ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

Something doubt with Birth places of Budhha


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ven_kittiphan

ven_kittiphan
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 February 2006 - 11:15 PM

Dear , all

i will inform you that now i have some thing doubt ..
pls ... let me knon about ....
as following site .. :'(


http://www.life-alon...ddhabirthplace/
http://www.lumkap.or...On Trial.htm#p2



and welcome to my space site ....
http://spaces.msn.com/venkittiphan/


Best Regards ,
Ven. Kittiphan





#2 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 12:07 AM


http://spaces.msn.com/venkittiphan/

ยอดดี เลยครับ

#3 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 09:55 AM

Wow!! Great job jaaw kah!! Sathu!!
http://spaces.msn.com/venkittiphan/
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#4 Trai072

Trai072
  • Members
  • 225 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 10:54 AM

^^~*

ควรใช้ วิจารณญาณ ในการคิดเรื่องนี้นะครับ

ให้เอาคำสอนหลวงพ่อ มาประกอบด้วย

ส่วนตัวแล้วผมอ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ นะครับ

ที่เคยศึกษามา ไม่ใช่แนวคิดนี้เลย ทำไมถึงเกิดแนวคิดแบบนี้ขึ้นมาได้

อย่างไงถ้ามีท่านผู้รู้ก็ช่วยกัน มาแสดงความคิดด้วยนะครับ

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ...

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  04.jpg   317.71K   38 ดาวน์โหลด


#5 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 02:31 PM

ได้อ่านรายงานฉบับนี้อย่างคร่าวๆ แล้ว

โดยส่วนตัว ผมคิดว่าแม้กระทั่ง ศ. ดร. คนเขียนรายงานฉบับนี้ ก็ยังไม่มีความรู้ในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งด้วยซ้ำ

โดยมีวรรคหนึ่ง ในรายงานฉบับดังกล่าวว่า

QUOTE
ไม่มีเรื่องใดเลยในพระพุทธศาสนาที่แสดงความรังเกียจวรรณะศูทรและจัณฑาล เพราะพวกศูทรก็ทำหน้าเป็นคนรับใช้ในบ้าน (นางทาสี) บ้างเป็นชาวนาบ้าง เรื่องต่อไปนี้แสดงว่า ไม่มีความรังเกียจเรื่องวรรณะ

- นางทาสีไปตักน้ำจากบ่อบาดาลมาใส่ตุ่มให้นายใช้ เรื่องของนางทาสีที่หลงรักพระอานนท์ และภายหลังได้บวชและบรรลุเป็นพระอรหันต์


ดังนั้น ผู้เขียนจึงใช้เรื่องนี้เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในการสรุปว่า พระพุทธศาสนา เกิดในสยาม ไม่ใช่อินเดีย

คำแย้ง

เรื่องนี้ ลองหาฟังได้ใน พระอานนท์ พุทธอนุชา แล้วจะพบว่า ตอนแรก นางทาสี ไม่กล้าจะสบตา พระอานนท์ ด้วยซ้ำ แล้วยังปฏิเสธที่จะตักน้ำ ให้กับพระอานนท์ โดยกล่าวว่า เพราะตัวเองเป็นพวกจัณฑาล ไม่สมควรที่จะตักน้ำให้กับพระอานนท์ ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นวรรณะกษัตริย์

