ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ขอบทสวดบูชาพระศรีอริยเมตไตรย์ และหมอชีวกโกมารภัจจ์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 21 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 cheterkk

cheterkk
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 10:54 AM

ขอบทสวดบูชาพระศรีอริยเมตไตรย์ และหมอชีวกโกมารภัจจ์

1.สวดบูชาเพื่อให้เกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย์

2.หมอชีวกโกมารภัจจ์สวดเพราะตนเองไม่สบายครับ ปวดตามร่างกายกินยาหรือว่าไปบำบัดแล้วก็ไม่หาย เห็นมีคนแนะนำว่าสวดของหมอชีวกโกมารภัจจ์อาจหายได้หรืออาการดีขึ้นต่อไป

แนะนำด้วยครับ


#2 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 10:59 AM

ความจริง ? ความเชื่อ ?

www.dmc.tv/pages/dhamma_for_people/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรบูชา.html
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#3 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 12:24 PM

1.พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนว่า สิ่งที่ชาวพุทธควรบูชา คื่อ พระรัตนตรัยเท่านั้น
ตอนนี้พระศรีอาริยะเมตไตรเป็นพระโพธิ์สัตว์อยู่ หากปราถนาจะไปเกิดร่วมยุคกับท่าน
ควรทำบุญทุกบุญอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แล้วให้หมั่นอธิฐานจิตตอกย้ำทุกวัน
ดีที่สุดควรออกบวชและทำความเพียร รักษาศีลเจริญสมาธิภาวนา ให้เต็มที่อย่างสบายๆ

2.การสวดบูชาหมออาชีวกโกมารภัจจ์นั้น ไม่ได้ช่วยที่จะทำให้สุขภาพของคุณแข็งแรงได้หรอก
ถ้าคุญไม่ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และควรเน้นไปที่บุญที่เกี่ยวกับสุขภาพ
เช่นช่วยชีวิตสัตว์เป็นทานคือชื้อสัตว์ที่เขาจะนำไปฆ่าไปปล่อยเช่นปลาในตลาด
และหมั่นถวายสังฆทานยา บริจาคโลหิต เป็นต้น
การสวดมนต์ทำให้ใจเป็นสมาธิอาจทำให้ลืมอาการเจ็บปวดได้บ้าง แต่ให้ถูกหลักวิชชา
ควรสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยจะดีกว่า เพราะพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของชาวโลกทั้งหลาย
สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งไปกว่านี้ หรือเทียบเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว
หมออาชีวกแม้เป็นพระโสดาบัน แต่ยังต้องกราบไหว้ พระภิกษุแม้เพิ่งบวชในวันนั้น
เพราะเพศบรรชิตคือเพศที่บรืสุทธิ์กว่า มีอานุภาพมากกว่า การบูชาในพระสงฆ์ย่อมมีอานิสงฆ์
มากกว่าการบูชาหมออาชีวกฯ ซึ่งเป็นคฤหัสถ์แม้จะเป็นพระโสดาบันอย่างจะนับจะประมาณมิได้
ดังนั้น หากคุณปราถนาอยากจะให้ร่างกายแข็งแรงหายป่วยไข้
พึงบูชาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ถวายสังฆทานยา บริยาคยา และช่วยชีวิตสัตว์เป็นทานเถิด

อีกประการหนึ่ง การดูแลสุขภาพให้ดีก็จะช่วยให้แข็งแรงเสริมกับบุญที่ได้ทำ
ทานอาหารให้เหมาะสม ครบห้าหมู่ ทานเป็นเวลา นอนเป็นเวลา หมั่นออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
ฯลฯ สุขภาพของคุณจะค่อยดีขึ้นเองครับ


#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 12:33 PM

เรื่องบทสวดต่างๆ แนะนำให้ค้นหาข้อมูลจาก google จะได้ข้อมูลหลากหลายกว่าครับ

เสนอความคิดส่วนตัวว่า

๑ ถ้าเจ้าของกระทู้ปรารถนา เกิด(และ,หรือบรรลุธรรม)ในพุทธันดรหน้า สมัยพระศรีอาริยเมตไตร สัมมาสัมพุทธเจ้า
ดีที่สุด คือ ชาตินี้
ต้องขยันละชั่ว อกุศลกรรมบท ๑๐
ขยันทำดี กุศลกรรมบท ๑๐ ,บุญกิริยา ๑๐ ,ทาน ศีล ภาวนาสัมมาสมาธิ ,บารมี ๑๐
แล้วอาศัยบุญบารมีที่ตัวเองสั่งสมไว้
มาอธิษฐานบ่อย ๆ ให้ใจมุ่งมั่น ผูกพันด้วยความปรารถนาที่แรงกล้า
ถ้าบุญถึง โอกาสสมปรารถนาก็มีมาก
กว่าการสวดบทใด ๆ นะครับ

