ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ห้าสลึงตึงทั้งชาติ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 03:15 AM

ห้าสลึงตึงทั้งชาติ


ห้าสลึงตึงทั้งชาติ
พวกเรานักเรียนอนุบาลโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาคงจะคุ้น ๆกับ "ห้าสลึงตึงทั้งชาติ"

ที่คุณครูไม่ใหญ่ใช้พูดใน รร.อยู่บ่อย ๆ แต่มีใครรู้ไหมว่าท่านหมายถึงอะไร ผู้เขียนนี้ยอมรับว่าไม่รู้ค่ะ เอ้าแล้ว

มาเขียนทำไม ขึ้นพาดหัวไว้อย่างนั้น ขอบอก ๆอยากให้คิดค่ะว่าท่านหมายถึงอะไร และกำลังบอกอะไรแก่เราอยู่

หรือเปล่า ?


แล้วในความคิดส่วนตัวของผู้เขียนเข้าใจว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ "พระธรรมกายเป็นเป้าหมายชีวิต" เพราะท่านเป็นธรรมขันธ์

แต่พวกเราเป็นขันธ์ห้าที่ประกอบด้วยรูปขันธ์หนึ่ง และ นามขันธ์สี่ รวมเป็นขันธ์ห้าและเวียนว่ายเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในวัฏฏะ

สงสาร. เราจึงไม่ตึงทั้งชาติเพราะขันธ์ห้า แต่เมื่อใดเราเป็นธรรมขันธ์นั่นแหละเป็นห้าสลึงตึงทั้งชาติ เพราะมีแต่ธาตุล้วน

ธรรมล้วน หรือเป็นวิราคธาตุวิราคธรรมเข้าถึงพระนิพพานแล้ว กิเลสดับสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ


ช่วงนี้ใกล้จะออกพรรษาแล้วทำให้คิดถึงการทำวัตรเย็นซึ่งมีการสวด ปฐมเทศนา "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" ด้วยทุกวัน ทำไม

ต้องสวดบทนี้ บทนี้มีอะไรดีเป็นพิเศษหรืออย่างไร ก็พบว่าพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนให้คนพ้นทุกข์อย่าง

ถาวร และคนแรกที่ได้บรรลุธรรมคือพระโกณฑัญญะอุทานว่า " ยงฺกิจจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ " แปลว่า

"สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีอันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงนั้น มีอันดับไปเป็นธรรมดา" หรือจะให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีกไม่มีอะไรมีแต่

เกิดและดับ. เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี, เพราะเหตุนี้เกิดขึ้น ผลนี้จึงเกิดขึ้น, เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้จึงไม่มี, เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ,

..............ฉะนั้นถ้าต้องการธรรมขันธ์ (เป็นผล) ก็ต้องทำเหตุให้เกิดขึ้น.........โดยเดินตามมรรคมีองค์แปด

..............และถ้าเราไม่ต้องการขันธ์ห้า ก็ต้องดับขันธ์ห้า (เพราะขันธ์ห้าเป็นเหตุ ดับที่เหตุผลไม่มี)


การดับขันธ์ห้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนไว้ในบทสวดธรรมจักร หรือ จักรธรรม นั้นเปรียบเหมือนเป็นกำของล้อจักรธรรม

(มรรคมีองค์8อยู่ในส่วนที่เป็นดุม และอริยสัจสี่เป็นกง) ในส่วนที่เรียกว่า" ปฏิจจสมุปบาทธรรม"

การดับขันธ์ห้าหรือสังขาร ต้องดับอวิชชาวงจร12ประการ

เพราะเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี ....เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด, เพราะเหตุนี้ไม่มี ผลนี้จึงไม๋มี...เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ.

