เลยขอรวมกระทู้ของคุณนักเรียนอนุบาล sai-sai เมื่อ March 2009 มาแบ่งบันอีกครั้งนะครับ
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับนักเรียนอนุบาล sai-sai ด้วยนะครับ
เห็นว่าเป็นประโยชน์ในช่วงโครงการสร้างโลกสดใสด้วยสันติสุขภายใน 24น. จึงนำมาแบ่งบันอีกครั้งครับ
โอวาทหลวงพี่บดินทร์(๑)....ณ อาคารภาวนา
ธรรมทายาท คือ ผู้รับมรดกทางธรรม หรือ ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย เราจะได้ชื่อว่าเป็นธรรมทายาทที่สมบูรณ์
อันตรายมากคือ “ลุ้น” เป็นศัตรูทางใจ ที่ทำให้ประสบการณ์ไม่ก้าวหน้า
วิธีแก้ลุ้น ต้อง “หยุด นิ่ง เฉย ๆ ไ เห็นอะไรก็ดูไปเรื่อย ๆ ดูธรรมดา ๆ เหมือนดูก้อนอิฐก้อนหิน
เรานั่งทำใจสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้น นี่ก็ได้บุญแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะช้า ลุ้นช่วยอะไรไม่ได้
“หยุด นิ่ง เฉย” อย่างเดียว ต้องใช้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ไม่เห็นอะไรเลยจนกระทั่งเห็นธรรมภายใน
ยามใดที่ใจเราบริสุทธิ์ อารมณ์สบาย จิตใจละเอียดอ่อน การเห็นภาพภายในเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อย่าสงสัยว่า “ใช่ หรือไม่ใช่” “เราเห็นจริงหรือเรานึกเอาเอง”
ให้ข้ามความสงสัยไปเสีย อย่าตั้งคำถาม สร้างปัญหาให้ตัวเอง
เพราะจะทำให้จิตหยาบ เดี๋ยวภาพที่เห็นอยู่หายไป ภพที่เห็นภายในกลางกาย จะชัดหรือไม่ชัดก็ตาม
นั่นคือ “ภาพที่เห็นได้จริง ๆ “ ถ้าเราหยุดนิ่งมาก เดี๋ยวก็ชัดเจนมาก
ภาพที่เห็นจะสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ จน ชัด ใส สว่าง เองจริง ๆ
ยามใดที่เราฟุ้งซ่าน อย่าโมโห หรือรำคาญตัวเอง เป็นคนต้องคิดอยู่แล้ว
เพราะความคิดเป็นกระบวนการหนึ่งของใจ ฟุ้งได้ฟุ้งไป อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ ดูเรื่องราวนั้นผ่านไปเรื่อย ๆ
เหมือนมองนกที่บินผ่านไป บางครั้งเป็นฟุ้งหยาบ คิดเรื่อยเปื่อย ไร้สาระ
หักห้ามมันไม่ได้ ก็ปล่อยมันผ่านไปเฉย ๆ บางครั้งเป็นฟุ้งละเอียด อยากให้มันหยุด
อยากให้เห็นนั่น เห็นนี่ เป็นความฟุ้งภายในขณะทำสมาธิ แม้จิตจะอยู่ภายใน แต่ก็ยังไม่ละเอียดเต็มที่
ยังกระเพื่อมอยู่ ให้ “ดูเฉย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น” ทำจิตให้บริสุทธิ์อย่างเดียว ไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น
อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า มั่นหมายอะไร “ เราไม่มั่นหมาย แต่มีเป้าหมาย” ว่า
“หยุด นิ่ง เข้าสู่ภายในอย่างเดียว” ขอให้ทำใจเฉย ๆ ไม่ใส่ใจ ไม่ไปไล่มัน
อย่าต่อต้านเดี่ยวเครียด ให้ปล่อยผ่านไปอย่างสบาย ๆ ถ้าเราปล่อยวาง จะเบาสบาย ถ้าเบาสบายใจจะหยุด
ถ้าหยุดจึงจะเห็นชัด !
ถ้าไม่ปล่อยวาง จะไม่เบาสบาย
ถ้าไม่เบาสบาย ใจจะไม่หยุด
ถ้าไม่หยุดจะเห็นไม่ชัดเด็ดขาด !
