ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ไปเจอบทความนี้มา เพื่อนๆเห็นด้วยไหม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ดุสิตาเทวบุตร

ดุสิตาเทวบุตร
  • Members
  • 213 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 01:04 PM

ไปเจอบทความนี้มา เพื่อนๆเห็นด้วยมั้ยครับ

บุญนั้นไม่ได้เป็นตัวตนส่งไปให้กันและกันได้อย่างที่เขียนมานั้นหรอกค่ะ
แต่ว่า มีผลถึงกัน..

เช่น เวลาลูกบวช แล้วพ่อกับแม่ก็ดีใจ..
คนทำนั้น คือ ลูก .. อานิสงส์ แห่งการบวชนั้น อยู่ที่ลูก
แต่พ่อกันแม่ที่ดีใจนั้น .. ได้อานิสงส์ แห่งการอนุโมทนาในบุญของผู้อื่น..
ซึ่งก็ได้บุญ อิ่มอกอิ่มใจ เหมือนกัน

คนกับเทวดา .. ก็เป็นอย่างนั้น

ไม่มีใครมาจองจำเทวดาให้มาตามช่วยคนหรอกค่ะ
..เหมือนกันยังไง..

จะอธิบายดังนี้

เวลามีคนที่นิยมทำบุญ ตักบาตร เข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล บ่อยๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ
เทวดาผ่านมาเห็นมนุษย์คนนี้ ทำดี .. ก็อนุโมทนาได้บุญไปด้วย
แล้วก็เห็นคนเดิม มาทำบุญอีก.. ก็อนุโมทนาอีก
เห็นบ่อยๆเข้า.. ก็ตามไปดูว่า เขาทำบุญอะไรอีกบ้างไหมนะ?
เห็นเขาถือศีล แล้วแผ่เมตตาให้อีก ... เทวดาก็อนุโมทนาอีกด้วยความอยากรู้
(เทวดาก็ยังมีกิเลสนะ) ก็ตามคนนี้ไปอีก .. เขาไปฟังธรรม .. เทวดาก็อนุโมทนาอีก
ด้วยความชอบใจ เทวดาก็ตามคนนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเขาทำบุญบ่อย
(แค่ตามอนุโมทนาก็ได้บุญเยอะแล้ว.. เทวดาที่ชอบบุญเกลียดบาปมีมาก)

พอวันไม่ค่อยดีคืนร้าย.. คนนี้ขึ้นรถทัวร์ ปรากฏว่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ..
เทวดาจะทนดูเขาตายง่ายๆไหม?..แน่นอน เทวดาเข้าไปช่วย ..
กลายเป็นผู้รอดชีวิตโดยปลอดภัย
..ถ้าคนนี้เป็นคนดีมากๆ .. รอดมาได้แล้ว ก็ไปไหว้พระทำบุญ มากขึ้นอีก
.. เทวดารักปานดวงใจ ไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆหรอกค่ะ ..ถ้ากรรมเก่าไม่แรงจริง

เทวดาทำบุญทำกุศลเองก็ได้ ไม่ต้องอาศัยมนุษย์ .. แต่เทวดามีขันธ์สี่
บุญและทานบางส่วนที่ทำได้เฉพาะผู้มีขันธ์ห้านั้น เทวดาทำไม่ได้
.. ก็มาอาศัยอนุโมทนาด้วยแทน เช่น การบวช การปฏิบัติธรรมจนถึงมรรคผล
พระอริยะฝ่ายมนุษย์มีมาก , วัตถุทาน เช่น วัด โบสถ์ จีวร เสนาสนะ อาหาร ฯลฯ
เหล่านี้ เทวดาถวายเองไม่ได้.. แต่อำนวยความสะดวกให้คนที่มาถวายได้

เทวดา ก็มีความสามารถต่างๆกันไป คล้ายๆคนเรา ..บางคนมีฤทธิ์ บางคนก็ไม่มี
เทวดาบางพวกก็มีฤทธิ์มาก ถึงขนาดทำแผ่นดินไหวได้ ..
บางพวกก็มีฤทธิ์พอประมาณ พอให้แสดงตนแก่ชาวโลกได้บ้างว่า เทวดามีจริง
บางพวกก็ไม่มีฤทธิ์เลย.. ขอร้องเท่าไหร่ ก็ปรากฏตัวให้คนเห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้
(ส่วนคนผู้มีฤทธิ์ จะเห็นได้ด้วยทิพย์จักษุอยู่แล้ว)

