ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ขอข้อมูลวิทยาศาสตร์ของสมาธิ ในนิตยสารไทม์


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 vas072

vas072
  • Members
  • 58 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 08:55 PM


ขอข้อมูลวิทยาศาสตร์ของสมาธิ ในนิตยสารไทม์ด้วยครับ
ตอนนั้นเห็นมีอยู่ลืมก้อบไว้น่ะครับ

ถ้ามีเรื่องเกล็ดนำของญี่ปุ่นด้วยก๋ดีครับ

#2 ideal

ideal
  • Members
  • 605 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:TRANG
  • Interests:-

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 10:20 PM

http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=2092 อันนี้ครับ

The Science of Meditation

ดาราสาว Heather Graham
ขึ้นปก นิตยสาร TIME Magazine

DMC The only one

ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี้แหละเป็นตัวสำเร็จ
ผลไม้ดกนกชุม น้ำเย็นปลาชอบอาศัย


คติธรรม พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)

#3 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 10:30 PM

The Science of Meditation

ผมเคยเก็บไว้ แต่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าสนใจ ดูแฟ้มที่แนบมานะครับ

ไฟล์แนบ



#4 vas072

vas072
  • Members
  • 58 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2006 - 09:33 PM

อยากได้ตอนที่นักเขียนไปทดสอบนั่งสมาธิที่โยคะสตูดิโอน่ะครับ

#5 joey

joey
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 04:44 PM

มาโพสต์ The Science of Meditation ต่อนะค่ะ เพราะตอนแรกโพสต์ไป 2 ตอน แล้วไม่เห็นว่ามีใครสนใจก็เลยไม่ได้โพสต์ต่อค่ะ มาเปิดอีกวันนึงกระทู้ก็หายไปแล้วค่ะ เรื่องนี้ก็มีหลายตอนค่ะ ต่อไปนี้เป็นตอนที่ 3 ต่อจากครั้งที่แล้วนะค่ะ

