะสวดท่องบ่นมนต์ไล่ผี
![tongue.gif](style_emoticons/default/tongue.gif)
![tongue.gif](style_emoticons/default/tongue.gif)
![tongue.gif](style_emoticons/default/tongue.gif)
คือกิเลสในใจในทันที
อย่างพวกเราอย่างนี้ดีแล้วนา
ต้องหน้าอย่างคุณยายที่สุพรรณ
ที่ตัดผมมือสั่นนั่นแหละหนา
ทั้งคำพูดบุคลิคอีกลีลา
เหล่านางแบบสวยหยาดฟ้าไม่สู้ยาย
#11
โพสต์เมื่อ 02 July 2010 - 09:34 AM
ให้ดูกระทู้ด้านล่างครับ สาวๆสวยๆ ทัั้งนั้น ยิ่งถ้าไปดูบนวิมานคงอลังการมากๆ ไม่เชื่อไว้งานหน้าจะซูมมาให้ดู
กลอนท่านตำรวจรักบุญสุดยอด แต่ไม่กล้าอธิฐาน๕๕๕
#12
โพสต์เมื่อ 02 July 2010 - 05:29 PM
เราก็ปนๆกันไป แต่อาจจะมีคนหน้าตาดีซักคนประจำกลุ่มประมาณนี้ล่ะครับ
คำว่าหน้าตาดี มิใช่ว่าต้องสวยหล่อระดับพระเอก นางเอก แต่หมายถึงมองดูแล้วดูดี งาม สง่า บุคคลิก การแต่งตัว การพูดจาที่ดี ครับ
ดังพุทธพจน์นี้
ประมาณ หรือ ปมาณิก ๔
(บุคคลที่ถือประมาณต่างๆ กัน, คนในโลกผู้ถือเอาคุณสมบัติต่างๆ กัน เป็นเครื่องวัดในการที่จะเกิดความเชื่อความเลื่อมใส - those who measure, judge or take standard)
๑. รูปประมาณ (ผู้ถือประมาณในรูป, บุคคลที่มองเห็นรูปร่างสวยงาม ทรวดทรงดี อวัยวะสมส่วน ท่าทางสง่า สมบูรณ์พร้อม จึงชอบใจเลื่อมใสน้อมใจที่จะเชื่อถือ - one who measures by from or outward appearance; one whose faith depends on good appearance)
๒. โฆษประมาณ (ผู้ถือประมาณในเสียง, บุคคลที่ได้ยินได้ฟังเสียงสรรเสริญ เกียรติคุณหรือเสียงพูดจาที่ไพเราะ จึงชอบใจเลื่อมใสน้อมใจที่จะเชื่อถือ - one who measures by voice or reputation; one whose faith depends on sweet voice or good reputation)
๓. ลูขประมาณ (ผู้ถือประมาณในความคร่ำหรือเศร้าหมอง, บุคคลที่มองเห็นสิ่งของเครื่องใช้ความเป็นอยู่ที่เศร้าหมองเช่น จีวรคร่ำๆ เป็นต้น หรือมองเห็นการกระทำคร่ำเครียดเป็นทุกรกิริยา ประพฤติเคร่งครัดเข้มงวดขูดเกลาตน จึงชอบใจ เลื่อมใสน้อมใจที่จะเชื่อถือ - one who measures or judges by shabbiness, mediocrity or hard life; one whose faith depends on shabbiness or ascetic or self-denying practices)
๔. ธรรมประมาณ (ผู้ถือประมาณในธรรม, บุคคลที่พิจารณาด้วยปัญญาเห็นสารธรรมหรือการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จึงชอบใจเลื่อมใส น้อมใจที่จะเชื่อถือ - one who measures or judges by the teaching or righteous behavior; one whose faith depends on right teachings and practices)
บุคคล ๓ จำพวกต้น ยังมีทางพลาดได้มาก โดยอาจเกิดความคิดใคร่ ถูกครอบงำชักพาไปด้วยความหลง ถูกพัดวนเวียนหรือติดอยู่แค่ภายนอกไม่รู้จักคนที่ตนมองได้อย่างแท้จริงและไม่เข้าถึงสาระ ส่วนผู้ถือธรรมเป็นประมาณ จึงจะรู้ชัดคนที่ตนมองอย่างแท้จริง ไม่ถูกพัดพาไป เข้าถึงธรรมที่ปราศจากสิ่งครอบคลุม
พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณสมบัติครบถ้วนทั้งสี่ข้อ (เฉพาะข้อ ๓ ทรงถือแต่พอดี) จึงทรงครองใจคนทุกจำพวกได้ทั้งหมด คนที่เห็นพระพุทธเจ้าแล้ว ที่จะไม่เลื่อมใสนั้น หาได้ยากยิ่งนัก
ในชั้นอรรถกถา นิยมเรียกบุคคล ๔ ประเภทนี้ว่า รูปัปปมาณิกา โฆสัปปมาณิกา ลูขัปปมาณิกา และ ธัมมัปปมาณิกา ตามลำดับ
A.II.71; Pug.7.,53; DhA.114; SnA.242. องฺ.จตุกฺก.๒๑/๖๕/๙๓; อภิ.ปุ.๓๖/๑๐/๑๓๕; ๑๓๓/๒๐๔; ธ.อ.๕/๑๐๐; สุตฺต.อ.๑/๓๒๙.
![](http://www.adintrend.com/upload_img/c345828.gif)
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#13
โพสต์เมื่อ 03 July 2010 - 02:55 PM
...เพียงสไบแก้ว ก็กินขาดแล้วนะ