ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

โคตมพุทธาปทาน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 01:41 PM

[๑] พระอานนท์เวเทหมุนี มีอินทรีย์สำรวมแล้ว
ได้ทูลถามพระตถาคตผู้ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันว่า ได้ทราบว่า

พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีจริงหรือ? เพราะเหตุไรจึงได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์?

ในกาลนั้นพระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณอันใหญ่
เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะว่า

ชนเหล่าใดสร้างสมกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ยังไม่ได้โมกขธรรมในศาสนาของพระชินเจ้า
ชนเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์โดยมุข คือ

การตรัสรู้นั้นแล แม้มีอัธยาศัย มีกำลังมาก มีปัญญาแก่กล้า
ย่อมได้บรรลุความเป็นพระสัพพัญญูด้วยเหตุแห่งปัญญา

แม้เราก็เป็นธรรมราชาผู้สมบูรณ์ด้วยบารมี ๓๐ ทัศ
ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆนับไม่ถ้วน
นมัสการพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกพร้อมด้วยสงฆ์ด้วยนิ้วทั้ง ๑๐
แล้วกราบไหว้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า

รัตนะทั้งที่มีในอากาศและอยู่ที่พื้นดิน ในพุทธเขต มีประมาณเท่าใด
เราจักนำรัตนะทั้งหมดนั้นมาด้วยใจ ณ พื้นที่เป็นรูปิยะนั้น
เราได้นิรมิตปราสาทหลายชั้น อันสำเร็จด้วยรัตนะสูงตระหง่านจรดฟ้า
มีเสาอันวิจิตร ได้สัดส่วน จัดไว้ดี ควรค่ามาก มีคันทวยทำด้วยทองคำ ประดับด้วยนกกระเรียนและฉัตร

พื้นชั้นแรกเป็นแก้วไพฑูรย์ งามปราศจากมลทิน ไม่มีฝ้า เกลื่อนกลาดด้วยดอกบัวหลวง มีพื้นทองคำอย่างดี
พื้นบางชั้นมีสีดังแก้วประพาฬเป็นกิ่งน่ารื่นเริง บางชั้นแดงงาม
บางชั้นเปล่งรัศมี ดังสีแมลงค่อมทอง
บางชั้นสว่างทั่วทิศในปราสาทนั้น มีศาลาสี่หน้ามุข มีประตูหน้าต่างจัดไว้เรียบร้อย
มีชุกชีและหลุมตาข่ายสี่แห่ง มีพวงมาลัยหอมน่ารื่นรมย์ใจห้อยอยู่
ยอดปราสาทนั้นประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ มีสีเขียว เหลือง แดง ขาว ดำล้วน
ประกอบด้วยยอดเรือนชั้นเยี่ยม มีสระประทุมชูดอกบานสะพรั่ง
งามด้วยฝูงเนื้อและนกบางชั้นดาดาษด้วยดาวนักษัตร
ประดับด้วยรูปดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ปกคลุมด้วยพวงดอกไม้ทอง
ดาดาษด้วยตาข่ายทองน่ารื่นรมย์ ห้อยย้อยด้วยกระดิ่งทอง เปล่งเสียงด้วยกำลังลม

ปราสาทนั้นวิจิตรด้วยธงสีต่างๆ คือ ธงสีชมพู สีแดง สีเหลือง สีเขียวและสีทอง
ปักไว้เป็นระเบียบ แผ่นกระดานต่างๆ มากมายหลายร้อยทำด้วยเงิน
ทำด้วยแก้วมณี ทับทิม ทำด้วยแก้วมรกต วิจิตรด้วยที่นอนต่างๆ
ลาดด้วยผ้าเมืองกาสีอันละเอียดอ่อน

เราปูลาดเครื่องลาดต่างๆด้วยผ้ากัมพล ผ้าทุกุลพัสตร์ ผ้าเมืองจีน ผ้าเมืองแขก
และผ้าห่มเหลืองทุกแห่ง ด้วยใจ


ที่พื้นนั้นๆ ประดับด้วยยอดแก้ว คนหลายร้อยยืนถือประทีปแก้วมณีอันส่งแสงเรืองอยู่
เสาระเนียด เสาซุ้มประตู ทำด้วยทองชมพูนุท ไม้แก่น และเงินบ้าง มีที่ต่อหลายแห่ง
จัดไว้เรียบร้อยดี วิจิตรด้วยบานประตูและกลอน ย่อมยังปราสาทให้งาม
สองข้างปราสาทนั้นมีกระถางน้ำเต็มเปี่ยมหลายกระถาง ปลูกบัวหลวงและอุบลไว้เต็ม

