ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

บริษัทประทุมทอง(ประเทศไทย) จำกัด ศรัทธาจัดถวายพระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา

พระพุทธรูป นาลันทา

  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 haikiung

haikiung
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 December 2014 - 03:07 PM

บริษัทประทุมทอง(ประเทศไทย) จำกัด โดยคุณ ตฤณสิษฐ์ ธัญอิสราพัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ได้มีโครงการจัดสร้างถวายพระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทาเป็นประจำทุกเดือน ตั้งแต่ปี พศ 2556 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 21 องค์  ถวายแด่วัดต่างๆ ในประเทศไทย 
 
สามารถชมภาพบรรยากาศการจัดถวายพระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา ถวายแด่วัดต่างๆ ในประเทศไทยได้ที่ http://pratumthongce...-promotion.html

ไฟล์แนบ



#2 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 09:18 AM

.....ภาคดำ  ผู้มีลักษณะมหาบุรุษทุกประการแต่มีสีดำ.....  

...

...

(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เท่านั้น)     

น่าคิดนะครับ อาศัยกุศลเจตนาดลใจให้ตั้งใจที่จะถวายไว้ทุกวัดทั่วประะเทศด้วย... เพื่อที่ว่าใครๆทั่วประเทศที่เข้าไปกราบพระในแต่ละวัด...ก็จะเห็นและนึกภาพนี้ไว้ตรึงที่กลางกายแทน เป็นเชื้อหล่อเลี้ยงเอาไว้ ให้เข้าถึงธรรมได้ยากมากขึ้น... ผมว่า ฉากหลังเรื่องนี้... ไม่ธรรมดาครับ  (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เท่านั้น)



#3 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 09:24 AM

เคยได้ยินครูบาอาจารย์กล่าวไว้นะครับว่า.... ขนาดเรื่องที่ชาวโลกตื่นเต้น ประโคมข่าวเชิญชวนกันทั้งโลกให้ดูปรากฏการณ์ "สุริยุปราคาเต็มดวง"... ที่เกิดขึ้นในแต่ละท้องที่ เพราะเป็นเรื่องน่าศึกษา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ... แต่ครูบาอาจารย์กลับเตือนว่า... "อันตราย!!!....   ดวงดำที่เราไปดู มันจะติดแน่นที่กลางกาย... ห้ามไปดูเด็ดขาด..."....  



#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 10:30 AM

พระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา พระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน แกะสลักด้วยหินดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้ว สูงนับจากพระเพลาถึงยอดพระเกตุ 69 นิ้วฟุต ประดิษฐานอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ในบันทึกของปิลาซิงกล่าวว่า สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าเทวาปาล คือระหว่าง พ.ศ.1353-1393

 

สำหรับส่วนตัวผมแล้ว  พระพุทธรูป  คือ  พระรูปที่สื่อถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้นครับ   ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น  ผมไม่ถือสาอาถรรพ์ใดๆ ทั้งสิ้น

 

ต่อให้พระพุทธรูปเป็นสีดำ  แต่ใจเราน้อมถึงองค์พระผู้มีพระภาค  เป็นสิ่งไม่ควรงั้นหรือ

 

ต่อให้พระพุทธรูปเป็นองค์แก้วใส  แต่ใจเราน้อมไปในการขอพรเจือความโลภ  เป็นสิ่งสมควรหรือ

 

สุริยุปราคา  ถ้าเพียงมองเพื่อศึกษาความเป็นไปของวัตถุในมุมมองความจริง  เพื่อลบล้างความหลงงมงาย  ถือเป็นสิ่งอันตรายอย่างนั้นหรือ

 

หรือที่อันตรายจริงๆ  คือ  จิตของเราเองที่ปรุงแต่ง "ความอันตราย" นั้นขึ้นมา


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 11:51 AM

เป็นแต่เพียงข้อสะกิดใจน่ะครับ คุณทัพพีในหม้อ ไม่ได้มุ่งเสนอยืนยันว่าเป็นความจริงดังที่กล่าว ซึ่งก็คงต้องอาศัยครูบาอาจารย์ผู้รู้จริงจึงจะแนะนำในทางที่ถูกต้องที่สุดได้ (ผมจึงมีวงเล็บไว้ชัดๆครอบข้อความเอาไว้ว่า โปรดใช้วิจารณญาณฯ )      

เรื่องอุุปสรรคในการทำสมาธินั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่ก็เชื่อมจากหยาบไปสู่ละเอียดได้ เล่ห์กลของพญามารมันลึกลับซับซ้อนทั้งหยาบและละเอียด ส่วนใหญ่เราต้องอาศัยครูบาอาจารย์เป็นผู้ชี้แนะ และคอยดูแลรักษา เช่น มีบางส่วนของคำอธิษฐานจิตที่ผมประทับใจในความห่วงใยที่ท่านมีต่อลูกศิษย์ และบ่งบอกถึงความเป็นผู้รู้จริงของครูบาอาจารย์เช่น ".... ขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ฉลาดในอุบาย แห่งความเสื่อม และความเจริญ..." ข้อความที่ขีดเส้นใต้.. พญามารได้สร้างหลุมพรางทุกสิ่งทุกอย่างทุกย่างก้าวเอาไว้เหลือคณานับตลอดเส้นทางการเวียนว่ายตายเกิด ครูบาอาจารย์ท่านรู้ ท่านเห็น ท่านจึงตั้งคำอธิษฐานให้เราเอาไว้เป็นเกราะป้องกันล่วงหน้าว่า ขอให้เราเป็นผู้ที่มีปัญญา ฉลาดรู้ว่าอะไรบ้างหนอที่เป็นหลุมพรางหรือเหยื่อล่อของฝ่ายตรงข้ามเราซึ่งมีหน้าที่นำความเสื่อมให้เกิดขึ้นเรา... 

