ว่าด้วย อรรถกโถจารย์
#1
โพสต์เมื่อ 30 August 2010 - 08:19 PM
1 อรรถกโถจารย์ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากการใช้ญาณทัศนะใช้ไหมครับ
2 ทำไมบางครั้ง เรื่องราวใน พระอรรถกถาจารย์ กับ อรรถกโถจารย์ แตกต่างกันมาครับ เช่น
.....(ฟังจากคุณสุปานันท์ รองหัวหน้าชั้น)อายุพระศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตย ในพระอรรถกถาจารย์บอกว่าอายุ8000ปี แต่ในเพลง(คงผ่านการตรวจสอบแล้ว)บอกว่า สองแสนปี
.....เรื่องพระเจ้าจักรพรรดิ ลักษณะดวงแก้ว จักรแก้ว เป็นต้น
THANKS Kub
#2
โพสต์เมื่อ 30 August 2010 - 08:24 PM
...8 หมื่นคือ อายุขัยเฉลี่ยของคนยุคพระศรีฯคับ และพระพุทธศาสนาในยุคนั้นจะยาวนานถึง 2 แสนปี ในยุคนี้แค่ 2000 ปีก็แทบจะแตกแยกแล้วคับ แต่ในยุคนี้ 5 พันปีนะคับ อิอิ
..ขอเสริม จริงๆในยุคนี้ พุทธศาสนายาวนานกว่านะครับ เพราะคนอายุ ขัยเฉลี่ยยุคนั้นประมาณ 110 ปี (แค่สมมุติ) แล้วลดลงมาเรื่อยๆถึงยุคนี้ 75 ปี แต่อายุพระพุทธศาสนาในพระศาสดาองค์นี้ถึง 5 พันปี ยุคพระศรีฯ พระพุทธศาสนายาวนาน 2 แสนปี แต่ว่าอายุขัยมนุษยนั้นเยอะถึง 8หมื่นปี กว่าจะลดลงมาเทียบแล้ว แค่ประมาณ 2-3 อายุคนเท่านั้นเอง พระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นแล้ว และก็คงสิ้นกัปป์ด้วย (นึกตามแล้วก็หยองๆ)
#3
โพสต์เมื่อ 30 August 2010 - 09:16 PM
#4
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 08:29 AM
อายุมนุษย์ในยุคนั้น 80,000 ปี อายุพระพุทธศาสนาต้องยาวนานกว่าชั่วอายุคนอยู่แล้วครับ เพราะเป็นของจร ิงของแท้า เที่ยงแท้แน่นอน
#5
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 10:43 AM
...8 หมื่นคือ อายุขัยเฉลี่ยของคนยุคพระศรีฯคับ และพระพุทธศาสนาในยุคนั้นจะยาวนานถึง 2 แสนปี ในยุคนี้แค่ 2000 ปีก็แทบจะแตกแยกแล้วคับ แต่ในยุคนี้ 5 พันปีนะคับ อิอิ
..ขอเสริม จริงๆในยุคนี้ พุทธศาสนายาวนานกว่านะครับ เพราะคนอายุ ขัยเฉลี่ยยุคนั้นประมาณ 110 ปี (แค่สมมุติ) แล้วลดลงมาเรื่อยๆถึงยุคนี้ 75 ปี แต่อายุพระพุทธศาสนาในพระศาสดาองค์นี้ถึง 5 พันปี ยุคพระศรีฯ พระพุทธศาสนายาวนาน 2 แสนปี แต่ว่าอายุขัยมนุษยนั้นเยอะถึง 8หมื่นปี กว่าจะลดลงมาเทียบแล้ว แค่ประมาณ 2-3 อายุคนเท่านั้นเอง พระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นแล้ว และก็คงสิ้นกัปป์ด้วย (นึกตามแล้วก็หยองๆ)
ขอด้วยดิ
#6
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 11:56 AM
ยังไม่สิ้นกัปหรอกครับ เพราะครูไม่ใหญ่เคยนำเรื่องนี้มาพูดครั้งหนึ่งแล้ว สมัยตอนเล่าพุทธประวัติไงล่ะครับ โดยท่านได้เล่าถึงอายุของโลก 4 ส่วน ส่วนที่มีมนุษย์อาศัยอยู่จะมีแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ซึ่งกินเวลา 64 อันตรกัป (อันตรกัปหนึ่งก็มนุษย์อายุจากอสงไขยปีลดลงจนเหลือ 10 ปี แล้วก็เพิ่มขึ้นจนเป็นอสงไขยปีใหม่) และตอนนี้เวลาของกัปนี้ก็ได้ดำเนินมาถึงอันตรกัปที่ 12 (ถ้าผมจำไม่ผิด) ส่วนพระศรีอารีย์จะลงมาในช่วงอันตรกัปที่ 13 ต่อจากนั้น โลกจะดำเนินต่อไปจนถึงอันตรกัปที่ 64 แล้วถึงค่อย แตกทำลาย น่ะครับ
#7
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 01:17 PM