เรานิรมิตพระพุทธเจ้าในอดีต ผู้เป็นนายกของโลกทุกพระองค์ พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก
ด้วยวรรณและรูปตามปกติ

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พร้อมด้วยพระสาวกเข้าไปทางประตูนั้น
หมู่พระอริยเจ้านั่งบนตั่งอันทำด้วยทองคำล้วนๆ พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลกมีอยู่
ณ บัดนี้ก็ดี เป็นอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี

ทุกพระองค์ได้ขึ้นปราสาทของเรา พระสยัมภูปัจเจกพุทธเจ้าหลายร้อย
ผู้ไม่พ่ายแพ้ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ขึ้นปราสาทของเราทั้งหมด

ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งเป็นของทิพย์และของมนุษย์มีมาก
เรานำเอาผ้าทุกอย่างจากต้นกัลปพฤกษ์นั้น มาทำไตรจีวรถวายให้ท่านเหล่านั้นครอง
ของเคี้ยว ของฉัน ของลิ้ม น้ำและข้าวมีสมบูรณ์

เราใส่อาหารเต็มบาตรงามทำด้วยมณีแล้วถวายพระอริยเจ้าทั้งผอง
ให้ท่านครองผ้าทิพย์ครองจีวรเนื้อเกลี้ยงอิ่มหนำสำราญด้วยน้ำตาลกรวด
น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อยรสหวานฉ่ำและด้วยข้าวปายาส

หมู่พระอริยเจ้าเหล่านี้เข้าห้องแก้วสำเร็จสีหไสยาบนที่นอนอันควรค่ามาก ดังไกรสรราชสีห์นอนในถ้ำที่อยู่
รู้สึกตัวลุกขึ้นนั่งคู้บัลลังก์บนที่นอนเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความยินดีในฌาน
อันเป็นโคจรของพุทธเจ้าทุกพระองค์ บางพวกแสดงธรรม

บางพวกเข้าฌานด้วยฤทธิ์ บางพวกเข้าอัปปนาฌาน
และบางพวกอบรมอภิญญาวสี บางพวกแผลงฤทธิ์ คนเดียวเป็นได้หลายร้อยหลายพัน

แม้พระพุทธเจ้าก็ถามปัญหาอันเป็นอารมณ์ คือ วิสัยของพระสัพพัญญูกะพระพุทธเจ้า

ท่านเหล่านั้น ย่อมตรัสรู้เหตุอันละเอียดลึกซึ้งด้วยพระปัญญาพระสาวกทูลถามพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าตรัสถามพระสาวก ท่านเหล่านั้นถามกันและกัน และพยากรณ์กันและกัน
พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสาวกต่างเป็นศิษย์
ท่านเหล่านั้นรื่นรมย์อยู่ด้วยความยินดีอย่างนี้ อภิรมย์อยู่ในปราสาทของเรา

ฉัตรและฉัตรซ้อน มีรัศมีดังไม้ไผ่แก้วตั้งไว้ทุกๆ องค์ทรงไว้ซึ่งฉัตรอันห้อยย้อยด้วยตาข่ายทอง
ขจิตด้วยตาข่ายเงินวงรอบด้วยตาข่ายมุกดาบนเศียรมีเพดานผ้า
แวววาวด้วยดาวทอง งดงาม ดาดาษด้วยพวงมาลัยทุกๆ องค์

ทรงไว้รอบๆ ฉัตรดาดาษด้วยพวงมาลัย งามด้วยพวงดอกไม้หอมเกลื่อนด้วยพวงผ้า
ประดับด้วยพวงแก้ว เกลื่อนกลาดด้วยดอกไม้ งดงามยิ่งนัก
รมด้วยของหอมน่าพอใจ ทำด้วยของหอมยาวห้านิ้ว มุงด้วยเครื่องมุงทอง

