ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

"เด็กที่ไม่มีร่มกาง จึงจะมี ความพยายามที่จะวิ่งฝ่าสายฝน"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 phani

phani
  • Admin_Article_VDO
  • 425 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 18 June 2014 - 02:20 PM

"เด็กที่ไม่มีร่มกาง จึงจะมี
 ความพยายามที่จะวิ่งฝ่าสายฝน"
 
แนบไฟล์  l648395217-(1).jpgรารารา.jpg   57.12K   18 ดาวน์โหลด
 
บทความจีนเรื่องหนึ่ง ซึ่งสื่อถึง ความพยายาม ซื่อสัตย์ อดทน ของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ไม่ย่อท้อ ต่อความยากจนที่ติดตัวมา แต่กำเนิด ไม่โทษว่า  เป็นความผิดของพ่อแม่ ที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ  ให้ 
 
ในทางกลับกัน เขากลับขอบคุณ พ่อแม่ที่มอบ “ขา 1 คู่” ที่แข็งแรง  เพราะเกิดในชนบทห่างไกลความเจริญ 
 
ตอนที่พ่อเขานั่งถอนหายใจ เฮือกใหญ่ ยื่นมืออันสั่นเทา 
ส่งเงิน 4,533 หยวน ที่ไป หยิบยืมมาจากทุกสารทิศ ให้กับเขา เขาเข้าใจดีว่า  หลังจ่ายค่าเล่าเรียนและ ค่าธรรมเนียมในภาคการศึกษานั้น  เป็นเงิน 4,100 หยวนแล้ว  เขาจะเหลือเงินเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และจิปาถะเพียง 433 หยวน  เขาก็รู้ซึ้งแก่ใจดีว่า พ่อของเขาได้ พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว  คงไม่สามารถให้เขามากไปกว่านี้ได้
 
"พ่อครับ พ่อไม่ต้องห่วงลูกชาย ของพ่อนะ ลูกยังมี 2 แขนและ 2 ขา ดีอยู่"
 
เขายิ้มสู้กับความขมขื่น และ ยิ้มปลอบใจพ่อ หันตัวออก และเดินไปตามทางภูเขา ที่โค้งไปมา 
 
ขณะที่เขาหันตัวออกนั้น น้ำตาเขา ก็ไหลออกมา
 
เขาสวมใส่รองเท้าพลาสติก กึ่งใหม่ เดินตามทางบนเขาไกล ถึง 120 ลี้ 
 
เมื่อถึงมหาวิทยาลัย หลังจาก ชำระค่าเล่าเรียนแล้ว เขาเหลือ เงินในมือเพียง 365 หยวน  เวลา 5 เดือนกับเงิน 300 กว่าหยวน จะอยู่ได้อย่างไร
 
หันมองไปดูนักศึกษาอื่นรอบข้าง  ที่มีเครื่อง MP3 คล้องคอ  สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม  เดินไปมา และยิ้มทักทายกัน อย่างรวดเร็ว 
 
พูดถึงอาหาร เขาจะกินเพียง แค่ 2 มื้อ และแต่ละมื้อต้อง ไม่ให้เกิน 2 หยวน นี่คือสิ่งที่เขา ตั้งใจจะทำเพื่อให้มีรายจ่าย น้อยที่สุด มิฉะนั้นแล้ว เขาจะไม่ สามารถอยู่รอดจนถึงวันสุดท้าย ของภาคการศึกษานี้ได้
 
คิดไปคิดมา 
 
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจ อย่างห้าวหาญ ซื้อโทรศัพท์มือถือ มือสองมา 1 เครื่องด้วยเงิน 150 หยวน 
 
ในวันต่อมา บอร์ดที่โฟสต์ ข้อความต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย นั้น ทุกๆกระดานจะมีแผ่นกระดาษ ใบเล็ก ๆ เขียนข้อความด้วยลายมือ ติดไว้ว่า 
 
“คุณต้องการให้ช่วยบริการอะไร ไหม? 
 
