มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[สันโดษ]

เจดีย์ที่อยู่หลังธรรมกายเจดีย์เป็นอะไรคนับใช่นั่งธรรมกายขั้นสูงไช่ไม๊ครับเห็นมีต้นไม้เยอะดีเย้นด้วย

เอาใจไปว่างก๊สงบเย็นดี

-ตามสถานปฏิบัติธรรมพี่ได้กลิ่นคนไมีครับเกือบอ๊วกยิ่งไม่ได้ปฎิบัติิ่งอยากอ๊วกแต่ก่อนก๊ไม่เป็นอะครับหลังจากบวชและปฏิบัติธรรมมาระยะหนึ่งรู้สึกคนทำไมมันเหน๊นจังน่าเบื่อมากพี่เป๊นกันไม๊ครับ

[ทัพพีในหม้อ]

ก่อนอื่น  เรียบเรียงการใช้ภาษาให้สะอาดก่อนดีไหมครับ  ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการตั้งกระทู้นะครับ  ค่อยๆ พิมพ์  ค่อยๆ  แสดงความคิดเห็น  ผู้ที่เข้ามาตอบจะได้เข้าใจได้ง่าย  และตอบได้ตรงกับคำถามของเราครับ

 

อาคารที่ท่านกล่าวถึงนั้น  คือ  อาคาร ๖๐ ปีฯ  จะเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมเพื่อการศึกษาวิชชาธรรมกายเพียงอย่างเดียว  สำหรับผู้ที่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมที่พ้นระดับนักเรียนอนุบาลอย่างพวกเราไปแล้ว  คือ  สามารถประคองนิมิตรองค์พระธรรมกายได้  ชัด  ใส  สว่าง  ติดแน่นตลอดเวลา  ไม่เลือนหาย  ทั้งหลับตาและลืมตา  ไม่อนุญาติให้คนอื่นเข้าไปยุ่มย่ามรบกวนโดยเด็ดขาด   เพราะจะเป็นการรบกวน  ซึ่งจริงๆ ผู้ปฏิบัติธรรมท่านก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะไปรบกวนหรอกครับ  แต่ท่านเกรงจะกลายเป็นวิบากกรรมใหม่กับตัวเรามากกว่า  แถมยังเป็นวิบากกรรมใหญ่ด้วย  เพราะมีแต่ผู้มีศีล  ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  และกำลังปฏิบัติธรรมเพื่อมรรค  ผล  นิพพานทั้งนั้น  การรบกวนเพียงนิดเดียวก็เฉียดอบายแล้ว

 

ที่ต้นไม้เยอะ  เพราะใช้ช่วยในการปรับสภาพอากาศให้ร่มเย็น  สดชื่น กรองฝุ่นและช่วยกรองเสียงรบกวนจากภายนอกให้ลดน้อยลงด้วย

 

...................................................................................

 

การเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ดี  ต้องหัดเป็นคนอยู่ง่าย  กินง่าย  ไม่ทำตัวจุกจิกจู้จี้ในเรื่องไม่ชอบใจต่างๆ  จะทำให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่าย  เพราะการปล่อยวางเรื่องรอบตัว  ไม่ไปฟุ้งซ่านกับเรื่องราวรอบๆ ตัว  จะทำให้ใจหยุด  ใจรวมที่ศูนย์กลางกายได้ง่าย  หัดพิจารณาเรื่องๆ ต่างๆ ให้เป็นธรรม  คือ  นำมาสั่งสอนตอนเองได้  หรือปล่อยวางออกไปจากตัวได้ครับ

[ดินสอแห่งธรรม]

....เคยได้ยินมาบ้างว่า บางท่านพอมีบุญมากขึ้น ใจและกายละเอียดขึ้น จะได้กลิ่นอสุภะของมนุษย์ จริงๆแล้วเรื่องนี้ พระผู้ปฏิบัติก็เคยเอ่ยไว้ในวัดป่าต่างๆเหมือนกันนะครับ เป็นความละเอียดที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิในระดับที่ละเอียดมากพอจะได้กลิ่นที่มนุษย์ทั่วๆไป แยกแยะไม่ออก คือ ปกติของมนุษย์นั้นมีกายที่เหม็นด้วยปฏิกูลอยู่แล้ว แต่ก็เอาของหอม แป้ง ฯลฯ มาปะพรมจนจมูกของมนุษย์ทั่วๆไปได้กลิ่นว่าหอม...

 

...แต่หากมีสมาธิที่ละเอียดขึ้นนั้น จะได้กลิ่นที่ผ่านเครื่องปะพรมนั้นไปได้ จนไม่ได้กลิ่นหอม แต่ได้กลิ่นกายที่แท้จริงของมนุษย์  สิ่งนี้เป็นสิ่งที่่ผู้หมายจะปฏิบัติตนให้พ้นจาก กาม แสวงหามานักต่อนัก เพราะแม้เจอความสวย ความงาม แต่กลิ่นที่แท้จริงก็จะทำให้ไม่มีอารมณ์ในกามตัณหาเลย แม้สวยแค่ไหนก็เหม็นอยู่ตลอด...

 

...นี้ก็เป็นเหตุที่เคยมีบันทึกไว้น่ะครับ ดังนั้นหากคุณรู้สึกดีกับธรรมชาติแล้ว ก็ไม่เป็นไร ก็ให้ทำต่อไป ถือว่า ยังไม่เป็นเรื่องผิดปกตินะครับ ซึ่งอาจจะดีกับตัวคุณต่อไปก็ได้ และหากพึงพอใจในการบวชแล้ว ก็ควรเลือกทางนี้ต่อไป  เพราะหากผู้ใดที่คุ้นคุยกับการปลีกวิเวกหรือแสวงหาโมกขธรรมแล้ว แม้พยายามอยู่เหมือนชาวโลก ชาวเมืองทั่วๆไป ก็ย่อมจะไม่รู้สึกพึงพอใจ จะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เส้นทางของเรา .. และการบวช จะเป็นสิ่งที่เป็นคำตอบสุดท้ายเมื่อโอกาสนั้นมาถึงนั่นเอง...

[WISH]

ที่นี่หอมไปด้วยกลิ่นศีล หอมทวนลม หอมทุกเวลา