อวิชชา > สังขาร(ขันธ์ห้า)>วิญญาณ>นามรูป>สฬายตนะ(อายตนะหก) >ผัสสะ(การถูกต้อง การกระทบ) >เวทนา(ความรู้สึก)

>ตัณหา(ความใคร่ในกามและความอยาก/ไม่อยากในไม่มีไม่เป็น) >อุปาทาน(ยึดติด)> ภพ(ไตรภพ) >ชาติ(เกิด) >ชรา มรณะ.


เราก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ซ้ำ ๆ ตายเกิด เกิดตายอยู่ในภพสามจนกว่าจะมีวิชชา เข้าถึงพระธรรมกายกาย กายที่17-18.ซึ่งเป็นกายธรรม

เรียกว่าธรรมขันธ์ เพราะขันธ์ห้าได้ถูกกลั่นให้บริสุทธิ์จนถึงที่สุดทั้งธาตุหยาบ(รูปธรรม)และธาตุละเอียด(นามธรรม)บริสุทธิ์เป็น

หนึ่งเดียวกันจะรู้แจ้งเห็นจริงชีวิตด้วยตาธรรมกาย(ธรรมะจักษุ)ไปตามความเป็นจริง ทำให้เกิดญาณ

( รู้ที่ถูกต้องจริง ๆ-wisdom>>enlightenment) เกิดปัญญา เกิดวิชชา และเกิดแสงสว่างขึ้นพรัอม ๆกัน

อย่างนี้เรียกว่าบรรลุธรรมเข้าถึงนิพพานแล้ว


เมื่อแตกกายทำลายขันธ์ห้า(กายมนุษย์)ก็จะไปอยู่ที่อายตนะนิพพาน อย่างมีชีวิตชีวา เป็นผู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยกายธรรม ไม่หวล

กลับมาเกิดมาตายอีกแล้ว จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสุข (ห้าสลึงตึงตลอดไป เพราะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว อิ อิ)

....................

............................." โย โข วกฺกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ" แปลว่าดูก่อน วักกลิผู้ใดแลเห็นธรรม

ผู้นั้นย่อมเห็นเรา ตถาคต" และว่า " ธมฺมกาโย อห๋ อิติปิ" ซึ่งแปลความว่า "เราตถาคตคือ ธรรมกาย"..............

..............................................................................................................................................


หมายเหตุ ขันธ์ห้าคืออะไร ?

ภาษาชาวขันธ์๕ ก็คือคน ที่มีสองส่วนประกอบกันคือ ร่างกายและจิตใจ(body & mind) )ประกอบด้วย รูปขันธ์1

และนามขันธ์4 จึงรวมเรียกว่าขันธ์ 5.

ถ้ามีแต่กายเขาเรียกว่าศพ และถ้ามีแต่จิตวิญญาณหรือใจเขาเรียกว่าผี ต้องมีทั้งกายและใจจึงเรียกว่าคน
.................................................

ภาษาพระ เรียกว่าเบญจขันธ์ หรือ ขันธ์ ๕

หมวดหนึ่งของรูปธรรมและนามธรรมแบ่งออกเป็น ๕ กองคือ
๑. รูปขันธ์ กองรูป
๒. เวทนาขันธ์ กองเวทนา
๓. สัญญาขันธ์ กองสัญญา
๔. สังสารขันธ์ กองสังขาร
๕. วิญญาณขันธ์ กองวีญญาณ
...................................ที่มา:ภาษาพระจากหนังสือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หน้า๑๒ โดย ทัตฺตชีโว ภิกฺขุ

......................................................