หากคุณไม่ต้องการไปซื้ออาหารเอง  ต้มน้ำดื่มเอง จ่ายค่าโทรศัพท์เอง  ฯลฯ 
 
ขอให้ติดต่อข้าพเจ้าที่เบอร์..... คุณจะได้รับการบริการในเวลา อันรวดเร็วที่สุด 
 
ค่าบริการภายในมหา’ลัย ครั้งละ 1 หยวน  นอกมหา’ลัยภายในรัศมี ไม่เกิน 1กิโลเมตรคิดค่าบริการ ครั้งละ 2 หยวน”
 
เมื่อได้ติดแผ่นโฆษณาลงบนกระดาน ต่าง ๆ แล้ว เบอร์โทรของเขา  กลายเป็นหมายเลขที่ “hot” ที่สุด ขึ้นมาทันที 
 
เริ่มด้วยรุ่นพี่ปี 4 คณะศิลปกรรม ศาสตร์เป็นคนแรก ที่โทรเข้ามา บอกว่า 
 
“ฉันเป็นคนขี้เกียจ ตอนเช้า ไม่อยากตื่นมาซื้ออาหาร  เรื่องนี้ ก็รบกวนคุณแล้วกัน”
 “ได้เลยครับ! 
 
ทุกวันเวลา 7 โมงเช้า  ฉันจะไปส่งอาหาร ถึงห้อง(หอพัก)คุณ” 
 
พูดจบเขาก็ลงบันทึกรายการแรก ของธุรกิจอย่างตื่นเต้น 
 
ก็มีเพื่อนนิสิตอีกคนส่งข้อความ มาว่า 
 
“ไม่ทราบว่าจะไปซื้อรองเท้าแตะ ให้คู่หนึ่งได้ไหม? 
 
ส่งมาที่ห้องหมายเลข 504 รองเท้าเบอร์ 41เอาที่กัน กลิ่นอับได้ด้วยนะ”
 
เขาเป็นเด็กฉลาด เข้ามาเรียน ได้ไม่นาน ก็พบปรากฎการณ์ ที่น่าสนใจ นั่นคือในรั้วมหาวิทยาลัย แห่งนี้ โดยเฉพาะนิสิตปี 3และปี 4 ใช้ห้องพักเป็น ”ที่ซุกอาศัย” เขาให้นิยาม ”ที่ซุกเอาศัย” ว่า  คือกลุ่มเด็กที่มีฐานะทางครอบครัว ดีหน่อย จะซุกอยู่แต่ในห้องพัก ทั้งวัน ทั้งคืน ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ  เล่นเกมคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่ง อาหารการกิน ก็ไม่ยอมออก ลงไปซื้อที่ด้านล่าง
 
ในขณะที่เขาเติบโตมาจากบนดอย  ผ่านการเดินบนทางภูเขาที่ขรุขระ และลาดชัน ทำให้เขามีขา ที่เดิน ได้รวดเร็ว การขึ้นบันไดไปชั้น 5 
ชั้น 6 นั้น สำหรับเขา  แค่กระพริบตาก็ถึงแล้ว
 
ในบ่ายวันเดียวกัน มีนิสิตคนหนึ่ง โทรมา ขอให้เขาไปซื้ออาหาร จานด่วนนอกสถาบัน ซึ่งขายใน ราคามาตรฐานที่ 15 หยวนต่อจาน  พอวางสายปั๊บ เขาก็บึ่งไปอย่าง รวดเร็วปานลมหมุน รวมเวลา ที่ไปและกลับมาส่งถึงมือคนสั่ง  ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
 
นี่ก็เร็วเกินไปหน่อยกระมัง! 
 
นิสิตคนนั้นรู้สึกทึ่ง และรีบส่งเงิน ให้ 20 หยวน เขาทอนเงินคืน 3 หยวน โดยให้เหตุผลว่า 
 
เขาบอกแล้วว่า ค่าบริการนอก สถาบันคิด 2 หยวน 
 
การทำธุรกิจ จากการบริการที่มี ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ ที่ได้รับความไว้วางใจ ทำให้ทุกห้อง ทุกหอ เมื่อมีสิ่งของที่จะซื้อ จะนึกถึง เขาขึ้นมา การมีธุรกิจที่ร้อนฉ่าได้ ขนาดนี้ ต้องถือว่าเกินความคาด หมายของเขาไปอย่างมาก  มีบางครั้งที่เวลาพักจากชั่วโมงเรียน 
เมื่อเปิดดูข้อความในมือถือ  จะพบกับรายการหลากหลาย เกือบทุกชนิด ที่จะไหว้วาน ให้เขาไปทำให้
 
