![รูปภาพ](/forum/uploads/profile/photo-thumb-1323.jpg?_r=1373459465)
ถ้าเราต้องเจอบ้าง จะทำอย่างไรดี
#1
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 12:50 PM
เห็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในจีน และปากีสถาน คนตายเป็นพัน บางราย เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ภาพข่าวถ่ายคนติดอยู่ในรถเก๋ง ที่น้ำกำลังจะหอบเอาไปทั้งรถอยู่ ต่อมาก็มีผู้มีน้ำใจกลุ่มใหญ่ตรงเข้าไปช่วย ระหว่างที่กำลังช่วยนั้นเอง ฉับพลันน้ำก็พัดรถเก๋งเคลื่อนตัวออกไป จนลอยไปทั้งคนทั้งรถ เลยกลายเป็นว่า เสียชีวิตทั้งคนในรถและกลุ่มคนที่เข้าไปช่วย
นอกจากนี้ ความช่วยเหลือที่มาจากนานาประเทศ บางทีไปไม่ถึง เพราะเหตุหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ เจ้าหน้าที่ยึดเอาไว้เสียเอง โธ่ในขณะที่พรรคพวกประเทศตัวเดือดร้อนแท้ๆ ยังทำกันได้ถึงขนาดนี้เลย
ดูข่าวไปก็สะเทือนใจไป เพราะลองคิดกลับกันดูว่า ถ้าเหตุการณ์ที่ว่านี้ มาเกิดขึ้นกับบ้านเราเมืองเราบ้าง เราจะทำอย่างไร
1. เราจะมีใจประเสริฐ โดดเข้าไปช่วยคนที่น้ำท่วมรถหรือเปล่า ซึ่งอาจจะถูกน้ำพัดไปด้วยกันทั้งคนช่วย และคนที่ติดในรถก็ได้ คิดถึงตอนนี้ ผมยอมรับอย่างไม่อายใครว่า แม้ผมจะตั้งเป้าหมายไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษร่วมกับหมู่คณะ แต่หากผมได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ผมยังไม่มีความกล้า และความเสียสละเพียงพอ ที่จะโดดไปช่วยคนอื่นโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง
2. หากเราต้องติดอยู่ในรถบ้าง เราจะทำอย่างไร หากเราอยู่บนบ้าน ที่ถูกน้ำท่วมนานๆ ล่ะเราจะทำอย่างไร
ยิ่งคิด ยิ่งอบอุ่นใจ เมื่อนึกถึงว่า นี่แหละบุญช่วยเราแล้ว ครูบาอาจารย์ช่วยเราแล้ว หากมันมาเกิดที่เมืองเรา เราจะเป็นอย่างไร แม้เราจะยังมีหนี้สิน ยังมีสิ่งที่ไม่สมหวังอยู่อีกหลายอย่างก็ตาม และแล้ว บทเพลงในอดีตที่สรพงษ์ ชาตรี เคยร้อง ก็แว่วดังมาในใจว่า
"ดีใจได้เกิดมาชาตหนึ่ง ถึงเรายังไม่(ได้)ดีเท่าไหร่ รอดตัวไม่เคยอดตาย ขอบใจข้าวแดงแกงร้อน เงินทองก็ยังพอหาได้ น้อยไปก็ยังพอมีอยู่ ไม่มีสเต็กสตู ปลาทูน้ำพริกยังมี..."