นั่งแล้วหลับ แสดงว่าเราเผลอสติ ย่อหย่อนเกินไป
ไม่เป็นไร หลับยังดีกว่าฟุ้ง ปล่อยหลับไปเลยถ้าไม่ไหว
ไม่ต้องไปฝืน พอตื่นขึ้นมา ให้ทำความรู้สึกเบา ๆ
ตรงกลางกาย ให้มีสติเบา ๆ เดี๋ยวจิตจะละเอียดอ่อน
เห็นดวงธรรม องค์พระภายในไดเหมือนกัน
เพราะสภาพใจที่เพิ่งตื่น จิตจะบริสุทธิ์ อารมณ์แจ่มใส
อารมณ์สบาย สิ่งที่เห็นในสภาวะนี้คือ ของจริง
หลวงพ่อวัดปากน้ำสอน คนฉลาดทำทาน ต้องถวายให้เป็นกลางแก่สงฆ์จึงจะได้บุญมาก
เวลามีญาติโยมเอาของมาถวาย ให้เราถวายเป็นของกลางแก่สงฆ์
นอกจากเราจะได้ใช้ประโยชน์แล้ว เรายังได้บุญอีกด้วย นี่เขาเรียกว่า ฉลาดในการทำทาน
ได้บุญมากกว่าถวายเจาะจงบุคคล ถ้าโยมมาถวายปัจจัย เราก็ไม่ปฏิเสธ
ได้มาเราก็มาเอาบุญ สร้างทานบารมีของเรา พระเณรวัดพระธรรมกาย
รักและขวนขวายในการทำบุญเป็นพิเศษ อาจจะไม่ค่อยเหมือนที่อื่น
เรามีทรัพย์ เราไม่ตระหนี่ ยิ่งมีมากเรายิ่งให้มาก เพราะทรัพย์เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมี
เราอยู่วัด ทุกอย่างพร้อม อาหารการกินที่อยู่อาศัย ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลย เงินมีก็ทำบุญอย่างเดียว
“ เราไม่สั่งสมเงิน แต่เราสั่งสมบุญ ”
การใช้ของกองกลาง ให้นำออกมาใช้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
เราอยู่อย่างธรรมิกสังคม หรือ สังคมในอุดมคติ มีการแบ่งปันกัน ไม่กักตุนหรือสะสม
บุญเป็นอสงไขยอปปมานง การให้ทานที่ได้บุญมาก เป็นมหาทานบารมี
เราต้องให้ในขณะที่ใจหยุดนิ่ง ยิ่งถ้าเห็นองค์พระชัดใสสว่าง ให้ทานแล้วมีอานุภาพมาก
ปรารถนาอะไรจะสำเร็จได้โดยง่ายดาย ถ้าเราทำจิตให้บริสุทธิ์ เราจะเป็นเจ้าของสมบัติทั้งมวลได้โดยไม่ยาก
คนที่ร่ำรวยที่สุด คือ คนที่บริสุทธิ์ที่สุด เขาสามารถใช้สมบัติได้ทั้งโลก
เพราะความบริสุทธิ์จะดึงดูดสมบัติเข้ามาหาเอง โดยไม่ต้องลำบากออกไปหาสมบัติ
“ศีลบารมี” รักษาให้ดีอย่ามีมลทิน อย่าให้ตัวเองติเตียนตัวเองได้
หลวงพ่อวัดปากน้ำบอก “เจตนา คือ ศีล” ศีลเริ่มจากใจออกมาจากวาจา และการกระทำ
ถ้าคิดดี พูดก็ดี ทำก็ดี “ดีชั่วอยู่ที่ใจ บาปอยู่ที่ใจ” ดังนั้นให้ระวังให้ดี เราจะรักษาศีลในระดับที่เป็นสุขใจ
ไม่เคร่งเครียดซีเรียส “เคร่งครัดแต่ไม่เคร่งเครียด” แต่ถ้าใจเราอยู่ในกลางอย่างสบาย ๆ
เราจะเกิดสมณะสัญญา ศีลจะบริสุทธิ์เองไม่ต้องเกร็ง เมื่อใจอยู่กลางจนเห็นเป็นดวงใส
เห็นศีลเป็นดวงใส เมื่อนั้นชื่อว่า “ศีลบริสุทธิ์จริง” ให้เรารักษาศีลยิ่งชีวิต
เหมือนแม่ชีวัดปากน้ำป่วย หมอให้กินน้ำต้นเนื้อตอนเย็น ไม่ยอมกินบอกว่า “ถ้าหลวงพ่อวัดปากน้ำอนุญาตก็จะกิน”