ฉะนั้น ขอขอบคุณ คุณทัพพีในหม้อนะครับที่แนะอุบายแห่งความเจริญ ด้วยการรู้จัก "ปรุงแต่ง" ภาพที่เราเห็น(เช่นพระพุทธรูปสีดำ) ให้กลับกลายเป็นทางมาแห่งกุศลแทน... สาธุครับ...  :)



#6 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 12:23 PM

อาจจะเพราะการปฏิบัติธรรมของผมก็ไม่ได้ลึกซึ้งจนเป็นที่น่าพอใจอะไร  ก้เลยตอบไปแบบคนเขลาๆ  ไม่ค่อยคิดมากนะครับ ท่าน  InnerDot

 

แต่พอมาอ่านคำตอบของท่านอีกครั้งแบบช้าๆ  ค่อยๆ ย่อย  ก็เห็นจริงตามที่ท่านว่าไว้นั่นแหละครับ  แต่ผมก็ไม่ยอมรับนะครับว่าตัวเองผิดอะไร(ยังจะด้านยืนยันได้อีกนะ)  เพราะถ้าอ่านคำตอบของท่าน InnerDot  และของผมแล้ว  คนที่ได้ประโยชน์ คือ  ท่านที่เข้ามาศึกษากระทู้นี้ครับ  เพราะจะได้ทั้งคำตอบที่เป็นพื้นๆ  อย่างของผม   และที่ลุ่มลึกไปตามลำดับอย่างของท่าน InnerDot  ทำให้ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้  

 

ใครที่พื้นฐานยังน้อย  ก็พิจารณาตามผมไปได้ง่ายๆ ไม่คิดมากก่อน  จากนั้นพอใจใสมากขึ้น  ก็ให้พิจารณาตามท่าน InnerDot  ทำแค่นี้  องค์พระใสๆ  ติดแน่น  มั่นคง  ไม่คลอนแคลน  ก็ปรากฏกับเราแล้วครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน InnerDot  ด้วยครับ


สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#7 InnerDot

InnerDot
  • Members
  • 79 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 04:22 PM

สาธุ สาธุ สาธุครับ คุณทัพพีในหม้อ ผู้เป็นเสาหลักในบอร์ดแห่งนี้มาโดยตลอด... อยากให้ผู้อ่านท่านอื่นได้ศึกษาเป็นแบบอย่างในการทำหน้าที่ "กัลยาณมิตร"ดังเช่นคุณทัพพีในหม้อ ถึงจะมีความรู้ความสามารถลึกซึ้งปานใด แต่ก็สุภาพถ่อมตน ที่สำคัญคือ สุดท้ายจะต้องลงเอยด้วยความใจใสกันให้ได้ทุกฝ่าย ทำให้ผมนึกถึงประเด็นที่ครูบาอาจารย์เคยชี้แนะให้ไว้เรื่องหนึ่งว่า...

 

ให้พวกเราสังเกตการสร้างบารมีของ "พระมโหสถบัณฑิต" ให้ดีจะพบว่า... ในเรื่องแม้จะกล่าวถึงพระชาติที่เกิดมาสร้างปัญญาบารมีของพระโพธิสัตว์ แต่ไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่า "ปัญญาบารมีของมโหสถฯนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร" แต่กลับเป็นเรื่องที่แสดงรายละเอียดให้เราได้ศึกษาเป็นแบบอย่างว่า "ท่านใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาโดยเล็งผลสุดท้ายว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่เคียดแค้นผูกเวรหรือเป็นศัตรูกันต่อไป ตรงกันข้ามเพื่อให้ผลสุดท้ายทุกฝ่ายต่างก็ลดทิฏฐิ กลับมาปรองดองกันได้สำเร็จ"... ดังนั้นจะพบว่า ตอนแรกฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู แต่ตอนสุดท้ายต่างก็กลับเป็นมิตรซึ่งกันและกัน.... นี่เองคือความ "ยาก" ของการใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา

 

แม้พวกเราเองในบอร์ดนี้ก็เช่นกันครับ...  เราจะต้องช่วยกันเตือน ประคองให้การสั่งสมปัญญาบารมีของเราให้เป็นไปเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์มโหสถให้ได้...

 

ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ... (ขออภัย ที่เนื้อหาไม่ตรงกับกระทู้แรกนะครับ)



#8 Tor Cage

Tor Cage
  • Members
  • 42 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 05:12 PM

150174_354873634692334_25357013242973459

 

สนทนากันน่าอ่านมากครับ :)



#9 kotchapornda

kotchapornda
  • Members
  • 649 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 15 December 2014 - 05:38 PM

สาธุค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ  ^_^