เรื่องความป่วยไข้ เป็นธรรมดาของรูปขันธ์และวิบากอกุศลกรรมในอดีตและปัจจุบันครับ
ดังนั้นถ้าจะแก้ไขที่ต้นเหตุ ก็ควร
๑) ดูแลสุขภาพ อาหารการกิน การนอน การออกกำลังกายให้พอเหมาะกับวัย โรคประจำตัวหรือโรคที่กำลังเป็น
๒) ศึกษากฎไตรลักษณ์ให้เข้าใจและยอมรับ ความเสื่อมของร่างกาย ตามวัย
๓) รักษาศีล ๕ ให้เคร่งครัด โดยเฉพาะ ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นการเบียดเบียนสัตว์
๔)หมั่นปล่อยสัตว์ที่กำลังถูกนำไปฆ่า ทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่
๕) ให้อาหารเป็นทาน ถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน ที่มีอานิสงส์ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณ
๖)ให้ยารักษาโรค คิลานเภสัชเป็นทาน ทั้งแก่สัตว์ มนุษย์ทุศีล มีศีล มีคุณธรรม
๗) ขยันฝึกใจผ่านการฝึกสมาธิ นั่งสมาธิ แสวงหาธรรมในตัว
เมื่อเจอ ,เข้าถึงธรรมในตัวแล้ว ความกังวลเรื่องความป่วยไข้ ก็จะบรรเทา ทุเลา
หรือหายจากป่วยไข้ ได้ตามสมควรแก่เหตุ แก่การประพฤติธรรม ครับ

ส่วนเรื่องบทสวดต่าง ๆ ถ้าทำแล้วใจสบาย มีกำลังใจ ก็ตามอัธยาศัยครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#5 cheterkk

cheterkk
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 02:14 PM

ขอบคุรสำหรับคำแนะนำดี ลองหาในเว็บดูแล้วแต่ว่ามีหลายแบบ หรือแบบที่เหมือนกันก็พิมพืไม่เหมือนกันอีก จึงไม่แน่ใจว่าของใครถูกต้องนะครับ

#6 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 04:21 PM

ทัศนส่วนตัวนะครับ
อยากเกิดร่วมยุคพระศรีอาริยะเมตไตร ต้องขยันสร้างบุญ
แล้วให้อธิฐานจิตตอกย้ำทุกวัน
อยากแข็งแรง ให้ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาบ่อยๆ
(ต้องเป็นปลาที่เขาจะนำไปฆ่า)หรือ ทำบุญด้วยยารักษาโรค
บ่อยๆ หรือ ทำบุญด้วยอาหารบ่อยๆ ยาและอาหาร ถ้าถวายเป็นสังฆทาน
บุญจะแรงมากๆ

#7 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 04:29 PM

ถ้าชอบสวดมนต์ให้สวดบททำวัตรเช้าทุกเช้า และบททำวัตรเย็นทุกๆคืนก่อนนอน
เสริมด้วย บทสรรเสริญพุทธ,คุณธรรมคุณ,สังฆคุณ ทั้งเช้าและเย็น
บทแผ่เมตตาก็ช่วยเรื่องสุขภาพได้ หมั่นสวดก็ดีครับ

แต่ขอย้ำว่า การสวดบูชาหมออาชีวกฯไม่ใช่สิ่งที่ควรบูชาสำหรับชาวพุทธนะครับ

#8 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 06:32 PM

...ก็ไม่ถูกทั้งหมดนะ เพราะหมอชีวกก็มีสายบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใช่สมณะเพศ มิได้ห่มจีวรอันเป็นเครื่องปลดกังวล จึงมิใช่เนื้อหาบุญอันประเสริฐเหมือนพระรัตนตรัยอันประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์แค่นั้นเอง จะบูชาก็ไม่ผิด เพียงแต่อย่าหมกมุ่นก็เป็นสิ่งดี เพราะที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดคงต้องยกให้พระรัตนตรัยนั่นเอง


..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#9 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 07:30 PM

อเสวะนา จะ พาลานัง อย่าเสวนา กับคนพาลจะเราพัง
ปันฑิตานัญจะ เสวะนา บัณฑิตนั้น จักควรเสวะนา
ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาปูชนียะบุคคลผู้ควรแก่การบูชา
เอตัมมังคะละมุตตะมัง นี้เป็นเอกมงคล(มงคลอันยอดเยี่ยม)ของชีวิต

#10 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 10:15 PM

ผมพอรู้จักหมอสมุนไพร ถ้าสนใจก็ PM มาคุยกันได้นะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#11 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 04:25 AM

