ผลการปฏิบัติธรรมพระริเวอร์ ภัทฺทโก และคุณพ่ออลัน ทอมสัน
(จากประเทศอังกฤษ)
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
ผมชื่อ อลัน ทอมสัน อายุ 61 ปี เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทฯ ต่างๆ ด้านร้านอาหาร การโรงแรม การทำบัญชี และการแก้ไขปัญหา ผมมาจากตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ในเมืองที่ชื่อโบมาธัน-พู ซึ่งผู้คนแถบนั้นจะเป็นคนที่เกษียณหรือเกือบเกษียณแล้ว ที่นี่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะมีชายหาดยาวถึง 17 ไมล์ พร้อมโรงแรมและร้านอาหารอีกมากมาย
ในวัยเด็ก ผมเคยถูกเลี้ยงมาแบบศาสนาคริสต์อยู่ 5 ปี แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาใดๆ อีกเรื่อยมา เกือบตลอดชีวิต จนกระทั่ง ลูกชายของผมชื่อ พระริเวอร์ ภัทฺทโก ได้มาบวชธรรมทายาท นานาชาติ รุ่นที่ 4 ในปี พ.ศ.2549 ที่วัดพระธรรมกาย และบวชเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
งานบวชของลูกชายในวันนั้น ผมก็ได้เดินทางมาร่วมงานบวชด้วยตนเอง นับเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจผมมากที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมได้เห็นผู้คนมากมายใส่ชุดขาว มีรอยยิ้มบนใบหน้า ดูช่างมีความสุขและสงบมากๆ เป็นช่วงเวลาที่มีค่ากับผมจริงๆ จึงเป็นจุดหักเหที่ทำให้ ผมเริ่มหันมาสนใจพระพุทธศาสนามากขึ้น สนับสนุนให้ลูกชายได้บวชเป็นพระ และคอยสังเกตดูว่า พวกเขาทำอะไรกัน ต่อมาผมจึงได้ค้นพบว่า พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ควรศึกษา และน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว
ต่อมา ต้นปี พ.ศ.2550 ผมตั้งใจว่า จะให้เป็นปีที่ผมเข้าไปทำความรู้จักกับสมาธิให้มากขึ้น ผมเชื่อว่า มันได้ผลกับคนอื่น แต่ไม่แน่ใจว่า จะได้ผลกับตัวผมหรือไม่ ผมจึงต้องลองพิสูจน์ ด้วยการเริ่มไปเข้าร่วมฝึกสมาธิที่อังกฤษเดือนละครั้ง แต่ก็ไม่เห็นความก้าวหน้านัก เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลูกชายได้ชวนมาปฏิบัติธรรมที่เมืองไทย ผมจึงได้ตัดสินใจว่า จะต้องลองปฏิบัติอย่างจริงจัง แบบเจ็ดวันต่อเนื่องดูบ้าง เพื่อค้นหาว่า สมาธิเหมาะกับผมหรือไม่ ผมจึงได้แวะมาเที่ยวเมืองไทยในครั้งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยไปปฏิบัติธรรมที่โครงการ The Middle Way รุ่นที่ 12 จังหวัดเชียงใหม่ สวนเพชรแก้ว เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ (และหลังวันมาฆบูชาก็จะมีการจัดโครงการ The Middle Way อีก)
ผมขึ้นไปปฏิบัติธรรมด้วยใจที่เปิดกว้าง และพร้อมจะค้นหาพระพุทธศาสนา ต้องการเรียนรู้ว่า คนเรานั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตหลังความตายอย่างไร ทำให้การปฏิบัติธรรมของผม ก็ก้าวหน้ามากกว่าที่เคยปฏิบัติมาเมื่อปีที่แล้ว
ที่นี่การเรียนการสอนยอดเยี่ยมมาก (High Standard) และเทคนิคที่ผมใช้ก็คือ เริ่มต้นด้วยการผ่อนคลายร่างกาย และเดินตามฐานทั้งเจ็ด จนเข้าไปถึงศูนย์กลางกาย และภาวนา “สัมมา อะระหัง” ซึ่งผมก็ได้ลองทำตาม และได้ผลมากที่สุดตอนที่ผมภาวนา “สัมมา อะระหัง” อย่างช้าๆ และจรดใจไว้ที่กลางดวงแก้ว ผมรู้สึกว่าตัวของผมลอยๆ และใจก็รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่นและมีความสุขมาก พอใกล้จบรอบการปฏิบัติธรรม ผมก็เห็นความสว่างพลันเกิดขึ้นที่กลางตัวผม แสงสว่างสลับสีผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