ในบ่ายวันหนึ่ง ฝนตกลงมา อย่างหนัก มีเสียงส่งข้อความ ทางโทรศัพท์ดังเข้ามา  เป็นข้อความจากนิสิตหญิงคนหนึ่ง
แจ้งความจำนงว่า 
 
ต้องการร่ม 1 คัน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี 
 
 
พอเขาได้รับข้อความ เขาก็รีบวิ่ง ลุยฝนออกไป เนื้อตัวที่เปียก มะร่อกมะแร่ก เอาร่มไปส่ง ให้กับนิสิตสาว ทำเอาเธอประทับใจ อย่างสุดซึ้ง ถึงกับโอบกอดเขาไว้  นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้รับการโอบกอด จากสาว เขาได้แต่กล่าวคำขอบคุณ และไม่สามารถหยุดการไหล
ของน้ำตาได้ ….
 
พร้อมกับการเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆ  มากขึ้น ธุรกิจของเขาก็ยิ่งโตวัน โตคืน 
 
เวลาผ่านไปไวเหมือนพริบตา  จากการที่เขาวิ่งส่งงานบริการ  ภาคการศึกษาที่หนึ่งก็ได้สิ้นสุด ลงแล้ว เขาได้กลับบ้านไป ในช่วงฤดูหนาว 
 
ที่บ้าน พ่อเฒ่ายังคงวิตกกังวล เรื่องค่าใช้จ่าย ในการศึกษา ถัดไปของเขาอยู่ เขาเอาเงิน 1,000 หยวนออกมา ยัดเยียด ใส่มือพ่อ และพูดว่า 
 
“พ่อครับ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้ ให้บ้านที่มีฐานะกับผม แต่พ่อ ได้ให้ขาคู่ที่สามารถวิ่งได้ดีมาก  ด้วยสองขาที่พ่อให้มานี้ ผมสามารถ 
‘วิ่ง' จนจบมหาวิทยาลัยและ จะมีชื่อเสียงได้ครับ”
 
ปีการศึกษาต่อมา เขาไม่ได้ทำงาน คนเดียวอีกต่อไป เขารับเพื่อน ร่วมงานที่มาจากครอบครัวที่มี ฐานะไม่ค่อยดี มาช่วยให้บริการ ทั้งในมหาวิทยาลัยและนอก มหาวิทยาลัย การให้บริการ ที่ขยายวงออกไป ทำให้ค่อย ๆ  วิ่งไป วิ่งไป วิ่งไปไม่หยุดยั้ง  เขากำลังวิ่งไปสู่ทางสำเร็จ 
 
เขาให้นิยาม “กระปุกทอง”ของเขาไว้ที่ 5 แสนหยวน  ซึ่งชื่อจริงของเขาคือ  นายเจียหนัน  แซ่เฮอ จาก ตำบลเนินเขาห่างไกล
 
ชื่อ Daxinanling ตรงเข้า สู่วิทยาลัยครูประจำจังหวัด 
 
ปัจจุบัน นอกจากเป็นนิสิตปี 3 แล้ว ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายใน มหาวิทยาลัย แต่เขาก็ยังเป็น ชายหนุ่มคนเดิม ที่เรียบง่าย  ทำงานหนักอย่างการรับต้มน้ำ 1 กา และนำส่งให้ลูกค้า ในเวลาอันรวดเร็วปานลม  เพื่อให้ได้เงินค่าจ้าง 1 หยวน เช่นเดิม 
 
หากเป็นคุณ คุณจะจัดการ กับเรื่องนี้อย่างไร? จะเป็นเหมือนตัวเอกในเรื่อง  หรือจะโทษความยากจน ว่าเป็นความผิดของพ่อแม่ ผู้ปกครองกับสังคมไหมนะ?
 
 SuperSun- Special 
 Sep 6, 2013