ในสี่ทิศแห่งปราสาท มีสระอันดาดาษด้วยปทุมและอุบล หอมตระหลบด้วยเกสรดอกปทุม
ปรากฏดังสีทองคำ โดยรอบปราสาท มีต้นไม้ทุกชนิดออกดอกบานสะพรั่ง
และดอกไม้หล่นลงเอง เรี่ยรายอยู่ยังปราสาท
ใกล้ๆ ปราสาทนั้นมีฝูงนกยูงรำแพนหาง ฝูงหงส์ทิพย์ส่งเสียง
ฝูงนกการวิกขับขาน หมู่นกร้องอยู่โดยรอบปราสาท
เสียงกลองเภรีทุกอย่างจงเป็นไปเสียงพิณทุกชนิดจงดีด เสียงสังคีตทุกอย่างจงขับขาน

โดยรอบปราสาท ขอบัลลังก์ทองใหญ่สมบูรณ์ด้วยรัศมี ไม่มีช่องประดับด้วยแก้ว
จงตั้งอยู่ ในกำหนดพุทธเขตและในหมื่นจักรวาล

ขอต้นไม้ประจำทวีปจงรุ่งเรือง เป็นไม้สว่างไสวเช่นเดียวกัน สืบต่อกันไปตั้งหมื่นต้น
หญิงเต้นรำหญิงขับร้อง จงเต้นรำขับร้อง หมู่นางอัปสรผู้มีอวัยวะต่างๆ กัน
จงปรากฏ (ฟ้อน) อยู่โดยรอบปราสาท

เราให้ชักธงทุกชนิดมีห้าสีงามวิจิตรขึ้นอยู่บนยอดไม้ ยอดภูเขา
และบนยอดสิเนรุ หมู่ชน ฝูงนาค คนธรรพ์ และเทวดาทุกท่านนั้น
จงมาประนมหัตถ์นมัสการเรา แวดล้อมปราสาทอยู่

กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราพึงทำด้วยกาย วาจา และใจ
กุศลกรรมนั้นเราทำแล้วไปในไตรทศ

สัตว์เหล่าใดมีสัญญา และสัตว์เหล่าใดไม่มีสัญญามีอยู่
ขอสัตว์ทั้งหมดนั้นจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญ ที่เราทำแล้ว

สัตว์เหล่าใดทราบบุญที่เราทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น

บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้น

ปวงสัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเป็นอยู่ทุกจำพวก ขอจงได้อาหารอันพึงใจ ด้วยใจของเรา

เรามีใจเลื่อมใสในทานที่เราให้แล้วด้วยใจอันผ่องใส
เราบูชาพระสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้ว บูชาแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย

เพราะกุศลกรรมที่เราทำดีแล้วนั้น และเพราะความปรารถนาแห่งใจ

เราละกายมนุษย์แล้ว ได้ไปยังดาวดึงส์พิภพ
เราย่อมรู้ทั่วความเป็นเทวดาและมนุษย์ในสองภพ ย่อมไม่รู้จักคติอื่น

นี้เป็นผลแห่งความปรารถนาด้วยใจ

เราเป็นใหญ่กว่าเทวดา เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยรูปลักษณะไม่มีใครเสมอเราด้วยปัญญา

โภชนะต่างๆ อย่างประเสริฐ และรัตนะมากมาย ผ้าต่างชนิด ย่อมจากฟ้ามาหาเราพลัน
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า อาหารทิพย์ย่อมมาหาเราเอง
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า รัตนะทุกอย่างย่อมมาหาเรา
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า ของหอมทุกชนิดย่อมมาหาเราเอง

เราชี้มือไปในที่ใด คือที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่ายวดยานทุกอย่างย่อมมาหาเรา
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขาบนอากาศ ในน้ำและในป่า ดอกไม้ทุกชนิดย่อมมาหาเรา
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า เครื่องประดับย่อมมาหาเรา

เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศในน้ำและในป่า ปวงนางกัญญาย่อมมาหาเรา
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดย่อมมาหาเรา
เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำและในป่า ของเคี้ยวทุกอย่างย่อมมาหาเรา
เราได้ให้ทานอันประเสริฐนั้นในคนไม่มีทรัพย์ คนเดินทางไกล ยาจก
และคนเดินทางเปลี่ยวเพื่อต้องการบรรลุสัมโพธิญาณอันประเสริฐ

เรายังภูเขาหินให้บันลืออยู่ยังเขาอันแน่นหนาให้กระหึ่มอยู่ ยังมนุษยโลก
พร้อมทั้งเทวโลกให้ร่าเริงอยู่ จะเป็นพระพุทธเจ้าในโลก