พอจบรอบ คนอื่นก็ลุกกันไปหมด แต่ผมยังนั่งอยู่ และรู้สึกเหมือนว่า ผมยังนั่งต่อไปได้เรื่อยๆ หลังจากนั้นก็มีแสงสีขาวคล้ายๆวงรีปรากฏขึ้น แล้วก็หายไป แล้วก็ผุดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ผมสั่นไปทั้งตัว มีความรู้สึกซาบซ่านมากๆ (Deeply Emotional) จนน้ำตาไหลออกมา ผมต้องใช้เวลา 20นาที กว่าความรู้สึกนั้นจะหายไป ผมสดชื่น มีพลังมาก วันนั้นผมไม่ต้องรับประทานอาหารกลางวันเลย เพราะอิ่มกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ไม่น่าเชื่อเลย พอวันรุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ผมก็ไม่ได้ทานข้าวอีก ไม่รู้สึกหิว แถมยังมีพลังเหลืออยู่ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจผมมากที่สุด อีกครั้งในชีวิต
ตอนนี้ ผมได้รับคำตอบ กับคำถามที่ตั้งไว้ในใจตอนแรกแล้วว่า ผมจะสามารถทำสมาธิได้หรือไม่ ผมรู้แล้วว่าผมทำได้ แล้วจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด ผมจึงขออยู่ที่เชียงใหม่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ เพื่อนั่งสมาธิ ผมอยากบอกทุกๆคนว่า ให้ทุกคนพยายามต่อไป อย่ายอมแพ้ (Don't give up) สมาธิจะช่วยลดความเครียด ช่วยในเรื่องการตัดสินใจ ทั้งในเรื่องของตนเองและผู้อื่น ทำให้คิดรอบคอบมากขึ้นกับสิ่งที่เรากระทำ และที่สำคัญ สมาธิทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเป็นหนุ่มขึ้นทันตาด้วย แต่ก็เป็นที่สองรองจากคุณครูไม่ใหญ่ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์)
พอกลับไปที่อังกฤษ ผมก็ได้ร่วมพิธีบูชาข้าวพระ อาทิตย์ต้นเดือนที่ วัดพระธรรมกายลอนดอน เวลาประมาณตีสองครึ่งทุกเดือน และได้เห็นพระลูกชายนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ด้านหลังพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วย ผมยิ่งดีใจมากๆ และทุกวันอังคารตอนเย็น ก็ไปนั่งสมาธิกับ หลวงพี่นิโคลัส ด้วย
และผมได้ช่วยรับบุญ ขับรถพาหลวงพี่นิโคลัสไปรับกิจนิมนต์ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ผมมหัศจรรย์ใจก็คือ สีหน้าของคนไทย มีความสุข ยิ้มแย้มอย่างบอกไม่ถูก และบุคคลเหล่านี้ ได้กำลังมองดูทีวีช่องหนึ่ง (DMC) และเห็นคุณครูไม่ใหญ่กำลัง Smile ท่านยิ้มให้ลูกๆทุกคน ท่านมี...ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูอบอุ่น (Smiling and Warm Face) ทำให้ผมรู้สึกว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อช่างเป็นบุคคลที่มีความสุขตลอดเวลา และทำให้ใครๆ ที่ได้เห็นท่าน ก็ดูมีความสุขไปด้วย แม้ผมเองก็ต้องยอม Smile ไปกับท่านด้วย แม้จะไม่เข้าใจภาษาไทยก็ตาม
ผมอยากขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆ และซาบซึ้งใจกับสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสั่งสอน ช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนนี้ ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริงๆ และทำให้ลูกชายของผมได้เกิดใหม่ในเส้นทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตอนนี้ลูกชาย (พระริเวอร์ ภัทฺทโก) สามารถที่จะฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้แล้ว จึงได้เขียนผลการปฏิบัติธรรมล่าสุด มาถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วย ดังนี้...