QUOTE
ความหนึ่ง ท่านเดินทางจากที่ไกล มาสู่วัดเชตวัน อากาศซึ่งร้อนอบอ้าวในเวลาเที่ยงวันทำให้ท่านมีเหงื่อโทรมกาย และรู้สึกกระหายน้ำ พอดีเดินมาใกล้บ่อน้ำแห่งหนึ่ง เห็นนางทาสีกำลังตักน้ำ ท่านจึงกล่าวขึ้นว่า
"น้องหญิง! อาตมาเดินทางมาจากที่ไกล รู้สึกกระหายน้ำ ถ้าไม่เป็นการรบกวน อาตมาขอบิณฑบาตน้ำจากท่านดื่มพอแก้กระหายด้วยเถิด"
นางทาสีได้ยินเสียงอันสุภาพอ่อนโยน จึงเงยหน้าขึ้นดู นางตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอยออกห่างท่านสองสามก้าวพลางกล่าวว่า
"พระคุณเจ้า! ข้าพเจ้าถวายน้ำแก่ท่านมิได้ดอก ท่านไม่ควรดื่มน้ำจากมืออันต่ำช้าของข้าพเจ้า ท่านเป็นวรรณกษัตริย์ ข้าพเจ้าเป็นเพียงนางทาสี"
"อย่าคิดอย่างนั้นเลย น้องหญิง! อาตมาไม่มีวรรณะแล้ว อาตมาเป็นสมณศากยบุตร อาตมามิได้เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ ไวศยะ สูทร หรือจัณฑาล อย่างใดอย่างหนึ่งเลย อาตมาเป็นมนุษย์เหมือนน้องหญิงนี่แหละ"
"ข้าพเจ้าเกรงแต่จะเป็นมลทินแก่พระคุณ เจ้า และเป็นบาปแก่ข้าพเจ้าที่ถวายน้ำ การที่ท่านจะรับของจากมือของคนต่างวรรณะ และโดยเฉพาะวรรณะที่ต่ำอย่างข้าพเจ้าด้วยแล้ว ข้าพเจ้าไม่สบายใจเลย ความจริงข้าพเจ้ามิได้หวงน้ำดอก" นางยังคงยืนกรานอยู่อย่างเดิม นางพูดมีเสียงสั่นน้อยๆ
"น้องหญิง! มลทินและบาปจะมีแก่ผู้มีเมตตากรุณาไม่ได้ มลทินย่อมมีแก่ผู้ประกอบกรรมชั่ว บาปจะมีแก่ผู้ไม่สุจริต การที่อาตมาขอน้ำ และน้องหญิงจะให้น้ำนั้นเป็นธรรมะ ธรรมย่อมปลดเปลื้องบาปและมลทินเหมือนน้ำสะอาดชำระสิ่งสกปรกฉะนั้น น้องหญิง! บัญญัติของพราหมณ์เรื่องบาปและมลทิน อันเกี่ยวกับวรรณะนั้นเป็นบัญญัติที่ไม่ยุติธรรม เป็นการแบ่งแยกมนุษย์ให้เหินห่างจากมนุษย์ เป็นการเหยียดหยามมนุษย์ด้วยกัน เรื่องนี้อาตมาไม่มีแล้ว อาตมาเป็นสมณศากยบุตร สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ไม่มีวรรณะ เพราะฉะนั้นถ้าน้องหญิงต้องการจะให้น้ำก็จงเทลงในบาตรนี้เถิด"
นางรู้สึกจับใจในคำพูดของพระอานนท์ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของนางที่ได้ยินคำอันระรื่นหู จากชนซึ่งสมมติเรียกกันว่า "ชั้นสูง" มืออันเรียวงามสั่นน้อยๆ ของนางค่อยๆ ประจงเทน้ำในหม้อลงในบาตรของท่านอานนท์ ในขณะนั้นนางนั่งคุกเข่า พระอานนท์ยืนโน้มตัวลงรับน้ำจากนาง แล้วดื่มด้วยความกระหาย นางช้อนสายตาขึ้นมองดูพระอานนท์ซึ่งกำลังดื่มน้ำ ด้วยความรู้สึกปีติซาบซ่าน แล้วยิ้มอย่างเอียงอาย
"ขอให้มีความสุขเถิด น้องหญิง!" เสียงอันไพเราะจากพระอานนท์ หน้าของท่านยิ่งแจ่มใสขึ้นเมื่อได้ดื่มน้ำระงับความกระหายแล้ว
"พระคุณเจ้าดื่มอีกหน่อยเถิด" นางพูดพลางเอียงหม้อน้ำในท่าจะถวาย
"พอแล้วน้องหญิง! ขอให้มีความสุขเถิด"
"พระคุณเจ้า! ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจึงจะทราบนามของพระคุณเจ้าพอเป็นมงคลแก่โสตร และความรู้สึกของข้าพเจ้าบ้าง" นางพูดแล้วก้มหน้าด้วยความขวยอาย
"น้องหญิง! ไม่เป็นไรดอก น้องหญิงเคยได้ยินชื่อพระอานนท์ อนุชาของพระพุทธเจ้าหรือไม่?"
"เคยได้ยิน พระคุณเจ้า"
"เคยเห็นท่านไหม?"
"ไม่เคยเลย พระคุณเจ้า เพราะข้าพเจ้าทำงานอยู่เฉพาะในบ้าน และมาตักน้ำที่นี่ ไม่มีโอกาสไปที่ใดเลย"
"เวลานี้ น้องหญิงกำลังสนทนากับพระอานนท์อยู่แล้ว"
นางมีอาการตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแววแห่งปีติค่อยๆ ฉายออกมาทางดวงหน้าและแววตา
"พระคุณเจ้า" นางพูดด้วยเสียงสั่นน้อยๆ "เป็นมงคลแก่โสตร และดวงตาของข้าพเจ้ายิ่งนักที่ได้ฟังเสียงของท่าน และได้เห็นท่านผู้มีศีล ผู้มีเกียรติศัพท์ระบือไปไกล ข้าพเจ้าเพิ่งได้เห็นและได้สนทนากับท่านโดยมิรู้มาก่อน นับเป็นบุญอันประเสริฐของข้าพเจ้ายิ่งแล้ว"
และแล้วพระอานนท์ ก็ลานางทาสีเดินมุ่งหน้าสู่วัดเชตวัน