เช่นกันค่ะ มี บทสวดแพทย์ประจำพระพุทธเจ้า pm ไปบอกนะคะถ้ายังต้องการ

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 12:17 PM

สำหรับเรื่องการบูชา โดยสวดสรรเสริญนั้น สามารถยึดถือแนวทางตามครูไม่ใหญ่ได้ครับ

ตัวอย่างเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขา ทั้งสองท่านล้วนเป็นผู้มีคุณต่อพระศาสนาในยุคนี้อย่างมาก เพียงแต่ทั้งสองท่านเป็นผู้ครองเรือน ดังนั้น ครูไม่ใหญ่ ท่านก็ไม่ได้ทำบทสวดสรรเสริญบูชาทั้งสองท่านนี้ขึ้นมา

แต่ได้ทำเป็นบทเพลงยกย่องสรรเสริญแทน ครับ เช่น เพลงของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็มีเนื้อหาว่า "คนอัศจรรย์ ที่บันลือลั่นไปทั่วภพสาม ท่านสร้างอาราม งดงามนามว่า เชตวัน เอาเงินปูเรียงเคียงกัน เต็มผืนแผ่นดินนั้น..... ขอสาธุการ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ขอสาธุการ ขอสาธุการ..."

สรุปคือ ไม่ได้บูชา แต่ยกย่อง คุณความดีของท่านเหล่านั้น ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#13 usr37026

usr37026
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 03:58 PM

บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (กราบ 3 ครั้ง)

(สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17 พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10 )

นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

อานิสงค์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ

โดยย่อกล่าวคือ

บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า

พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย

การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาร่วมถึงกำลังของ

พระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจและรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต

ถึง ปัจจุบัน และอนาคต การสวดครั้งหนึงมีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัตว์

ตลอดจนเทวดาประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรก

จะดับชั่วขณะบทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อ

ป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภอานิสงค์แก่ผู้สวดมีทั่งมหาบุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพลังงานอย่าง

ยิ่งในการเจริญพระกรรมฐานหากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุมและคุม

การปฎิบัติของเราคลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้

จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล

พระคาถามหาจักรพรรดิก่อให้เกิดพุทธนิมิตครอบสถิตผู้ทรงคาถา

พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่แต่งขึ้นมานั้น

นอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐานบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจากพระรัตนตรัย

อย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้กิด "พุทธนิมิต" เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้า

มาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจัตุรมุข

ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการสว่างสไหวพร้อมด้วยโพธิสัตตราวุธ

ทั้ง 4 ประการ ประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่ พระมหามงกุฎ

ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบารมี

ของพระศรีอารย์โพธิสัตว์ โดยมี "พระมหามงกุฎ" เป็นศิราภรณ์ที่ปี่ยมไปด้วย

บุญญฤทธิ์

ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง 3 ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูง

มีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่ง

หากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐานให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิมิต

ปางมหาจักรพรรดิได้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์

มีความศักสิทธิ์อย่างมาก ประดับด้วยครื่องทรงแห่งพระมหาจักรพรรดิ

อย่างวิจิตรอลังการเปล่งรัศมีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญมณี

เรียกว่า "พระมหาวิษิตาภรณ์" มาครอบสถิตผู้ภาวนา

#14 usr37026

usr37026
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 04:12 PM

เป็นบทสวดบูชาพระศรีอริยเมตไตรย์ แต่หาก ต้องการสวดเพื่อให้เกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย์คงยังไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องละจากอกุศลกรรมบท๑๐ ทั้งปวงโดยสิ้นเชิง และหมั่นอธิษฐานให้ได้เกิดสร้างบารมีในยุคนั้นด้วยครับ

#15 usr37026

usr37026
  • Members
  • 3 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 04:23 PM

ส่วนปัญหาสุขภาพนั้นหมั่นออกกำลังกายนะครับ และหมั่นออกกำลังใจ คือการหมั่นสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายและทุกครั้งก่อนเสร็จสิ้นการนั่งสมาธิให้แผ่เมตตาให้แก่อวัยวะที่เจ็บป่วยและเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดเหตุเจ็บป่วยนั้นๆด้วยครับ

#16 cheterkk

cheterkk
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 07:03 PM

สวดบทโพชฌังคปริตร ทำให้มี สุขภาพดี มีอายุยืน และพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง รักษาโรคได้ไหมครับ

หรือว่าสวดบทชัยมงคลคาถาเพื่อให้พ้นภัยต่าง

แต่ในความคิดตนเองน่าจะสวดบทโพชฌังคปริตร เหมาะสมที่สุด

#17 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 08:34 PM

นั่งสมาธิ ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา ถวายยา เถอะครับ

#18 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 29 September 2010 - 10:19 PM