(หมายเหตุ: ผลการปฏิบัติธรรมนี้ พระริเวอร์ ภัทฺทโก เขียนเป็นภาษาไทย ด้วยสำนวนของท่าน)
วิธีการวางใจ ผมปรับกายอย่างตรง ผ่อนคลายร่างกายโดยแผ่เมตตาให้ทุกส่วน และสมมติว่า ตัวเราเป็นองค์พระ ถึงเห็นทุกส่วนใส ปรับใจโดยใช้ดวงแก้วจากฐานที่หนึ่ง ถึงฐานที่เจ็ด ใจย้ายจากฐานที่ห้า ถึงหก อย่างตามใจ นึกถึงมหาปูชนียาจารย์ และดวงแก้ว
ประสบการณ์ภายใน ผมบริกรรมภาวนา คำว่า “ใสสว่าง” องค์พระผุดขึ้นจากดวงแก้ว ดูอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อดูผมทุกอาทิตย์ เข้ากลางและองค์พระขยายออกไป พยายามไม่ตามองค์นั้น แต่ยังอยู่เหมือนเดิมที่ศูนย์กลางองค์พระ ที่โล่งโปร่ง ทีละองค์ผุดขึ้น ผมรู้สึกว่า ถูกดูดที่กลาง และการไหลตกลงอุโมงค์อย่างเร็ว ถึงรูปภาพมัว แต่ใจนิ่งมีความสุขมากกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงสุดพระริเวอร์ ภัทฺทโก และ คุณพ่ออลัน ทอมสัน
พระพุทธศาสนากับความเลื่อมใสของชาวต่างชาติ
เริ่มโดย
*sky noi*
, Jul 12 2010 04:37 PM
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1 *sky noi*
โพสต์เมื่อ 12 July 2010 - 04:37 PM
#2
โพสต์เมื่อ 12 July 2010 - 07:38 PM
อนุโมทนาบุญกับหลวงพี่ด้วยครับ ท่านเคยเทศน์ให้ฟังที่พนาวัฒน์ ว่า คนที่บวชรุ่นเดี่ยวกัน บางส่วนที่สึกออกไปเพราะทนต่อตัณหาไม่ไหว
#3
โพสต์เมื่อ 13 July 2010 - 01:07 PM
สาธุค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 14 July 2010 - 03:52 PM
.....อนุโมทนาบุญด้วยครับ.....
.....อ่านหลายรอบแล้วครับ...แต่อ่านกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อเลย.....
.....หลวงพี่ River เป็นองค์เดียวกับที่เกิดอุบัติเหตุ...รถบัสตกข้างทาง
ตอนไปพนาวัฒน์กลางปี 52 หรือเปล่าครับ..สงสัยมานานแล้ว...ใครทราบบ้างครับ
เพราะไม่เห็นท่านมานานแล้ว...
.....อ่านหลายรอบแล้วครับ...แต่อ่านกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อเลย.....
.....หลวงพี่ River เป็นองค์เดียวกับที่เกิดอุบัติเหตุ...รถบัสตกข้างทาง
ตอนไปพนาวัฒน์กลางปี 52 หรือเปล่าครับ..สงสัยมานานแล้ว...ใครทราบบ้างครับ
เพราะไม่เห็นท่านมานานแล้ว...