หลวงพ่อท่านบอก “ตายเป็นตายอย่ากิน” พออดทนได้ไม่ยอมกิน ปรากฏว่าโรคที่เป็นอยู่หายเลย
เป็นแต่ชาตินี้หายแล้วไม่เป็นอีกเลย ศีลถ้ารักษากันจริง ๆ แล้วมีอานุภาพมาก
“ ถ้าเรารักษาศีล ศีลก็จะรักษาเรา”
484228_376811539072194_438238334_n.jpg 17.71K 17 ดาวน์โหลด
โอวาทหลวงพี่บดินทร์(๕)....ณ อาคารภาวนา
พระอานนท์เคารพพระพุทธเจ้ามาก เวลาเดินผ่านสิ่งของเครื่องใช้ของพระพุทธองค์
ยังแสดงความเคารพอ่อนน้อม แม้ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วก็ตาม
พระสารีบุตร ก่อนนอนจะหันศรีษะไปทางพระอัสสชิ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อผู้ให้กำเนิดทางธรรม
เมื่อรู้ว่าพระอัสสชิอยู่ทิศทางใด ก็จะหันศรีษะไปทิศทางนั้น หลวงพ่อทัตตชีโว เคารพหลวงพ่อธมมชโย
ยอมให้หลวงพ่อธมมชโยนอนบนเตียง ส่วนตนเองนอนข้างล่าง ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เป็นรุ่นพี่
แต่เนื่องด้วยเคารพในคุณธรรม “บัณฑิต เคารพกันที่คุณธรรม” อายุไม่สำคัญ คุณธรรมสำคัญกว่า
ใครมีธรรมกาย เราต้องให้ความเคารพนับถือ อย่าได้ล่วงเกินเด็ดขาด
แม้ผู้นั้นจะเป็นเด็กอายุน้อยกว่าเราก็ตาม เราต้องนับถือกัน ตามคุณธรรมภายใน
อนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าถึง ธรรมกายพระโสดา ลูกสาวเข้าถึง ธรรมกายพระสกินทาคามี
ลูกสาวเรียกพ่อว่า “น้องชาย” พระพุทธเจ้าตรัส “ไม่ผิดหรอก เพราะมีธรรมะภายในเหนือกว่า”
ความเคารพเป็นบ่อเกิดแห่งคุณธรรมภายใน เป็นทางไหลมาแห่งปัญญา
ความเคารพ อยู่ในโอวาทของครูบาอาจารย์สำคัญมาก จะทำให้ธรรมะเราก้าวหน้า
ต้องว่าไงว่าตามกัน ไม่ตื้อ ไม่มากด้วยทิฐิมานะ ว่าง่ายเข้าไว้แล้วจะดี หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอน
“ ศิษย์ที่ดีต้องว่าง่าย ให้อาจารย์เบาใจ” ถ้าได้ศิษย์ดื้อ อาจารย์ก็หนักใจ เหนื่อย
เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา การนั่งธรรมะ ต้องเป็นคนว่าง่ายถึงจะดี
ใจที่ง่าย ๆ อินโนเซนท์จะเข้าถึงธรรมง่าย เห็นธรรมะอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ ถ้าเห็นยากซีเรียส
นั่นไม่ถูกแล้วแสดงว่า “เค้นภาพ” ธรรมะต้องง่าย ๆ สบาย ๆ ใจเย็น ๆ
“เห็นอย่างง่าย ๆ … ต้องยึดหลักนี้ !” ยามใดที่เราเห็นยาก เห็นแบบต้องพยายาม
เห็นแล้วไม่สบายใจ ตึงเครียด ปวดหัวตา สู้อยู่เฉย ๆ ดีกว่า อย่าด่วนรีบให้เห็นภาพ
ให้อารมณ์สบายกว่านี้ก่อนแล้วค่อยทำ อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หมายความว่าช้า
เฉย ๆ เดี๋ยวใจจะละเอียด แล้วจะเห็นภาพอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ
เฉย ๆ ประสบการณ์จึงจะก้าวหน้า
เฉย ๆ จึงจะละเอียด
เฉย ๆ จึงจะหยุดได้สมบูรณ์
รักธรรมะใหม่ ๆ แค่เพียงอยากเข้าถึงธรรมกาย
รักมากขึ้น.. อออยากจะศึกษาวิชชาธรรมกาย
รักมากที่สุด… อยากไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม
รักจริงแท้ ใจต้องไม่คลาดจากศูนย์กลางกายเลย
อย่างนี้เรียกว่า “รักธรรมะจริง”
ชีวิตนักบวช เราไปรักคนอื่นไม่ได้
เราควรรักธรรมะยิ่งสิ่งอื่นใด
“สละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
แต่พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม”
รักแค่ชีวิตหรือรักยิ่งชีวิต
รักคนอื่นอาจผิดหวังได้ แต่รักธรรมะไม่มีผิดหวัง
พระบรรพต ลิขิตารก?โข
พระเกื้อกูล สุภนน?โท
พระชัยยันต์ คุณชโย
พระชัยสิทธิ์ อริยวํโส
ให้แตะเบา ๆ …แตะไม่ใช่จิ้ม ! แตะเบา ๆ เหมือนวางขนนกลงบนผิวน้ำ
ถ้าแตะแล้วรู้สึกแคบลง ๆ นั่นแสดงว่า “กด” แล้วไม่เบา ถ้าเบาต้องขยายไม่แคบ
วางไว้ตรงไหนสบายที่สุด ให้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น… ที่เดิม ที่เดียว ไม่ต้องย้ายหรือควานหาใหม่
การวางใจให้เป็น เป็นหัวใจของการเข้าถึงธรรม “ถ้าวางใจเป็นจะเห็นภาพภายใน”
ถ้าวางหนัก กดจิต ผลที่เกิดคือ ความเครียด ให้คลี่คลายอย่างสบาย ๆ เดี๋ยวจะเห็นภาพ
ไม่เห็นไม่เป็นไร เราแค่สบายใจก็พอแล้ว ทำใจให้เป็นกลาง ๆ ไม่ยินดียินร้าย เห็นก็ช่างไม่เห็นก็ช่าง
ถ้านั่งแล้วสบายใจได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในเบื้องต้นแล้ว
ถ้าหากเราทำใจ ให้อยู่กับความสว่างได้ ทั้งวันทั้งคืน ใจเราจะบริสุทธิ์ ละเอียดอ่อน
“ความใสคู่กับความละเอียด” ความคิดที่ไม่ดีทั้งหลายจะหายไปจากใจ
ไม่คิดร้ายพยาบาทใคร ไม่ขุ่นมัวกับใคร พอใจใส ๆ ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็สว่าง
ดังนั้นฝึกให้ใจใส ๆ เข้าไว้อย่าให้ใจขุ่นมัว หลวงพ่อบอกว่า “ เมื่อใดใจใสสว่างเมื่อนั้นเป็นฤกษ์ดี
ทำให้เราไม่บรรลุธรรม คือ นิวรณ์ ๕
๑. ชอบตรึกเรื่องกาม แก้โดยเฉย ๆ อย่าไปสนใจมัน อย่าคิดถึงมัน
๒. ชอบตรึกเรื่องพยาบาท เราก็แผ่เมตตาเสีย ใจจะได้โปร่งสบาย
๓. ชอบเผลอหลับ กำหนดนิมิตให้ใสสว่างเข้าไว้ ให้ตื่นอยู่เสมอ
๔. ชอบฟุ้งซ่าน อย่าตามมันไป ให้ปล่อยมันผ่านไปอย่างสบาย ๆ เดี๋ยวก็หายไปเอง
๕. ชอบสงสัย หยุดนิ่งไปเรื่อย ๆ ให้หายสงสัย ! “ถ้าทำใจให้สบาย ๆ หยุด นิ่ง เฉย ไปเรื่อย ๆ
นิวรณ์ทั้ง ๕ ก็จะหมดไปเอง” อารมณ์สบายเป็นหัวใจ
หัดคิด พูด ทำ แต่เรื่องที่ทำให้สบาย หยุด นิ่ง เฉย.. เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน
ต้องมีชั่วโมงหยุดนิ่ง เหมือนนักบินมีชั่วโมงบิน