อ่านแล้วรู้สึกอย่างไ่รครับ ถ้าในสมัยนั้นไม่มีการเหยียดวรรณะกัน ทำไมนางทาสีจึงไม่ถวายน้ำพระอานนท์ในทันที?

เรื่องที่สอง

รายงานเรื่องนี้ พยายามดึงเอกสารหลายฉบับ ที่กล่าวอ้างความเป็น "ชมพูทวีป" กับเมืองหลวงในอดีต และปัจจุบันของประเทศไทย เข้าด้วยกัน ผู้เขียนเข้าใจว่า "ชมพูทวีป" เป็นดินแดนแหล่งกำเนิดของพระพุทธศาสนา

คำแย้ง

ชมพูทวีป ไม่ได้หมายถึงแค่อินเดีย หรือแหล่งกำเนิดของพระพุทธศาสนา ตามที่ผู้เขียนเข้าใจ หากแต่หมายถึงทวีปทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุต่างหาก

ดังนั้น อเมริกาใช่ชมพูทวีปมั๊ย? อียิปต์อยู่ในชมพูทวีปมั๊ย? ขั้วโลกเหนือล่ะครับ?

แ่ค่สองเรื่องนี้ ผมก็ไม่อ่านรายงานฉบับดังกล่าวต่อแล้วครับ

#6 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 03:19 PM

ประวัติศาสตร์ คือวรรณกรรม จากปลายปากกาของผู้ที่มีชัยชนะในสมรภูมิ สังเกตดูเถอะค่ะ ไทย-เขมร, ไทย-พม่า, คริสต์ดั้งเดิม-โรมันคาทอลิก (คัมภีร์ bible ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ พระเยซูเคยมีครอบครัว ก็ถูกเขียนใหม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์)

ควรพิจารณาทุกอย่าง ด้วยความรอบคอบ ไม่พึงเชื่อในสิ่งที่ผู้อื่นกล่าวโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง ถึงแม้ว่าจะเป็นผลงานที่ผ่านการวิเคราะห์วิจัยมาแล้วก็ตาม เพราะทุกอย่าง เป็นเพียงแค่ความคิด ประสบการณ์ของคนคนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ควรใช้ปัญญาของเราพิจารณาไตร่ตรองค่ะ

ศาสนาพุทธจะเกิดที่ไหนก็ตาม บัดนี้ ประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นประเทศของพระพุทธศาสนา ซึ่งรุ่งเรืองที่สุดในโลก ศาสนาพุทธจะเกิดที่ไหนนั้นไม่สำคัญ เพราะถึงแม้ว่าศาสนาพุทธจะเกิดในไทยจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้คนไทยหันมาเคร่งพระพุทธศาสนามากขึ้น ศีลธรรมในใจมนุษย์ ก็ยังคงมีอยู่เท่าเดิม แต่สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไร ให้ศาสนาพุทธและสมาธิไปสู่ใจของชาวโลกได้ต่างหาก
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#7 ven_kittiphan

ven_kittiphan
  • Members
  • 5 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 04:06 PM

Chareon porn k.yom

read more. as follwoing site .

http://www.thaiopenl...dhasumfinal.pdf
http://www.thaiopenl...budhasumeng.pdf

pls read with carefully and wisdom.. naja...


#8 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 08 February 2007 - 12:20 PM

rolleyes.gif เห็นด้วยกับคุณฟ้าร้าง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราจะให้พุทธศาสนารวมกันให้ได้ สร้างวิหารคดให้สำเร็จ ในปี 50 ที่มีงานรวมพุทธทั่วโลกที่วิหารคด คงเป็นภาพประวัติศาสตร์ในชีวิต