เห็นแล้วนึกถึง พระพุทธรูปสลักที่อัฟกานิสถาน ซึ่งถูกทำลายไปแล้ว
ที่นี่จะมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ "ธรรมกาย" บ้างหรือเปล่าหนอ
************************************************************************
ถ้ำผาหยุนกัง (Yungang Grottoes)
อยู่ห่างจากเมืองต้าถงไปทางทิศตะวันตกประมาณ 16 กิโลเมตร เป็นสถานที่ 1 ใน 3 ของถ้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของจีน ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก (UNESCO) ปีพ.ศ. 2544 ในอดีตนับตั้งแต่ภิกษุผู้ใหญ่ ถันเยี่ยนเฟิ่ง ได้ดำริให้มีการขุดเจาะ ถ้ำผาที่เชิงเขาอู่โจวซาน ถ้ำผาหยุนถังได้เปล่งพลังศรัทธาแห่งบวรพุทธศาสนามายาวนานถึง 1,500 กว่าปีแล้ว ถ้ำผาหยุนกังใช้เวลาในการดำเนินการขุดเจาะถ้ำ และช่องเขาทั้งที่ปรากฏเป็นคูหาใหญ่และเล็กรวมทั้งสิ้นเกือบ 50 ปี ใช้แรงงาน 40,000 กว่าคน ในจำนวนนี้ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศศรีลังกาเดินทางมาร่วมในการรังสรรค์ผลงานครั้งประวัติศาสตร์ เป็นสุดยอดของงานศิลปะรูปสลักหินของจีนแห่งยุคศตวรรษที่ 5
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/001.jpg)
ประติมากรรมรูปสลักนูนที่ถ้ำผาหยุนกังเกิดขึ้นจากการเจาะสกัดหินบนผนังเขา มีความยาวจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกราว 1 กิโลเมตร ประกอบด้วยถ้ำผาใหญ่ 53 คูหา และช่องเขาใหญ่น้อยซึ่งเป็นแท่นบูชาพระพุทธรูปที่สำคัญ 254 แท่น รูปสลักนูนที่ปรากฏอยู่ทั้งภายในและภายนอกมากกว่า 51,000 ชิ้น รูปสลักขนาดใหญ่สุดสูงถึง 17 เมตร เล็กสุดสูง 2 เซนติเมตรเท่านั้น รูปสลักพระโพธิสัตว์ ยักษ์ และนางฟ้าอ่อนช้อยมีชีวิตชีวา
ถ้ำส่วนกลาง (ถ้ำที่ 5-20) เป็นส่วนที่เราเดินชม ถ้ำส่วนนี้เรียกได้ว่าเป็น 'หัวใจ' ของถ้ำหินสลักหยุนกัง เนื่องจากงานแกะสลักยังคงมีความสมบูรณ์มากที่สุด และผสมผสานงานศิลปะจากหลายแหล่งอารยธรรมของโลก เข้าไว้ด้วยกัน มีร่องรอยของการการแกะสลักหินเป็นรูปอาวุธของชาวเปอร์เซียน ไบเซนไทน์ สามง่ามของชาวกรีก รวมถึง พระศิวะ พระวิษณุ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดูของอินเดีย
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/002.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page3.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page4.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page1.jpg)
ถ้ำที่ 6 นับเป็นคูหาเชิงตัวแทนของถ้ำผาหยุนกัง (ถ้ำนี้ห้ามถ่ายรูป) ภาพประกอบภายในคูหานี้งามวิจิตรประณีต เช่น ตรงกลางคูหาประกอบด้วยเสาเจดีย์ 2 ชั้นสูง 15 เมตร ยอดเสาเชื่อมต่อกับเพดานถ้ำ แต่ละชั้นมีรูปสลักทั้งสี่ด้าน เป็นรูปพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ และนางฟ้า เพดานถ้ำแกะสลักรูปเทวดาทรงพาหนะต่างๆ 33 องค์ ที่ผนังถ้ำแกะสลักเป็นเรื่องราวของการแสดงธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถ้ำที่ 13 เป็นถ้ำที่บรรจุไว้ด้วยองค์พระเมตตรัยยะนั่งขัดสมาธิองค์ใหญ่ขนาดความสูงถึง 13 เมตร ใส่มงกุฎอัญมณี ประดับด้วย สร้อยข้อมือ และสร้อยคอ ส่วนพระหัตถ์ด้านขวาก็ถูกหนุนไว้ด้วยพระพุทธรูปยืนองค์เล็ก
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page5.jpg)
ถ้ำที่ 18 พระพุทธรูปยืน สูงราว 15 เมตร ห่มจีวรที่แกะสลักเป็นพระพุทธรูปพันองค์งดงามพลิ้วไหว
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page2.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page6.jpg)
ถ้ำที่ 20 อันเป็นถ้ำสุดท้ายของกลุ่มถ้ำส่วนกลาง ปัจจุบันองค์พระพุทธรูปที่สูง 13.7 เมตรนั้นประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เพราะกำแพงถ้ำพังไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์เหลียว (ค.ศ.907-1125) นอกจากนี้พระยืนที่อยู่ด้านขวาขององค์พระก็พังไปด้วย เหลือแต่เพียงองค์ด้านซ้าย
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page7.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page8.jpg)
ด้วยความที่ออกมาตั้งอยู่กลางแจ้งนี้เองทำให้ องค์พระพุทธรูปของถ้ำที่ 20 จึงคล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ของ ถ้ำหินสลักหยุนกังไปโดยปริยาย
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page14.jpg)
![](http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/636/24636/images/Beijing3/page9.jpg)