เมื่อรู้ภาษาพระแบบมาตราฐานแล้วลองมาดูภาษาง่าย ๆ สบาย ๆสไตล์นักเรียนอนุบาลฯบ้าง

คนต้องมีสังขารหรือขันธ์ 5 อันประกอบด้วยกายและใจ

กายเรียกว่ารูปธรรมหรือรูปขันธ์ อันประกอบด้วยธาตุหยาบมองเห็นได้ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ดินคือส่วนที่เป็นของแข็งเช่นกระดูก น้ำส่วนที่เป็นของเหลวเช่นเลือด ลมคือส่วนที่พัดไปมาอยู่ในร่างกายทำให้เกิดการ

หมุนเวียน ไฟคือส่วนที่ให้ความร้อนความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทั้งหมดนี้เรียกว่าธาตุหยาบเป็นรูปธรรม

เรียกว่ารูปขันธ์1


ใจเรียกว่านามธรรม หรือนามขันธ์ เป็นธาตุธรรมละเอียดมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์ ประกอบด้วย 4 อย่าง

คือใจมีหน้าที่ เห็น จำ คิด รู้ รวมเป็นดวงธรรม 4 ดวง จึงเรียกว่านามขันธ์4 ที่ตั้งของใจอยู่ที่ ศก.กายฐานที่7(ณ 072)

ขอขยายความ อายตนะภายนอกกับอายตนะภายในทำงานรับกันเช่น รูปภาพมากระทบตา หรือตาเห็นภาพแล้ว

รายงานไปที่ใจ ใจจะบอกว่า สวย ไม่สวยเป็นต้น ถ้าไม่ส่งไปที่ใจ ตาก็สักแต่ว่าเห็นไม่รู้สึกอะไรเลย ความรู้สึกตัวนี้ภาษาพระ

เรียกว่าเวทนา หรือรับข้อมูลเข้ามาจาก ตา ลิ้น จมูก หู กาย ใจ(อายตนะภายใน) จากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์

(อายตนะภายนอก) ถ้าเปรียบเทียบกับคอมก็เหมือนกับ receiving data แล้วบันทึกข้อมูลเข้า= จำ(memory)/กองสัญญา

คิด/thoughtหรือสังขารตัวนี้เป็นการคิดปรุงแต่งข้อมูลที่จำมา(มิได้หมายถึงสังขารร่างกาย) อันสุดท้ายก็สรุปเป็นรู้/knowledge

หรือวิญญาณ ตัวรู้ตัวนี้ยังเป็นแบบรู้ผิด ๆ ถูก ยังแก้ไขเปลียนแปลงได้ ทั้ง4ประการนี้เป็นหน้าที่ของใจพูดสั้น ๆว่าเห็น จำ คิด รู้

หรือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั่นเอง


























#2 เด็กโรงเรียนวัด

เด็กโรงเรียนวัด
  • Members
  • 107 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 07:44 AM

อนุโ่มทนา สาธุ ครับ บทความที่มีคุณค่ามากครับ

#3 usr37337

usr37337
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 10:05 AM

...

ไฟล์แนบ



#4 อารียา

อารียา
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 11:37 AM

คูณ usr 37337

กรุณาเฉลยหน่อยได้มั้ยคะ อยากรู้จริง ๆ ห้าสะลึงตึงทั้งชาติที่ว่าอยู่ในครัวคืออะไรเอ่ย

ขอบคุณล่วงหน้าแล้วจะกลับมาหาคำตอบอีก

#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 03:04 PM

http://www.dmc.tv/fo...showtopic=19648
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=19582
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=15941
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=11728

สมมุติฐานคำตอบน่าจะอยู่ในด้านหลังเหรียญนี้ glare.gif

ไฟล์แนบ


ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#6 usr37337

usr37337
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 07:07 PM

...

ไฟล์แนบ



#7 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 07:45 PM

สวัสดีสมาชิกทุกท่านค่ะ

และขอบคุณทุกคำตอบด้วย โดยเฉพาะคุณWISH นั้นทำให้ได้คำตอบเพิ่มเติมจากคุณUSR37337(เลขสวยจัง)

" ห้าสลึงตึงทั้งชาติ" ให้ยิ้มก่อนอ่านต่อนะคะ

......................................................มันอยู่ในครัว โดนทาตัวตั้งแต่ยังเด็ก ๆ.

ถึงบางอ้อกันแล้วยัง อา ..อากระซิบอีกนิดหน่อยทาแล้วเหลืองอ๋อยทั้งตัว!