...การสวดมนต์ก็คือหนึ่งในการเจริญภาวนา คุณของการเจริญภาวนานั้นสามารถมีผลต่อสภาพร่างกายได้จริง อันเป็นประโยชน์เกิดจากสมาธิ แต่ถ้าจิตจะนิ่งและสงบและมีความสุขที่สุดจากภาวนา การเจริญสมาธิจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะใช้กำลังน้อยกว่าและจิตใจเหมือนได้พักผ่อน การพักผ่อนก็เป็นการรักษาโรคได้อีกทางเช่นกัน เรียกว่า ใจสบาย พักผ่อนเพียงพอ อาหารดี อากาศดี ก็นำมาซึ่งสุขภาพที่ดีได้ แต่ถ้าคำนึงถึงคุณวิเศษของการภาวนาเพื่อนำไปใช้รักษาแล้วนั้น ค่อนข้างจะไม่ถูกพุทธวิธีนัก เพราะยังต้องอาศัยบุญและส่วนอื่นๆมาประกอบด้วยอีกหลายอย่าง หมอดียาดี + บุญ +กำลังสมาธิ + อาหาร,อาวาส,อากาศ ฯลฯ น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมและครบถ้วนที่สุดน่ะจ๊ะ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#19 อารียา

อารียา
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 September 2010 - 12:25 PM

เนื่องในช่วงนี้เป็นเทศกาลเข้าพรรษา เวลาทำวัตรเย็นก็จะสวด "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร"
และตามด้วย สวดสรรเสริญคุณพระธรรมกาย และบทแผ่เมตตา และเจริญมรณานุสติทุก ๆวัน
ก็รู้สึกดีมากเลย

แล้วตามด้วยการนั่งสมาธิอีก ๑ขั่วโมง (ไปทำที่วัด ต่อหน้าพระประธาน และพระภิกษุ
อุบาสก อุบาสิกา เพื่อน ๆ สาธุชน)

ชีวิตขาลงคงต้องหนักแน่นยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกในธรรมปฎิบัติ จะได้เชื่อมบุญใหม่เข้ากับพลัง
บุญเก่าที่อาจจะโลแบตแล้ว ต้องรีชารตให้มากที่สุดเพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเรา

นอกเหนือจากพระรัตนตรัยแล้ว (หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย ตายก็ไปดี)

#20 cheterkk

cheterkk
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 October 2010 - 09:07 AM

สวดบทโพชฌังคปริตร รักษาโรคได้จริงดังสมัยพุทธการหรือไม่

โพชฌังคปริตรมีความเป็นมาอย่างไร

โพชฌงค์เป็นหลักธรรมหมวดหนึ่งที่อยู่ในบทสวดมนโพชฌังคปริตร ถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ที่เชื่ออย่างนี้เพราะมีเรื่องในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจา้ได้เสด็จไปเยี่ยมพระมหากัสสปะที่อาพาธ พระองค์ทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ พบว่าพระมหากัสสปะสามารถหายจากโรคได้ อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ หลังจากนั้น พบว่า พระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้

ในที่สุด เมื่อพระพุทธองค์เองทรงอาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร

พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่า โพชฌงค์นั้น สวดแล้วช่วยให้หายโรค ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน

หลักของโพชฌงค์เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปซึ่งไม่จำกัดเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น เพราะโพชฌงค์แปลว่าองค์แห่งโพธิหรือองค์แห่งโพธิญาณเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญา



#21 ตำรวจรักบุญ

ตำรวจรักบุญ
  • Members
  • 985 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 October 2010 - 09:57 AM

ทรงแสดงธรรมให้ฟังพระมาหเถระทั้งสองทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ในบุญ ตรองตามธรรมที่ได้สดับ จิตก็ผ่องใส สบายกายขึ้น

#22 ์Nee.Sansanee

์Nee.Sansanee
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 October 2010 - 10:41 AM

ก็ดีนะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก หนึ่งในการศึกษาพุทธศาสนา(เข้าไปดูแล้ว www.dhammajak.net)
เพราะเป้าหมายหัวใจในพระพุทธศาสนาคือ ให้คนละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส

ก็คนเรามีจริตต่างกัน ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา เหมือนการเดินทางคุณจะไปกับรถ กับเรือ กับเรือบิน หรือเดินไปก็เลือกเอา
ไปตามใจปรารถนา สู่จุดหมายที่ต้องการ

แต่ตัวข้าเจ้าเองนั้นก็เดินมาหลายทางแล้ว วันนี้ขอเดินทางเดียวสู่จุดหมายปลายทางอย่างภาคภูมิใจด้วยการเป็น
นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เป็นลูกพระธัมม์พันธ์แท้

พ่อสอนว่าเปลือกนอกต่างกันอย่างไรก็ได้ แต่ข้างในเหมือนกันหมดคือมีพระรัตนตรัยทุกคน ในที่สุดก็จะถึงจุดนี้ช้าเร็วเท่านั้น