#2
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 01:27 PM
ผมว่าคุณหัดฝัน และคนในหมู่คณะเราโดยมาก มิใช่ว่าไม่กล้าเสียสละชีวิตไปช่วยผู้อื่นหรอกครับ หากแต่อาจจะยังไม่ถึงเวลา เราควรรักษาเนื้อรักษาตัวเพื่อสร้างบารมีในส่วนอื่นๆก่อนครับ
หากถึงเวลา ถึงพร้อมเมื่อไหร่ ก็คงจะสามารถสร้างทานปรมัตถบารมี บริจาคชีวิตเป็นทานได้โดยไม่หวั่นเกรงและใจมัวหมองอันใดเลยครับ
อย่างพระโพธิสัตว์สมัยหนึ่งเป็นพระราชาออกบวชเป็นฤาษี สุดท้ายจบชีวิตด้วยการสละชีวิตตนเองเข้าปากเสือ ให้แม่เสือที่หิวกินตนเองแทนที่จะกินลูก โห จากพระราชา ออกบวชเป็นฤาษี แล้วกระโดดเข้าปากเสือ ช่างเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แต่ก็ถึงเวลาของท่านแล้ว เพราะท่านสร้างบารมีมาถึงจุดนั้นแล้ว จึงอยากจะสร้างทานปรมัตถบารมีบ้าง
หวังว่าบุญ จะช่วยให้ประเทศเราไม่เจอภัยพิบัติแบบนั้น
สาธุกับคุณหัดฝันครับ
![](http://www.adintrend.com/upload_img/c345828.gif)
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 04:41 PM
#4
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 05:48 PM
1. ภูมิอากาศ เราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ปกติน่าจะร้อนกว่าภูมิภาคอื่นๆ แต่ประเทศเราตอนล่างติดทะเล เมื่อช่วงหน้าฝนพระอาทิตย์จะตั้งฉากกับประเทศไทยก่อนจะขึ้นไปทางทิศเหนือ หน้าร้อนของทางยุโรป ประเทศเรากลับเย็นสบายเพราะมีฝนและต้นไม้ ในขณะที่บางปีทางยุโรปร้อยถึง 45 องศาและเคยมีคนตายเพราะอากาศร้อน (ยุโรปปกติหนาวติดลบ มีหิมะ)
2. ด้านภูมิประเทศ ไทย-ลาว ทำบุญมาดี เวลาหน้ามรสุมเข้า เวียดนาม อินโด ฟิลิปปินส์ พม่า ประเทศไทยจะมีก็ตอนใต้ที่เจอพายุหนักๆ บ้าง
3. อาหารการกิน - ประเทศไทย ในน้้ำมีปลา ในนามีข้าว ถ้าเดินทางไปประเทศไหนบ่อยๆ ก็จะรู้ว่ากินอะไรก็ไม่อร่อยเท่าประเทศไทย มีอาหารให้กินหลากหลายในราคาย่อมเยาว์
4. เศรษฐกิจ - ทำไมไม่รวยเหมือนทางตะวันออกกลาง เขามีน้ำมันดิบ แต่ไม่มีอาหารการกิน ถ้าเรารวมภูมิภาคนี้เหมือนรวมกลุ่มโอเปค กำลังการต่อรองมหาศาล
เคยฟังธรรมะที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ เห็นว่าบรรพบุรุษทำมาดี ทำบุญกันมากมาย ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ... ยิ่งมายุคเรานี้ ทำบุญประเทศกันอย่างเอิกเริก อีกหน่อยจะเห็นไทยมหารัฐเร็วๆ นี้แน่ๆ
เร่งทำบุญทุกบุญแล้วแผ่บุญกุศล ให้ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่ดีที่สุดก็นำธรรมะไปสู่สากลโลก ให้ทุกคนได้รู้ถึงแก่นแท้ของชีวิต จะได้รอดจากวัฏฏะไปด้วยกัน ผู้เขียนเชื่อว่าถึงจุดนั้นเมื่อคนมานั่งสมาธิกันเยอะภัยพิบัติย่อมห่างไกล... สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 06:01 PM
#6
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 06:32 PM
ที่มีสาเหตุหลักมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเกินสมดุล
เป็นเรื่องที่มนุษย์ ยังป้องกันได้เพียงส่วนน้อย และทำได้แค่บรรเทาความทุกข์ยากลำบากกาย ใจที่ตามมาหลังเกิดภัยพิบัติ เท่านั้น