#8
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 01:48 PM
ฉะนั้นเหลืออีก 50 กว่า อันตรกัป กว่าโลกจะถูกทำลาย
ที่สงสัยก็คือ อันตรกัป ที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไร มนุษย์จะมีอายุยืนนานที่สุดเป็นล้านปี เป็นอสงไขยปีหรือเปล่า
ปล. หลวงพ่อบอกว่า(คำพูดประมาณนี้) ฟุ้งเรื่องเหล่านี้ ดีกว่าฟุ้งเรื่องโลกๆ เรื่องโลภ โกรธ หลง เรื่องกามคุณ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#9
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 05:20 PM
#10
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 09:44 PM
...แต่ก็ยังสงสัยว่า เวลากัปป์นั้น ก็ไม่ได้เป็นโลกใบนี้อย่างเดียวใช่ป่าวล่ะ? เพราะโลกใบอื่นก็เรียกเป็นอันตรกัปป์เช่นกัน ถ้าโลกแตกก็ย้ายไปแล้วนับกัปป์ต่อกันแบบนี้ได้ป่าว? เพราะถ้าทรัพยากรโลกถูกทำลายหรือโดนดาวอะไรชน แน่นอนเกิดขึ้นได้แน่นอน ตามวิบากของโลกแต่ละใบ ก็อาจไม่ครบ 64 กัปป์ตามโลกไปนี้ แต่ย้ายภพ 3 ไปที่ดวงอื่นก็นับกัปป์ต่อไปมิใช่หรือ? ตรงนี้ เพ่ช่วยอธิบายหน่อยจิ อยากรู้ๆ
#11
โพสต์เมื่อ 31 August 2010 - 11:06 PM
ส่วนที่ว่า ช่วง วัฏฏฐายีอสงไขยกัป (คือช่วงปัจจุบันนี้เแหละ) โลกจะถูกทำลายก่อนจะอยู่ถึง อันตรกัปที่ 64 นั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#12
โพสต์เมื่อ 01 September 2010 - 11:29 AM
เพราะฉะนั้นเรื่องโลกจะแตกทำลายที่คนตื่นเต้นตกใจกัน ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรครับ ไม่มีแน่นอน
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#13
โพสต์เมื่อ 01 September 2010 - 12:44 PM
โลกในทางพระพุทธศาสนา นั้นแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ โอกาสโลก ขันธ์โลก และสัตว์โลก
โอกาสโลก คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่มีชีวิตในหนึ่งจักรวาล โครงสร้างจักรวาลจะประกอบด้วย นรกภูมิ มนุษยภูมิ เทวภูมิ พรหม อรูปพรหมภูมิ ซึ่งก็คือ จักรวาลหนึ่งๆ นั่นเอง และจะมีเหมือนกันเช่นนี้ทุกๆ จักรวาล
ขันธ์โลก คือ กายของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย (ที่มีวิญญาณครอง)
สัตว์โลก คือ ใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
สรุปโลกในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง จักรวาลทั้งจักรวาล ซึ่งเป็นคนละความหมายกับโลกทางวิทยาศาสตร์ที่หมายถึง ดาวดวงเดียว ดังนั้น หากโลก(ในทางพระพุทธศาสนา)จะแตก ย่อมหมายถึง จักรวาลทั้งจักรวาล แตกทำลาย ครับ
#14
โพสต์เมื่อ 01 September 2010 - 04:34 PM
ในอันตรกัปสุดท้าย ก่อนที่โลกจะแตก 1 แสนปี จะมีเทวดาเหาะมาแจ้งให้มนุษย์ทั้งหลายได้ทราบล่วงหน้า มนุษย์ทั้งหลายจะได้สติว่าที่พึ่งไม่มีแล้ว และจะตั้งใจกันทำภาวนา ละโลกแล้วก็จะไปเกิดเป็นพรหมชั้นสูงๆที่ไม่โดนทำลายกันน่ะครับ
#15
โพสต์เมื่อ 01 September 2010 - 07:33 PM
#16
โพสต์เมื่อ 02 September 2010 - 10:38 AM
#17
โพสต์เมื่อ 02 September 2010 - 10:08 PM
#18
โพสต์เมื่อ 03 September 2010 - 12:24 PM
ลองฟังไปเรื่อยๆ ก่อน นะคะ วางใจกลางๆ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