ทิศ ๑๐ มีอยู่ในโลก ที่สุดไม่มีแก่บุคคลผู้ไปอยู่ ก็ในทิศาภาคนั้น
พุทธเขตนับไม่ได้ รัศมีของเราปรากฏเปล่งออกเป็นคู่ๆ ข่ายรัศมีมีอยู่ในระหว่างนี้

เราเป็นผู้มีแสงสว่างมาก ปวงชนในโลกธาตุประมาณเท่านี้จงเห็นเรา
จงมีใจยินดีทั้งหมดเทียว จงประพฤติตามเราทั้งหมด

เราตีกลองอมฤต มีเสียงบันลือไพเราะสละสลวย
ปวงชนในระหว่างนี้ จงได้ยินเสียงอันไพเราะของเรา

เมื่อฝนคือธรรมเทศนาตกลง ปวงชนจงเป็นผู้ไม่มีอาสวะ บรรดาชนเหล่านั้น
สัตว์ผู้เกิดสุดท้ายภายหลัง จงเป็นพระโสดาบัน

เราให้ทานที่ควรให้แล้ว

บำเพ็ญศีลโดยไม่เหลือ

ถึงที่สุดเนกขัมมบารมีแล้ว

พึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม

เราเรียนถามบัณฑิตแล้ว ทำความเพียรอย่างสูงสุด

ถึงที่สุดขันติบารมีแล้ว พึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม

เรากระทำอธิฐานจิตมั่นคงแล้ว

บำเพ็ญสัจจบารมีถึงที่สุด

เมตตาบารมีแล้วพึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม

เราเป็นผู้มีใจเสมอในอารมณ์ทั้งปวงคือ ในลาภ ความเสื่อมลาภ
สุข ทุกข์ สรรเสริญ และนินทา พึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม

ท่านทั้งหลายเห็นความเกียจคร้านโดยเป็นภัย และเห็นความเพียรโดยความเกษมแล้ว
จงปรารภความเพียร นี้เป็นอนุศาสนีของพระพุทธเจ้า


ท่านทั้งหลายเห็นความวิวาทโดยเป็นภัย และเห็นความไม่วิวาทโดยเกษมแล้ว
จงสมัครสมานกัน กล่าววาจาอ่อนหวานแก่กันนี้เป็นอนุศาสนีของพระพุทธเจ้า


ท่านทั้งหลายเห็นความประมาทโดยเป็นภัย และเห็นความประมาทโดยเกษมแล้ว
จงอบรมอัฏฐังคิกมรรค นี้เป็นอนุศาสนีของพระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายมาประชุมกันอยู่มาก ทุกประการ

ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้นมัสการพระสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย

ด้วยประการฉะนี้ พระพุทธเจ้า(และ) ธรรมของพระพุทธเจ้า ใครๆ ไม่อาจคิดประมาณได้ เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าและพระธรรม
อันใครๆ ไม่อาจประมาณได้ ย่อมมีผลอันใครๆประมาณไม่ได้.

ทราบว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคจะทรงให้ท่านพระอานนท์รู้พระพุทธจิตของพระองค์
จึงได้ตรัสธรรมบรรทายชื่อพุทธาปนิยะ ด้วยประการฉะนี้.

พุทธาปทานจบบริบูรณ์.


#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 01:55 PM

ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ
รัตนะหลายหลากมากชนิด อันมีอยู่ในโลก

ระตะนัง พุทธะสะมัง นัตถิ
แต่รัตนะนั้น ที่จะเสมอด้วยพระพุทธรัตนะ ย่อมไมมี

ตัสมา โสตถี ภะวะนตุ เต

เพราะเหตุนั้น ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่าน
.........

สักกัตวา พุทธะระตะนัง
เพราะกระทำความเคารพ ซึ่งพระพุทธรัตนะ

โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง อันเป็นดังโอสถประเสริฐ
หิตัง เทวะมะนุสสานัง เกื้อกูลแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุปัททะวา
สัพพะ ทุกขา วูปสะเมนตุ เต

ขออุปัทวะทั้งหลาย จงหายไป ขอทุกข์ทั้งหลายของท่าน
จงสงบไปโดยดี ด้วยพระเดชแห่งพระพุทธเจ้า เทอญ.




#3 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 08:55 PM

โมทนาสาธุด้วยครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#4 yujiro

yujiro
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 01:49 PM

sathu

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 18 March 2007 - 03:02 PM

สาธุ