ส่วนภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ที่มีสาเหตุหลักมาจากอกุศลมูล(โลภะ โทสะ โมหะ)วิบากอกุศลกรรมบทของมนุษย์มารวมกัน
ก็เป็นเรื่องที่สะท้อนวิบากกรรมหมู่ ที่ต้องเป็นไป แม้ไม่มีใครอยากให้เป็น
เป็นเรื่องที่มนุษย์ทั่วไป ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เหตุ(การรวมกันก่ออกุศลกรรมบท)ในอดีต เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขยังไม่ได้
ก็อยู่ที่พฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ในปัจจุบัน ของมวลมนุษย์เอง
ที่จะป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ สร้างภัยพิบัติ ซะเอง
อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่เทวดา ที่มีกายทิพย์ และพรหมชั้นล่าง ๆ ก็ยังต้องเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ที่มีสาเหตุมาจาก กิเลสโลภะ โทสะ โมหะและอกุศลกรรมบทของมนุษย์
ดังมีพระสูตรเกี่ยวกับการทำลายของโลกและจักรวาล เมื่อคราวสิ้นกัปป์ ที่ระบุไว้เกี่ยวกับ
ไฟบรรลัยกัลป์
น้ำบรรลัยกัลป์
ลมบรรลัยกัลป์
ถ้ายังไม่มีใคร ไปถึงที่สุดแห่งวิราคะธาตุ วิราคะธรรม ถึงที่สุดแห่งธรรม
ไม่ว่ายุคนี้ หรือยุคไหน ๆ มนุษย์และอดีตมนุษย์(เทดา พรหม ) ก็ยังต้องเจอภัยพิบัติธรรมชาติล้างทำลายโลก กันต่อไป
สรุป
อุธาหรณ์ของข่าวภัยพิบัติที่พี่ หัดฝัน นำมาเล่านี้
ผมนึกถึงเรื่อง
กรรมมุนา วัตตตี โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และ
วิบากของอกุศลกรรมบทและ ฯล ครับ
DOU : บทที่ 6 การแตกทำลายของจักรวาล
http://main.dou.us/v...?s_id=73&page=4
http://main.dou.us/v...?s_id=73&page=5
http://main.dou.us/v...?s_id=73&page=6
ป.ล. เพิ่งดูภาพข่าวย้อนหลัง ภัยพิบัติที่ป่ากีสถาน น่าสลดใจที่มีเรื่องร้าย ๆ นำทุกข์ภัยมาสู่มวลมนุษย์
(23.37 น.)
#7
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 07:46 PM
ขออนุญาตเสริมข้อสรุปของข้อนี้นิดนึงนะคะว่า..ประเทศทางแถบยุโรปได้แบ่งเป็นเขตไว้เช่นกัน เช่น ยุโรปตะวันตก ก็จะมีประเทศที่เราคุ้นๆ กันเช่น เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, ฯลฯ และทางด้านตะวันออกก็พวกฮังการี เชค หรืออะไรอีกหลายประเทศ ทีนี้ ความเย็นก็จะมีความแตกต่างกันไป ไม่มากก็น้อยค่ะ ในส่วนของอากาศนั้น โดยส่วนใหญ่หน้าร้อนก็จะร้อนมากเหมือนบ้านเรานั่นแหละคะ เพียงแต่ว่าเขาไม่ร้อนชื้น แต่ร้อนมากพอสมควร ยิ่งมาในช่วงปีหลังๆ ที่มีผลกระทบของโลกร้อนเข้ามาด้วย ยิ่งร้อนกันเข้าไปใหญ่ แต่ที่เขาไม่ร้อนยาวนานเหมือนบ้านเราก็เพราะด้วยสภาพภูมิอากาศ และเขาเป็นประเทศเมืองหนาว หน้าร้อนก็เลยสั้นกว่าบ้านเราที่ร้อนตลอดปี คนฝรั่งถึงคลั่งแดดกันมากๆ จะเห็นได้ว่า จากการที่มีนักท่องเที่ยวนอนอาบแดดเพื่อให้ผิวตัวเองดำ
จริงๆ ถ้าบ้านเราเกิดมีอากาศหนาวถึงขั้นติดลบ รับรองว่า ตายกันค่อนประเทศแน่นอน อาหารการกินก็ต้องลำบาก บ้านเรือนจะเสียหายกันเป็นอย่างมาก รถราวิ่งไม่ได้แน่นอน เพราะว่า บ้านเรา เมืองเรา และสภาพสังคมของเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ จึงคิดว่า เกิดเป็นคนไทยนั้น ดีที่สุด ภาษาไทยก็เพราะที่สุด อาหารไทยอร่อยที่สุด เมืองไทย ไม่ว่ามุมไหนก็อบอุ่นที่สุด บุญของพวกเราแท้ๆ นะคะ ว่ามะ