..ฤทธิ์ของเทวดาก็ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากวาสนาบารมีที่ท่านได้สะสมมา
อาจจะตั้งแต่ครั้งเป็นมนุษย์สมัยหนึ่งๆ
..แต่ จะว่าเทวดาบางพวกมีฤทธิ์ เพราะมนุษย์ ก็ว่าได้..
เพราะมนุษย์บางคนมีอธิษฐานบารมีมาก ..รู้ว่าเทวดามาคอยช่วยเหลือตน
ก็อธิษฐานให้เทวดาตนนั้นๆ มีฤทธิ์มีเดช เทวดานั้นก็เกิดมีฤทธิ์ขึ้นมาได้
(คนประเภทนี้ เทวดายิ่งรักมาก ยิ่งมาคอยเฝ้า จะเอาอะไรก็ตามใจให้..
คนจำพวกนี้มีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ..happy.gif)

เทวดาเสวยสุขอันประกอบด้วยกามคุณ5อยู่เนืองๆ
ไม่ต้องทำอาชีพใดๆมีอยู่มีกิน เป็นสมบัติทิพย์
..แต่จะว่า เทวดานั่งกินนอนกินอย่างเดียวก็ไม่ถูก

เทวดาก็มีหมู่มีคณะ มีความเห็นที่ขัดกัน
เทวดาที่นับถือพระพุทธเจ้าก็มีมาก .. เทวดาที่ไม่เชื่อก็มีบ้าง

เทวดาบางหมู่บอกว่าเทวดาเกิดขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับทำดีหรือไม่(ซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ)
เทวดาบางพวกบอกว่า คนทำบุญ มีศีล มีหิริโอตัปปะ จึงได้เกิดเป็นเทวดา
..ก็คล้ายๆมนุษย์น่ะ บางคนบอกว่า เด็กถึงเวลามันก็เกิดเอง (มิจฉาทิฏฐิ)
บางคนก็บอกว่า ต้องมีศีล5 ถึงจะได้เกิดเป็นคน.. อะไรทำนองนี้

ก็เพราะความเห็นที่ขัดกันเหล่านี้ ก็ทำให้ขัดแย้งกัน ทำให้เทวดาต้องมีหัวหน้าไว้คอยไกล่เกลี่ยปัญหา .. เพื่อให้เกิดความผาสุกในหมู่เทวดา
.. ก็เหมือนในเวปลานธรรมนี้ ที่ต้องมีเวปมาสเตอร์คอยดูแล ไม่ให้ขัดแย้งกันเกินไป

เหล่าเทวดาที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ขัดขวางผู้ปฏิบัติธรรม .. ส่งเสริมคนที่ทำเรื่องไม่ดี ไม่อนุโมทนากับคนที่ทำดี ..พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า "มาร"

ในพระไตรปิฏก มีบางตอนกล่าวถึงพญามาร ไว้ว่า .. ได้เข้ามาในที่ประชุมสงฆ์
และกระทำฟ้าผ่าดังกึกก้องทั่วบริเวณ .. หวังให้สงฆ์ตกใจแตกตื่นกลัว
..แต่สงฆ์ที่มาประชุมพร้อมกันในที่นั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ ไม่มีผู้ใดสะดุ้งกลัวเลย
พญามารเห็นดังนั้น จึงหลีกหนีไปเสีย..
..อันนี้คงไม่ต้องเปรียบเทียบ .. เพราะมนุษย์ ที่เวลาเขาประชุมทำงานกันมากวนให้วงแตกก็มีอยู่เยอะแยะไป

..แม้เทวดาจะเป็นอย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่สรรเสริญ ผู้กราบไหว้บูชาเทวดา
ยึดถือเทวดาเป็นที่พึ่ง เพราะ การที่นับถือเทวดานั้น ก็ยังไม่สามารถทำให้คนพ้นทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสารนี้ไปได้..

..ที่พึ่งอันประเสริฐ อันควรเคารพ .. ซึ่งสามารถทำทุกข์ให้หมดสิ้นไปได้จริงนั้น
คือ พระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เท่านั้น (ไตรสรณคม)
..แม้ท้าวสักกะเทวราช ยังนับถือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
เป็นที่พึ่งที่ระลึกตราบจนทุกวันนี้


#2 หนานตู่

หนานตู่
  • Members
  • 36 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 02:06 PM

ขอบคุณครับ...

