เป็นคำถามที่สำคัญมากๆครับ... หากเรายังไม่มั่นใจว่าเราจะนิพพานได้ในชาตินี้หรือเปล่า เพราะยังไม่เห็นกิเลสเลย ยังโลภ ยังโกรธ ยังไม่รู้แจ้งอะไรอีกต้้งมากมาย จึงเป็นที่รับประกันได้อย่างแน่นอนครับว่าเราจะ "ต้องเวียนตายและเกิดไปเรื่อยๆ"
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งครับว่า เราจะวางแผนชีวิตเอาไว้อย่างไรดีตั้งแต่วันนี้เพื่อที่ว่าพอเราเกิดมาอีกครั้ง เราจะก้าวเดินอยู่บนเส้นทางธรรมได้ตลอดไปทุกภพชาติ ผมขอแสดงความเห็นกว้างๆ เป็นหลักการนะครับ ตามที่ผมเข้าใจดังนี้
๑.ในชาตินี้เราต้องศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรมให้ลึกซึ้ง ให้มากๆ (แนะนำฟังหรืออ่าน case study ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งหมด) จะได้รู้ถึงเหตุและผล(ของการกระทำแต่ละอย่างได้ลึกซึ้ง เช่นแม้ไม่มีเจตนา ผลกรรมที่ส่งผลก็เกิดแบบไม่มีเจตนาเช่นเดียวกัน )
๒.ให้พยายามทำบุญทุกรูปแบบให้มากและถี่ที่สุด(ให้ศึกษากุศลกรรมบถ๑๐ให้ละเอียด แนะนำเพิ่มเติมให้หาซื้อหนังสือ "ทำดี ๒๔ ชั่วโมง" ของ ณัฐพบธรรม มาอ่านเพื่อย่นระยะเวลาในการศึกษาและค้นคว้าเรื่องนี้ด้วยตัวเองครับ)
๓.ให้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ คำอธิษฐานจิต จากบทอธิษฐานจิตของที่วัดเรา หรือ คำอธิษฐานจิตประจำวัน ของที่วัดเรา ว่าแต่ละประโยคที่คัดเลือกมาอธิษฐานถ้าเกิดขึ้นกับเราจริงๆในทุกภพชาติจะส่งผลอย่างไรบ้าง มีคุณูปการมากมายต่อเราเพียงใด... (เป็นการเพิ่มความศรัทธาของเราที่มีต่อครูบาอาจารย์ที่เป็นต้นแบบในการอธิษฐานจิตอีกทางหนึ่ง)
๔.ให้ฝากทั้งกายและใจเป็นลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ที่เราคิดว่า ยอดเยี่ยมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด มีปัญญาที่สุด มีบารมีมากที่สุด และมีเป้าหมายเพื่อการสร้างบุญสร้างบารมีชัดเจนที่สุด..เท่าที่เราจะประเมินได้ และพยายามศึกษาและปฏิบัติธรรมทุกอย่างตามที่ท่านเมตตาแนะนำสั่งสอน... เรื่องนี้สำคัญมากๆไม่แพ้ข้ออื่น เพราะมีบางท่านเห็นว่า ลำพังเพียงหนังสือธรรมะ, พระไตรปิฎก หรือแม้แต่ google น่าจะเพียงพอแล้วกับการค้นคว้าศึกษาธรรมะด้วยตัวเอง แต่อย่าลืมนะครับว่า การที่เราศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรมในข้อ ๑ มามากเราจะพบว่า คนที่เป็นครูบาอาจารย์กันมาก่อนในอดีตชาติ (ดูตัวอย่างชาดกแต่ละเรื่อง) ก็จะเป็นครูบาอาจารย์กันต่อๆไปในภพชาติเบื้องหน้าด้วย แม้ผู้ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในพุทธกาลแต่ละองค์ ก็ล้วนแล้วแต่เคยเป็นศิษย์ เป็นบริวารของพระโพธิสัตว์มาก่อนทั้งสิ้นไม่มีเว้นแม้แต่คนเดียว ดังนั้นหากเราคิดจะพึ่งแต่หนังสือ ค้นคว้าธรรมะด้วยตัวเองทั้งชาติ ก็จะเป็นการสร้างผังชีวิตให้ตัวเองต้องศึกษาธรรมด้วยตัวเองทุกชาติเช่นเดียวกัน แล้วคิดดูนะครับว่าหากเราพลาดเกิดมาในยุคที่ไม่มีหนังสือ ไม่มีอินเตอร์เน็ต แล้วเราจะมีครูบาอาจารย์ท่านใหนมาสั่งสอนธรรมให้แก่เราได้เพราะ เราไม่เคยเชื่อมสายบุญกับครูบาอาจารย์ท่านใดมาก่อนเลยในอดีต...
๕.ข้อนี้เป็นเทคนิคที่ประยุกต์จากความเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมในข้อ ๑ นะครับ พยายามทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย ทุุกอาชีพการงาน ทุกเวลา ทุกโอกาส โดยเฉพาะการทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้แก่เด็กๆ ถ้าเป็นสามเณรได้ยิ่งดีมากๆเพราะอานิสงส์บุญที่เกิดขึ้นจะแรงกว่าการทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้แก่เด็กทั่วๆไป(ให้ทำทั้งหมดนะครับ ไม่ให้เลือกทำกับเฉพาะสามเณร) เพราะนี่เป็นการออกแบบผังชีวิตตัวเองเพื่อที่ว่าเมื่อบุญส่งผล พอเราเกิดมากี่ภพชาติตอนเป็นเด็ก ก็จะมีแต่คนมาสอนธรรมะเรา มาแนะนำเราในทางที่ดีที่ถูกต้อง เพราะผังเราเคยทำอย่างนี้กับเด็กๆมาก่อน... (ถ้าพิมพ์เป็นหนังสือธรรมะได้แจกหรือขายแต่พอดีไม่แพงไปทั่วประเทศยิ่งดีครับเพราะเป็นการสร้างผังชีวิตให้ตัวเองพอบุญนี้ส่งผลในภพชาติต่อๆไปก็จะทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาธรรมะได้ทุกโอกาส ทุกอาชีพอย่างที่กล่าวข้างต้น อย่างไม่มีเงื่อนไข)
๖.ต้องเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ในชาตินี้ครับ.. แล้วทำทุกวิถีทางตามหลักวิชชาที่ถูกต้องเพื่อ "ผูกจิตวิญญาณของตัวเองไว้กับมหาปูชนียาจารย์ " ให้หนาแน่นมั่นคงที่สุด... รับรองว่า ท่านไปไหนเราไปด้วยครับ ไม่พลาดจากครูบาอาจารย์ ไม่พลัดหลงมาเกิดเองแต่ผู้เดียวแน่นอน...