นั่งบนฟูกถูกกว่าผ่าตัด

ศาสตร์แห่งสมาธิ The Science of Meditation ที่ลงในหนังสือ TIME MAGAZINE ก็ได้ดำเนินมาถึงตอนที่ ๔ แล้ว ครูได้เคยสอบถามการนั่งสมาธิของนักเรียนอยู่บ่อย ๆ แล้วนักเรียนหลาย ๆ คนก็เข้าถึงสภาวะที่ร่างกายหายไป บางคนก็หายไปทั้งตัว บางคนก็หายไปครึ่งตัวก็มี บางคนนั่งธรรมะ ๒ ช.ม. เหมือนนั่ง ๒ นาที คล้ายกับคำอุปมาว่าเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่เชื่อไหมว่าไม่ใช่เรื่องโกหกแต่เป็นเรื่องจริง
ในที่สุดนิตยสาร TIME MAGAZINE ก็หาคำอธิบายมาได้โดยใช้หลักวิชาวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ได้กล่าวว่า การที่เราได้ทำสมาธิและได้เข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาล และเวลาก็ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เป็นเพราะในสมองมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาด รัฐแมสซาจูเสท ได้มีจิตแพทย์กลุ่มหนึ่งได้ใช้เครื่องมือ EEG ซึ่งก็คือเครื่องฉายอัลตร้าซาวด์สมองนั่นเอง ท่านใดที่เคยตั้งครรภ์แล้วอยากเห็นภาพลูกในท้อง ก็ให้ไปเข้าเครื่องอัลตร้าซาวด์ก็จะเห็นภาพลูกน้อยให้ชื่นอกชื่นใจกัน เขาก็นำเครื่อง EEG มาจับภาพสมองของคนที่ทำสมาธิเพื่อดูว่าก่อนนั่งสมองมีลักษณะอย่างไร หลังนั่งแล้วสมองมีลักษณะอย่างไร ทีมงานก็เฝ้าสังเกตสมองที่รับผิดชอบเฉพาะส่วนเรื่อง space and times ซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศรีษะด้านจอมกระหม่อม นี่คือสมองส่วนที่ตอบรับหรือรับรู้เกี่ยวกับสถานที่และเวลา
สถานที่ เช่นว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน แก้วน้ำวางตรงไหน ถัดจากรถคันนี้สีแดงแล้วมีอะไร เป็นต้น อย่างนี้เกี่ยวกับสถานที่
เวลา เช่นว่า ตอนนี้ประมาณกี่โมง หรือว่ารถติดอยู่ตรงนี้กี่ ช.ม.แล้ว อย่างนี้ เป็นต้น
จากการทดลองก็พบว่าจากการนั่งสมาธินั้น สมองในส่วนที่รับรู้เรื่องสถานที่และเวลานั้นทำงานน้อยลง แล้วก็น้อยลงไปเรื่อย จนกระทั่งพักการทำงานชั่วคราว คือหยุดการทำงานไปเลย แต่ว่าชั่วคราวในขณะที่เราทำสมาธิ TIME MAGAZINE ได้อธิบายต่อว่า หมายความว่า เมื่อสมองส่วนนั้นหยุดชั่วคราว คุณก็จะหยุดการรับรู้เรื่องขอบเขตพรมแดนใด ๆ ไปด้วย คุณจะรู้สึกว่าตัวคุณหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลไปด้วย
เรื่องราวเหล่านี้กำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิชาการแนวหน้าของโลก แล้ว ณ วันนี้หากใครสักคนมาพูดกับคุณว่า คุณนั่งสมาธิหรือ ระวังนะเดี๋ยวจะงมงาย บางทีระวังนะ เดี๋ยวบ้า เพราะฉะนั้นถ้าหากใครมาว่านั่งสมาธิระวังจะงมงาย ก็ให้ตอบไปด้วยความมั่นใจว่า ฉันไม่ได้งมงายหรอกแต่ว่าคุณต่างหากล่ะ ระวังจะตก trend ทีเดียวนะ คราวที่แล้วครูได้ยกตัวอย่างและทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดว่า นั่งลงบนฟูกถูกกว่ากันเยอะเลย หมายความว่าแทนที่จะไปขึ้นเขียงให้หมอลงมีดผ่าตัดสมอง ซึ่งแพงมาก คนไข้สามารถใช้สมาธิเป็นทางเลือกแทนการรักษาโรค ซึ่งบ่อยครั้งพบว่าทางเลือกได้กลายเป็นทางรอด อย่างน่าอัศจรรย์ ที่เขาเรียกว่า miracle หรือ ปาฏิหารย์นั่นเอง