#3 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 02:49 PM

...เทวดาก็คืออดีตมนุษย์ แน่นอน เทวดามีจริง และย่อมรู้ว่า เมื่ออดีตตอนเป็นมนุษย์ตนทำอะไรผิดพลาดมาบ้าง เมื่อตายแล้วเกิดใหม่ในสุคติแล้ว ย่อมเข้าใจแล้วว่า ผลบุญ ผลบาป มีจริง ไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก และเทวดาทั้งหลายก็ต่างเสียดายเพราะไม่มีโอกาสได้มาสร้างบุญด้วยกายมนุษย์อีกแล้ว

...ตายแล้วไปไหน คนตายก็รู้เองดี หุหุ หากเราประมาทเมื่อระเบิดเวลามาถึง กายมนุษย์นี้ก็ไม่สามารถใช้งานต่อ หรือครอบครองกายนี้ได้อีกต่อไป ดังนั้น ในทุกวินาทีให้ระลึกนึกถึงบุญอันเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดและติดตัวเราไปได้ นอกนั้นจะเอาไปด้วยนั้น ไม่มี เมื่อคราวระเบิดเวลามาถึง เราจะได้ไม่เสียดาย ว่าเราทำบุญ หรือรู้จักบุญ "ช้าเกินไป"...
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 05:31 PM

หลายๆ ส่วนก็เป็นความรู้ความเข้าใจที่ตรงกับพระไตรปิฎกครับ แต่ก็มีบางส่วนที่ผู้เขียนข้อมูลนี้นำความรู้อื่นมาผสมปนเปเข้าไปด้วยน่ะครับ เช่น

QUOTE
บุญนั้นไม่ได้เป็นตัวตนส่งไปให้กันและกันได้อย่างที่เขียนมานั้นหรอกค่ะ
แต่ว่า มีผลถึงกัน..

ความจริงแล้ว ในพระไตรปิฎก มีคำว่า บุญญาภิสันธาร แปลว่า ท่อธารแห่งบุญน่ะครับ ทำนองเหมือนกับกระแสไฟฟ้า
แม้มองไม่เห็นแต่ก็มีอยู่ คือ เสียบปลั๊กแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้เป็นต้น แต่ข้อนี้ผมว่า ไม่ซีเรียสครับ ขึ้นกับขอบเขตของการ
มอง และความลึกของการอธิบาย เพื่อให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละคน
เช่น สมัยตอนผมเรียนประถม 5 ครูก็จะสอนว่า ต้นไม้สังเคราะห์แสงในเวลากลางวัน แต่หายใจเวลากลางคืน
ครั้นพอขึ้นมัธยมปลาย จึงได้รู้ว่า ความจริงแล้ว ต้นไม้หายใจตลอดเวลา แต่ตอนกลางวันปริมาณออกซิเจนที่ได้จากการสังเคราะห์แสง
จะมีมากกว่า ที่ต้นไม้หายใจ จึงดูเหมือนว่า ต้นไม้ไม่ได้หายใจในตอนกลางวัน เป็นต้น

QUOTE
..แต่ จะว่าเทวดาบางพวกมีฤทธิ์ เพราะมนุษย์ ก็ว่าได้..
เพราะมนุษย์บางคนมีอธิษฐานบารมีมาก ..รู้ว่าเทวดามาคอยช่วยเหลือตน
ก็อธิษฐานให้เทวดาตนนั้นๆ มีฤทธิ์มีเดช เทวดานั้นก็เกิดมีฤทธิ์ขึ้นมาได้
เพราะความจริง พระไตรปิฎก ได้กล่าวไว้ว่า เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ ก็จะดูแลมนุษย์ผู้มีบุญมาก
เทวดาผู้มีศักดิ์น้อย จะดูแลมนุษย์ผู้มีศักดิ์น้อย ดังนั้น เทวดาที่รายล้อมผู้มีบุญมากๆ ย่อมเป็นเทวดาศักดิ์ใหญ่ย่อมมีฤทธิ์เป็นธรรมดา

บางท่อนก็อธิบายสับสนนิดหน่อยครับ เช่น
QUOTE
เทวดาทำบุญทำกุศลเองก็ได้ ไม่ต้องอาศัยมนุษย์ .. แต่เทวดามีขันธ์สี่
บุญและทานบางส่วนที่ทำได้เฉพาะผู้มีขันธ์ห้านั้น เทวดาทำไม่ได้
.. ก็มาอาศัยอนุโมทนาด้วยแทน เช่น การบวช การปฏิบัติธรรมจนถึงมรรคผล
พระอริยะฝ่ายมนุษย์มีมาก , วัตถุทาน เช่น วัด โบสถ์ จีวร เสนาสนะ อาหาร ฯลฯ
เหล่านี้ เทวดาถวายเองไม่ได้.. แต่อำนวยความสะดวกให้คนที่มาถวายได้

อ่านแล้วเข้าใจไปในทำนองว่า เทวดาปฏิบัติธรรมจนถึงมรรคผลไม่ได้ แต่ความเป็นจริง
เทวดาสามารถปฏิบัติธรรมจนถึงมรรคผลได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 06:34 PM

ก็...เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ เป็นคำพูดที่อ้อมๆ ยกแม้น้ำทั้งห้ามาอธิบาย แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสรุปสุดท้ายที่บทความนี้อยากจะสื่อให้ทราบคือ ให้หมั่นทำบุญ และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด และไม่นับถืออย่างอื่นนอกจากนี้เช่น นับถือเทวดาเป็นต้น