#8
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 07:56 PM
และก็ไม่ผิดหวัง ทุกครั้งที่กัลฯ หัดฝันโพสต์อะไรก็ตาม มักจะได้เป็นประโยชน์ และเป็นสิ่งที่น่าสนใจมิใช่น้อย ยอมรับว่าเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของกัลฯ หัดฝันเลยทีเดียว ชอบลีลาการเล่าเรื่องและเหตุผลที่กัลฯ หัดฝันได้นำมาแบ่งปันให้พวกเราได้อ่านกันอยู่เสมอ มีหลายมุมมองที่ใครหลายๆ คนอาจจะไม่เคยมองว่ายังมีมุมบางมุมที่เราลืมไปว่า มันมีอยู่จริงในโลกใบนี้ โลกที่ห่อหุ้มด้วยกิเลสของมนุษย์ คุณหัดฝันหยิบยกประเด็นบางอย่างที่เราๆ หลายคนไม่คิดที่จะนำเอามาอภิปรายกัน และมุมมองบางอย่างก็ตรงกับใจของเปรมเสียด้วยค่ะ
ทุกครั้งที่โลกใบนี้ มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนของโลกก็ตาม ลึกๆ เปรมก็แอบนึกขอบคุณบุญกุศลอยู่ในใจที่ว่าเราไม่ได้เป็นผู้ประสบเคราะห์กรรมอันนั้น และก็สะท้อนใจและสงสารคนเหล่านั้นที่เขาได้รับเคราะห์กรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...เคยนึกเล่นๆ ว่า ถ้าเค้าเหล่านั้น หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และมีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง เขาอาจจะไม่เจออะไรแบบนี้ก็ได้ (อันนี้เป็นความคิดของผู้เขียนนะคะ ส่วนตัว) พวกเราที่นั่งอยู่หน้าจอโชคดีมากที่ได้เกิดมาในร่มเงาของพุทธศาสนา มีมหาปูชนียาจารย์ที่เมตตาและรักลูกหลาน มีเนื้อนาบุญอันเลิศให้เราได้ทำบุญ มีวิชชาธรรมกายที่เป็นประโยชน์กับชีวิต นึกแล้ว อยากให้คนทั้งโลกเขาหันมาศึกษากันทุกคนจังค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 08:09 PM
#10
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 08:11 PM
สาธุค่ะ เล่น ๆไม่ได้แล้วนะต้องเตรียมพร้อม
เราต้องแข่งกับเวลาจริง ๆ
#11
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 09:06 PM
#12
โพสต์เมื่อ 18 August 2010 - 10:28 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#13
โพสต์เมื่อ 19 August 2010 - 12:53 PM
ตอนเด็กๆ ถึงวัยรุ่น มีเวลา มีเรี่ยวแรง แต่ ไม่มีเงิน
พอวัยกลางคน มีเรี่ยวแรง มีเงิน แต่ ไม่มีเวลา
ครั้นพอวัยชรา มีเงิน มีเวลา แต่ ไม่มีแรง
#14
โพสต์เมื่อ 19 August 2010 - 09:44 PM
หลวงพ่อบอกว่าพญามารเค้ากันพวกที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ให้ไปทำนู่นทำนี่เยอะๆ จะได้ไม่มีเวลามาปฏิบัติธรรม
ส่วนพออายุมากแล้วสังขารเริ่มร่วงโรย เค้าก็เริ่มปล่อยเพราะอีกไม่นานก็หมดเวลาชีวิตแล้ว
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#15
โพสต์เมื่อ 20 August 2010 - 12:31 PM
แต่ท่านก็ไม่หวั่นไหว ยังคงใช้เวลา(ที่แทบจะไม่ค่อยมี) เงินตรา(ที่ต้องใช้เพื่อพระศาสนาตลอดเวลา) และเรี่ยวแรง(ที่ยังคงเหลืออยู่) มุ่งเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป ท่านผู้นั้นก็คือ ครูไม่ใหญ่ของเราทุกคนนั่นเอง