ส่วนคำว่าสลึงเป็นหน่วยชั่งน้ำหนักแบบไทยโบราณ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประมาณกี่กรัมถ้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน

.......................

สำหรับภาพด้านหลังเหรียญนั้นมองดูเหมือนฐานที่7 (ดูตามเข็มนาฬิกาจาก หกโมงเช้า หรือ 6:00 น/AM.)

ด้านหน้าคือธาตุน้ำ ด้านขวาธาตุดิน ด้านหลังธาตุไฟ ด้านซ้ายธาตุลม ส่วนตรงกลางนั้นเป็นช่องว่าง ๆคือ

อากาศธาตุ ตรงกลางอากาศธาตุคือวิญญาณธาตุ และณจุดศก.วิญญาณธาตุเมื่อใจหยุดจะตกศูนย์(CENTER)

ที่ตรงนี้มีpower คล้ายกุญแจไขประตูไปสู่พระนิพพานด้วยการเข้ากลางของกลางของกลางๆ ๆๆเรื่อยไปจนครบ

18 กาย แล้วท่านจะรู้ด้วยตัวท่านเองไม่มีความลับสำหรับชีวิตอีกต่อไป


#8 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 15 October 2010 - 08:04 PM

...ไม่เคยเห็นเหรียญนี้เลย ดูแล้วขนลุก ช่วงปี 2533 ยังแอบคุณพ่อกินเหล้า(เพิ่งหัด พ่อน่ะหัดให้) ..เล่นเกมส์ ดูหนัง จีบสาว ฯลฯ อยู่เลย ไม่เคยสนใจเรื่องการทำความดี เรื่องพระ เรื่องวัด เรื่องบุญเลย ...ขอเป็นตัวอย่างของผู้ไม่รู้ ที่เคยเดินทางผิด เป็นอุทธาหรณ์ให้สอนเยาชนรุ่นต่อๆไปด้วยนะจ๊ะ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#9 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 16 October 2010 - 01:58 AM


กลับมาทบทวนอีกที ดูดี ๆ ที่ภาพพระด้านหลังนั้นทำให้คิดถึงความสมดุลย์

ณที่ฐานที่ ๗ นี่หากเสียสมดุลย์ ธาตุทั้งหกจะทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ นั่นคือเจ็บไข้ ได้ ป่วยทางกาย

และที่ศก.ฐาน ๗ คือที่อยู่ของใจ ถ้าใจใสอย่างรูปที่ USR 37337 แนบมาซึ่งสวยมากเลยแล้วละก็ถือว่าใจสะอาด บริสุทธิ์มาก ๆ

ก็ย่อมส่งผลไปที่ธาตุธรรมของกายด้วย กายใสสว่างทีเดียว ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวอย่างนี้นี้เอง และถ้าใจหมองก็สังเกตุไม่ยากจาก

ตาเนื้อชาวบ้าน ๆนี่แหละคนก็มีใบหน้าหมองหม่นด้วยจริง ๆ

ฉะนั้น ณ ๐๗๒ นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางกองบัญชาการของชีวิตคนเราเลยข้ามภพข้ามชาติทีเดียว เพิ่งจะรู้ว่าสำคัญมากขนาดนี้คงต้อง

ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษแล้วละนะ เอ้อเพื่งจะได้คิดและคิดได้เพราะสูตรคุณครูไม่ใหญ่นี้เอง " ห้าสลึงตึงทั้งชาติ " ไม่ใช่ขมิ้น !







#10 usr37337

usr37337
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2010 - 03:37 AM

...

ไฟล์แนบ



#11 ์Nee.Sansanee

์Nee.Sansanee
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2010 - 12:20 PM

stop sign ! (red sign)

ขับรถชีวิตมาไกลแสนไกล เหนื่อยค่ะอยากจะหยุด "หยุดเท่านั้นเป็นตัวสำเร็จ"

เบื่อแล้วชมวิวสองข้างทาง ไม่อยากจะแวะที่ไหนอีก อยากกลับบ้านไปอยู่ข้าง ๆ คนที่ฉันรักและรักฉันตลอดมา


#12 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 21 October 2010 - 04:36 AM

เพิ่มเติม

สำหรับคนอย่างinnerpeace คือสงสัยเวลาใจหยุด(เข้าสิบ/ตกสิบ เข้าศูนย์) นั้นเป็นอย่างไรกันแน่

วันนี้ฟังธรรมมา มั่นใจแล้วค่ะจึงนำมาแบ่งปันกับมือใหม่ หรือมือเก่าอยากรู้อย่าง innerpeace ค่ะ ท่าน

ว่าประมาณนี้ (จำมาจึงใช้คำว่าประมาณนี้) เวลาใจหยุด เห็น จำ คิด รู้ หยุดเป็นจุดเดียวกันแล้วจะตก

ไปที่ศูนย์กลาง กลางของกลางดวงวิญญาณ ที่ฐานที่เจ็ด แล้วดิ่งตกลงไปที่ฐานที่หกที่กลางของกลาง

ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ (คนมี 18กายมีดวงที่ทำให้เป็นกายเหมือนกันหมดต่างกันแต่ความบริสุทธิ์ของธาตุธรรม

เท่านั้น)
แล้วจะเกิดดวงธรรมใหม่ผุดโผล่ขึ้นมาจากฐานที่เจ็ด นั่นก็คือดวงปฐมมรรคนั่นเอง [(หรืออีกนัยหนึ่ง

เวลานี้ดวงของใจและดวงของกายรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว กายมาหุ้มใจเป็นดวงปฐมมรรค และดวงกายได้มาจาก

ศีล สมาธิ ปัญญา ดีบริสุทธิ์พอในระดับหนึ่งถึงได้ดวงกายนี้มาจึงเกิดเป็นคน ส่วนของใจคือธาตุรู้ ธาตุเห็น

ชักสนุกแล้วซี ดังนี้ดวงปฐมมรรคที่เชื่อมต่อกันท้ง18 กาย จึงมีชุดละหกดวงคือ ดวงปฐมมรรค ดวงศีล ดวงสมาธิ

ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ
(ความพ้นจากกิเลส) ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ(เป็นความรู้ และเห็นว่าจิตหลุดพ้นแล้วจากกิเลส)

แต่จะเห็นได้ต่อเมื่อเข้าถึงกายธรรม(พระธรรมกาย)แล้ว เมื่อสว่างแล้วจะเห็นด้วยเข้าใจด้วยเกิดเป็นเห็นด้วยตา รู้ด้วยญาณ

ทำให้เกิดปัญญา มีวิชชา และสว่างเกิดขึ้นพร้อม ๆกัน]....ผู้เขียนแชร์นี่หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยและโปรดช่วยแก้ไข

ด้วยจะขอบพระคุณมาก ๆ เพราะเวลานี้ innerpeace ยังเป็นนักเรียนอนุบาลฯเท่านั้น กำลังฝึกฝนตัวอยู่ทั้งภาคปฎิบัติ และปริยัติ

ฉะนั้นความบริสุทธิ์สำคัญที่สุดเริ่มที่ใจ เพราะใจคุมกาย ทั้งธาตุธรรมหยาบที่เป็นกายและที่ละเอียดเป็นใจ !!

.........................

รู้นี่แล้วต้องรักษาความบริสุทธ์ กาย วาจา ใจ ให้ถึงที่สุด เริ่มที่ศีลเป็นตัวหลัก ถึงว่าศีลเป็นประมุขแห่งกุศลธรรมอย่างนี้เอง

สาธุใครเข้าใจเช่นนี้แล้วขอให้เข้าถึงธรรมเร็ว ๆ และช่วยกันเผยแผ่วิชชาธรรมกาย และมาร่วมกันทำกฐินยายปีนี้ให้สำเร็จเป็น

อัศจรรย์เทอญ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