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#6 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 August 2010 - 07:05 PM

เทวดามีขันธ์5แต่ละเอียดกว่ามิใช่หรือ

#7 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 01:12 AM

ถูกแล้วค่ะ คุณ นรอ.ตำรวจรักบุญ " เทวดาก็มีขันธ์ 5"

ไม่ใช่มีแค่ 4ขันธ์ตามบทความข้างบนนี้ ..(โปรดอย่าคิดว่าอวดรู้ เพียงแต่ ท้วงติงกันฉันมิตรเท่านั้นนะคะ)

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>อันที่จริงตั้งแต่กายมนุษย์หยาบไปจนถึงกายอรูปพรหมละเอียด(กายที่1-8)

คือมีทั้ง 8 กาย ต่างกันที่ กายมีธาตุและธรรมหยาบละเอียดมีความบริสุทธิ์มากน้อยไม่เท่ากัน การแบ่งเรียกกันมีดังนี้

ในภพสาม(กายที่ 1-8) เป็นโลกียภูมิ เรียกว่าขันธ์ห้า

เหนือภพสามขึ้นไปเป็น โลกุตตรภูมิ (กายที่ 9-16) เรียกว่า ธรรมขันธ์ -กายธรรม (ยังไม่สามารถไปอายตนนิพพาน)

และเมื่อถึงกายที่17-18 คือกายพระอรหัตต์ และกายพระอรหัตต์ละเอียด ก็เป็นธรรมขันธ์เช่นกันแต่ไม่เหมือนกันตรงที่ในระดับนี้

ทั้งธาตุ และธรรม มีควาบริสุทธ์ล้วน ๆ เรียกว่าเป็นวิราคธาตุวิราคธรรมเป็นอยู่ได้ในอายตนนิพานถ้าต้องการเมื่อแตกกายทำลายขันธ์

หยาบ(กายมนุษย์)

...............การกลั่นธาตุและธรรมให้บริสุทธิ์ถือว่าเป็นหน้าที่ที่แท้จริงของมนุษย์

ควรทำทุก ๆ วันโดยการทำสมาธิ หยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย smile.gif smile.gif

วันนี้ทำแล้วยัง ?



#8 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 02:18 AM

เนื้อความส่วนใหญ่หมายถึงภูมเทวา
เทวดาคอยตามดูคนทำบุญด้วยตาทิพย์
ไม่ใช่คอยติดตามตัวไป
เว้นแต่เทพชั้นสูงมอบหมาย
ส่วนใหญ่จะเป็นพระโพธิสัตว์ จึงจะมีเทวดาคอยตามรักษา
ตามบัญชาของพระอินทร์
และถ้าบุญไม่ถึงเทพชั้นไหนก็ช่วยไม่ได้
ถ้ามีบุญพอถึงไม่มีใครช่วยก็สมปรารถนาได้



#9 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 02:30 AM

รถคว่ำรอดตาย เพราะ
1.บุญคุ้มตัว
2.ยังไม่หมดอายุขัย
3.ไม่มีวิบากกรรมร่วมกับคนอื่นในรถ
4.สังขารยังไม่แตกทำลาย

หากมีบุญมากพอกำลังบุญอาจคุ้มครอง
คนทั้งหมดในรถได้ด้วย

ดังนั้นเวลาเดินทางให้หาผู้มีบุญมากๆ
ร่วมเดินทางไปด้วย จะได้ปลอดภัย

ผมพาหลวงปู่กับคุณยายไปด้วยตลอด
ปลอดภัยชัวร์

#10 ดุสิตาเทวบุตร

ดุสิตาเทวบุตร
  • Members
  • 213 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 08:22 PM

ขอบคุณครับ สำหรับทุกๆความคิดเห็น

#11 usr21238

usr21238
  • Members
  • 233 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2010 - 11:28 PM

อนุโมทนาบุญทุกๆท่านในธรรมทานครั้งนี้ สาธุ

#12 Poti

Poti
  • Members
  • 254 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 August 2010 - 11:22 PM

อนุโมทนาบุญกับท่าน ดุสิตาเทวบุตร nerd_smile.gif

#13 รักธรรมะ มากมาย

รักธรรมะ มากมาย
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 August 2010 - 06:16 PM

ได้ความรู้ เยอะ นะ ขอบคุณ และอนุโมธนาบุญกับผู้ที่มาให้ความรู้ค่ะ

สิ่งที่ต้องสั่งสม คือ บุญกุศล
สิ่งที่ต้องแสวงหา คือ พระรัตนตรัยภายใน
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม