โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 12:22 AM
แบ่งเป็น 2 กรณี
1. ครูที่ไม่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย แล้วเข้าร่วมกิจกรรม "สัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม" โดยมีวิทยกรเป็นคณะของวัดฯ จะได้บุญหรือไม่
2. ครูที่ไม่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย แล้วไม่เข้าร่วมกิจกรรม "สัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม" โดยมีวิทยกรเป็นคณะของวัดฯ จะบาปหรือเปล่า
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 09:58 AM
สำหรับคำถามนี้ ขอชี้แจงสั้นๆ นะครับ
จะได้บุญหรือไม่ จะได้บาปหรือไม่ อย่างไร ยังไม่แน่ชัด ไม่ขอสรุปในชั้นนี้ แต่จุดประสงค์หลักของการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ว่าจะจัดขึ้นโดยหน่วยงานใดก็ตาม จุดประสงค์หลักก็คือ ผู้เข้าร่วมได้รับประโยชน์ความรู้จากการเข้าสัมมนาเพื่อนำไปปรับใช้ในการเรียนการสอน โดยมีการนำหลักธรรมมาเป็นเนื้อหาหลักในการสัมมนา ผู้เข้าอบรมจะได้ประสบการณ์ "ตรง" ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นข้อมูลในการไตร่ตรอง คัดกรอง เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม และถูกต้องเพราะมีข้อมูลครบถ้วน
ตัวผู้เข้าร่วมสัมมนาจะศรัทธาตัววิทยากรหรือไม่ อย่างไรนั้น ไม่ได้ทำให้เนื้อหาการสัมมนาเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ผู้เข้าอบรมจะได้รับข้อมูลทุกอย่างเทียบเท่ากับผู้เข้าร่วมสัมนาอื่นๆ ทุกอย่าง
จะศรัทธาหรือไม่ จะได้บุญหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาคิดครับ สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ กอบโกยความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์จากการสัมมนานี้ทุกอย่างมาให้มากที่สุด เพื่อที่จะมาเป็นข้อมูลตัดสินใจว่า เราเห็นประโยชน์จากการสัมมนานี้มากแค่ไหน ได้อย่างไม่มีอคติไงครับ
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 10:05 AM
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 10:32 AM
แบ่งเป็น 2 กรณี
1. ครูที่ไม่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย แล้วเข้าร่วมกิจกรรม "สัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม" โดยมีวิทยากรเป็นคณะของวัดฯ จะได้บุญหรือไม่
2. ครูที่ไม่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย แล้วไม่เข้าร่วมกิจกรรม "สัมมนาเชิงปฏิบัติธรรม" โดยมีวิทยากรเป็นคณะของวัดฯ จะบาปหรือเปล่า
คำตอบไม่ใช่ เรื่อง "บุญ-บาป" แต่เป็นเรื่อง "ถูก-ผิด, ควร-ไม่ควร" สะท้อนถึง "สำนึก-ความรับผิดชอบ"มากกว่า
คำตอบ1. คือ ครูที่เปิดทาง เปิดโลกทรรศน์ แม้เริ่มต้นที่ไม่ศรัทธา แต่มีสำนึก-ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของความเป็นครู เมื่อตั้งใจศึกษา ปฏิบัติ และเห็นผลออกมาต่อสังคมในทางที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมด้วยสองมือของท่านมีส่วนร่วม ย่อมเพิ่มพูนศรัทธาและปรับความเห็นให้ตรงขึ้นมาได้ สุดท้ายต้องก็ขอชมคุณครูเหล่านี้ว่าเป็นผู้กล้าโดยแท้จริง ที่ออกมากล่าวเปิดใจขอขมากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะท่ามกลางที่ประชุม ยอมรับว่าเข้าใจวัดฯคลาดเคลื่อนมาตลอด และตั้งใจจะนำสิ่งที่ได้ไปพัฒนาฟื้นฟูศีลธรรมโลกให้เป็นรูปธรรมให้สัมฤทธิผล
คำตอบ2. คือ ครูที่ขวางทาง ขวางโลกทรรศน์ตนเอง เอาเวลาประชุมไปทำเรื่องตามใจตน ขาดสำนึก-ความรับผิดชอบในหน้าที่ลึกๆของบุคคลเหล่านี้ Bias คือ
- อิษฉา เพราะปกติมักมองไม่เห็นใครคนอื่นคนใดดีกว่าตนเอง มีทิฏฐิสูง ลองถามคนกลุ่มนี้ว่าวัดพระธรรมกายไม่ดีอย่างไร เคยไปไหม ก็จะตอบอย่างข้างๆคูๆ เพราะไม่เคยไป เพียงได้ยินได้ฟังคนใกล้ชิดที่รู้ไม่จริงบ้าง อ่านจากข่าวบ้างและก็เชื่อการวิเคราะห์ข่าว ด้วยความเป็นนักวิชาการข่าวจึงประมวลความเห็นส่วนตัวด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง มาเป็นตัวตั้งตัวตีประหนึ่งตนเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการสร้างวัดฯ เมื่อถามต้อนเข้าว่าวัดพระธรรมกายไม่ดีตรงไหนเท่าที่สัมผัสมาก็จะตอบไม่ได้ ตอบเพียง...ไม่ผิดหรอก มัน"หมั่นไส้"ว่ะ
- อีกประเภทคือ น้อยใจ เคยมาวัด แต่ยึดติดความคิดทางโลก ระดับนี้ทำไมไม่ต้อนรับตามความคาดหวัง เมื่อไม่ง้อ ก็งอนเกิดเป็นแรงต้านขึ้นมา จึงมักเล่นนอกเกมส์โดยไปปลุกกระแสโน้มน้ามให้ครูท่านอื่นที่มีอัธยาศัยเดียวกับตนมาเป็นแนวร่วมก่อกำแพงทิฏฐิให้หนา ทำให้โครงการให้ชลอตัวลง
อื่นๆ บ้างก็แวบจากการสัมนาออกมา"สูบบุหรี่"ตามริมสระน้ำบ้าง หลบไปสูบตามที่จอดรถบ้างในขณะสัมนา เนื่องจากทางโครงการฯไม่สนับสนุนเรื่องนี้เพราะ "ครูต้องเป็นต้นแบบของศิษย์" ไม่ควรอ้างว่านอกเวลาสอนตนเป็นอิสระ จะทำอะไรตามใจชอบในที่สาธารณะก็ได้ เพราะคำว่า"ครู"นั้นเป็นสถานภาพของจิตวิญญาน ย่อมมีองค์ความรู้พอที่จะตัดสินได้ว่าสิ่งนี้เป็นโทษต่อสุขภาพ
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวนะ ในฐานะที่มีส่วนร่วมในโครงการฯ ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 12:10 PM
คุณ WISH ครับ
ข้อที่ 1 ครูที่เปิดทาง เปิดโลกทรรศน์
ครูย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอครับ คงไม่อยากโลกทรรศน์แคบ ไม่ทันคนไม่ทันเด็กนักเรียน
แต่ถ้าทราบแหล่งความรู้ว่าเป็นแหล่งที่ไม่เหมาะสมแล้วยังเข้าไปรับความรู้นั้นคงไม่เหมาะสม
ข้อที่ 2 ครูที่ขวางทาง ขวางโลก ขาดสำนึก-ความรับผิดชอบในหน้าที่ ย่อมเป็นครูที่เลวทราม
แต่ถ้าครูที่ทำตัวตามน้ำ ตามกระแสที่ผิดๆ อย่างนี้ก็เรียกว่าครูเลวทรามเช่นกันครับ
และถ้ารู้ว่าสิ่งไหนผิดแล้วไม่คิด ขวางทาง ย่อมเป็นคนเลว ไม่รับผิดชอบสังคมเช่นกัน
@@@@ ท่านทั้งหลายครับ สมมุติว่า คนที่ฉ้อโกง พูดโกหกหลอกลวง แล้วมาสอนให้เรา ซื่อสัตย์สุจริต พูดแต่ความจริง มันขัดแย้งกันหรือไม่
ถ้าจะให้ดี สู้หาคนที่ดีมาเป็นผู้สอน ให้ความรู้ กับเราไม่ดีกว่าหรือครับ
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 12:26 PM
อ้อ...ลืมตอบข้อ "ศรัทธา"
ศรัทธา ความหมาย หมายถึง ความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่งมงายไร้เหตุผล เป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา
กรณีนี้ถ้าไม่ศรัทธาเลื่อมใสย่อมไม่สามารถบังคับจริตใจกันได้
ถ้าเป็นไปได้เราคงบังคับให้คนศาสนาอื่นมาร่วมศรัทธาพระพุทธศาสนากันทั้งหมดคงจะดี
หรือ บังคับให้คนเชื่อในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่บิดเบือนจากพระไตรปิฎก
เสรีภาพในการนับถือศาสนา
ตามกฏหมายก็ระบุไว้
ประชาชนจะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมือง
มาตรา 38 บุคคลย่อมมีเสรีภาพสมบรูณ์ ในการนับถือศาสนา นิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติ ตามศาสนบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การใช้เสรีภาพดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง มิให้รัฐกระทำการ ใดๆ อันเป็นการรอนสิทธิ หรือเสียประโยชน์อันควรมี ควรได้ เพราะเหตุที่นับถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในศาสนา หรือปฏิบัติตามศาสนบัญญัติ หรือปฏัติพิธีกรรมตามความเชื่อ แตกต่างจากบุคคลอื่น
...
4.1 เสรีภาพในความเชื่อแบบสิทธิสมบูรณ์หรือเด็ดขาด (Absolute) ซึ่งเป็นเสรีภาพที่อยู่ในใจ บุคคลอื่นจะบังคับให้เชื่อหรือไม่เชื่อไม่ได้ และบุคคลมีเสรีภาพที่จะนับถือ (เชื่อ) หรือไม่นับถือ (เชื่อ) ซึ่งศาสนาก็เป็นเพียงความเชื่อความศรัทธาก็เป็นเพียงความคิดภายในที่ไม่มี การกระทำ การใช้สิทธิเสรีภาพในความเชื่อความศรัทธาดังกล่าวก็จะเป็นการใช้สิทธิและ เสรีภาพในมโนธรรม ซึ่งโดยสภาพแล้วการใช้สิทธิและเสรีภาพ เหล่านี้เป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนรำคาญแก่ผู้ อื่นหรือสังคม จึงเป็นสิทธิและเสรีภาพที่สมบูรณ์ การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เพราะไม่ว่าใครจะเป็นปัจเจกชน หรือรัฐที่มีอำนาจมากมายสักเพียงก็ไม่อาจบังคับสิ่งที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ ได้ เสรีภาพในความเชื่อเหล่านี้ได้แก่
5.3 ห้ามตรวจสอบหรือสอบถามในการรับถือศาสนาหรือความเชื่อ
5.4 ห้ามบังคับให้เข้าร่วมพิธีกรรมหรือการปฏิบัติทางศาสนา นิกาย ลัทธิที่ตนเองไม่เชื่อถือไม่ได้
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 01:18 PM
สงสัยว่า ก่อนจะถึงศรัทธา เราน่าจะกลับมาที่ ทัศนคติ กันก่อนดีกว่านะ จะทำให้การพูดเรื่องศรัทธาได้ง่ายขึ้นนะครับทุกท่าน
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 01:49 PM
อ่านข้อความท่าน จขกท.แล้ว สื่ออะไรได้พอควร
ข้อที่ 1 ครูที่เปิดทาง เปิดโลกทรรศน์
ครูย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอครับ คงไม่อยากโลกทรรศน์แคบ ไม่ทันคนไม่ทันเด็กนักเรียน
แต่ถ้าทราบแหล่งความรู้ว่าเป็นแหล่งที่ไม่เหมาะสมแล้วยังเข้าไปรับความรู้นั้นคงไม่เหมาะสม
ข้อที่ 2 ครูที่ขวางทาง ขวางโลก ขาดสำนึก-ความรับผิดชอบในหน้าที่ ย่อมเป็นครูที่เลวทราม
แต่ถ้าครูที่ทำตัวตามน้ำ ตามกระแสที่ผิดๆ อย่างนี้ก็เรียกว่าครูเลวทรามเช่นกันครับ
และถ้ารู้ว่าสิ่งไหนผิดแล้วไม่คิด ขวางทาง ย่อมเป็นคนเลว ไม่รับผิดชอบสังคมเช่นกัน
เสมือนว่า ท่าน จขกท.โน้มไปทาง การสัมนาเชิงปฏิบัติธรรม นี้ใช้แหล่งความรู้ไม่เหมาะสม...ทางเว็บคงไม่ต้องการคำตอบว่า"อะไรคือแหล่งความรู้ที่ไม่เหมาะสม" เพราะการสนทนาในเว็บบอร์ดนี้ เป็นลักษณะการถามมาตอบไป ทำความเข้าใจ หรือปรับความเห็นกันได้ยาก
ดังนั้นหากท่าน จขกท.อยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ไม่ศรัทธาวัดฯ และต้องมาร่วมในโครงการ มีข้อสงสัยเรื่องที่มาที่ไปในแหล่งความรู้...ขอความกรุณาสอบถามคณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องของโครงการฯ(สพฐ) หรือเข้าไปในเพจโครงการฯนั้นโดยตรง จะเป็นการดีกว่ามาโพสต์ในเว็บบอร์ดนี้
หากแต่ท่าน จขกท พิพากษาตัดสินไปแล้วว่าแหล่งความรู้ว่าเป็นแหล่งที่ไม่เหมาะสม เป็นกระแสที่ผิดๆ ในฐานะผู้ฟังก็ต้องเคารพในความเห็นที่เป็นสิทธิส่วนบุคคลของท่าน เช่นกัน
อนึ่ง ตัวอักษรสีแดง สีน้ำเงิน ใน Quote ล้วนเป็นการนำเสนอของท่าน จขกท เอง ดังนั้นขอท่านโปรดรับผิดชอบในวจีนี้ ในฐานะที่เป็นเจ้าของคำกล่าว หรือ การตีความด้วย
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 04:24 PM
ขอบคุณครับที่แสดงความคิดเห็น
และขอรับผิดชอบกับทุกข้อความที่โพสต์ไป ไม่แต่เพียงบางส่วน ไม่ว่าจะสีน้ำเงิน สีแดง หรือสีดำ
และมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมด ทั้งทางตรง ทางอ้อม และจากสื่อต่าง ๆ จึงไม่คิดเปลี่ยนแปลงข้องความที่โพสต์ครับ
โพสต์เมื่อ 18 July 2013 - 06:55 PM
ขอปิดท้ายด้วยการชี้แจงทำความเข้าใจ สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านนะครับ
การจัดกิจกรรมต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าในสถานที่ก็ดี นอกสถานที่ก็ดี ไม่เคยมีการใช้สิทธิอำนาจใดๆ บังคับให้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม เข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เต็มใจ โดยเด็ดขาด
เพราะวัดพระธรรมกายเป็นเพียงสื่อกลางในการจัดกิจกรรมต่างๆ เท่านั้น ถ้าผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านไม่มีความสะดวกใจในการร่วมกิจกรรม กรุณาติดต่อหน่วยงานที่คัดเลือกท่าน ในการให้ท่านได้เข้าร่วมกิจกรรม จะได้เหตุผลและความเข้าใจตรงกับสิ่งที่ท่านไม่สะดวกใจมากที่สุดครับ
โพสต์เมื่อ 23 July 2013 - 09:16 AM
คุณโชคดีแล้ว ถามได้ ถามมาเลยคับ
แก้ไขโดย ทัพพีในหม้อ 23 July 2013 - 09:39 AM
แก้ไขข้อความให้เหมาะสมกับการพูดคุยด้วยธรรมะ