ลุงของครูเป็นนิ่วในถุงน้ำดี หมอนัดผ่าตัด ครูก็แนะนำท่านว่าให้ทำภาวนา สัมมาอะระหัง อยู่ ๆ มาก่อนวันจะผ่าตัด ๑ วัน ท่านไปเข้าห้องน้ำถ่ายหนัก มันเพล้งหล่นลงไปในโถ ดูนี่มันก้อนนิ่วนี่ ท่านสบายใจเลย วันรุ่งขึ้นหมอจะผ่าตัด ก่อนผ่าตัดก็คุยกับคุณหมอว่า คุณหมอผมว่าผมไม่ต้องผ่าตัดแล้วนะ นิ่วในถุงน้ำดีผมมันออกไปแล้วนะ นี่มันเพล้งหล่นลงไปตรงนั้น คุณหมอหัวเราะบอก ลุงมันคนละทางกัน มันไปไม่ได้หรอกแล้วก้อนมันก็ใหญ่ด้วย ลุงก็พูดกับคุณหมอว่า เอ๊ะผมว่าไม่ต้องผ่าละนะ คุณหมอท่านก็เลยให้ไปเอ๊กซเรย์อีกที ปรากฏว่าไปเอกซเรย์ที่ถุงน้ำดีไม่มีเลย มันหายไปแล้ว นั่งบนฟูกไม่ได้แต่ว่านอนบนเตียงถูกกว่ากันเยอะเลย ไม่ต้องขึ้นเขียง หมอก็หาคำตอบไม่ได้ ก็บอกลุงกลับบ้านได้แล้ว
ในสมัยที่คุณยายมีชีวิตอยู่ครูสังเกตเห็นว่า เวลาที่ลูกศิษย์ลูกหาประสบกับโรคภัยที่ร้ายแรง คุณหมอทุกสำนักล้วนส่ายหน้า พร้อมกับบอกว่าทำใจเถอะ คุณยายท่านก็จะเป็นที่พึ่งแหล่งสุดท้ายให้ลูกศิษย์เสมอ แต่ก่อนที่จะช่วยใคร คุณยายท่านก็จะบอกคนไข้ว่า คุณนั่งหลับตาทำสมาธิแล้วเดี๋ยวยายจะช่วย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณยายของเราท่านใช้ซุปเปอร์ไฮเทคกว่ามหาวิทยาลัยไหน ๆ ในโลกทั้งนั้นเลย ใครจะไปรู้ว่านั่งสมาธิแล้วคนไข้จะสามารถรักษาตัวเองได้ เหมือนตัวอย่างต่อไปนี้ ที่ทาง TIME MAGAZINE ได้ติดตามตัวอย่างนักวิทยาศาสตร์ระดับมืออาชีพของโลก
“เมื่อไม่กี่ปีมานี้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่ได้ศึกษาเส้นประสาทในสมอง อย่างเอาจริงเอาจัง ได้พบปะสนทนากับท่านดาไลลามะ ถึงเรื่องความมหัศจรรย์ของสมาธิพบว่า สมาธิไม่เพียงแต่ลดและบรรเทาความเครียดเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือว่า MEDITATION สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนเนื้อสมองได้ ปกติแล้วเนื้อสมองจะถูกปกป้องโดยกระดูกหัวกะโหลกเท่านั้น จะไม่สัมผัสกับสิ่งภายนอกเลย มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะปรับเปลี่ยนเนื้อสมองได้นั่นก็คือการผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือแพทย์เจาะกะโหลกเข้าไป เพียงนั่งลงบนฟูกหลับตาทำสมาธิสู่ภายใน กลไกภายในก็จะทำงาน การผ่าตัดสมองแต่ละครั้ง เต็มไปด้วยความเสี่ยงและมีราคาแพงและมักจะมีผลข้างเคียงเป็นของแถม การนั่งสมาธิไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ไม่เสียเลือดสักหยด ขอเพียงแต่นั่งลงบนฟูกถูกกว่ากันเยอะเลย บรรดานักวิทยาศาสตร์ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้นไปกว่านี้ ที่จะค้นให้พบต้นแหล่งแห่งพลังงานสุดวิเศษชนิดนี้ ซึ่งตอนนี้ยังมองไม่เห็นด้วยเครื่องมือปัจจุบัน เป็นพลังงานที่สามารถเดินทางเข้าไปในเนื้อสมอง แล้วก็ลงมือประดุจผู้ศัลยกรรมอย่างแม่นยำไขอวัยวะที่เล็กและลึกลับ ในส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของกายมนุษย์”
แต่จริง ๆ แล้วนี่นะการรักษาด้วยสมาธินี่ครูเคยเล่าให้ฟังแล้วมั๊ง ที่กรณีที่เกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะชีโว ตอนสมัยที่ท่านยังเป็นเด็กหนุ่ม อายุประมาณ ๑๖ ปี เป็นฝีตรงคอ ลุงท่านก็เป็นแพทย์แผนจีน แต่ว่าหลวงพ่อของเราท่านชอบขึ้นเขา บนยอดเขามีถ้ำ ในถ้ำมีหลวงพ่ออยู่องค์หนึ่ง ท่านปลีกวิเวกไปทำสมาธิอยู่ที่นั่นเป็นประจำ ก็ไปอุปฐากท่าน วันนั้นฝีมันเกิดที่คอ ก็ขึ้นไปหาท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อองค์นั้นก็บอกว่า นี่เรียกว่าฝีสบายนี่ใครเป็นแล้วสบายหมดทุกคน ถ้ามันแตกไปสบายเลยโน่นส่งเข้าไปหลังวัดเมรุเลย ท่านก็ให้ทำสมาธิแล้วเอาตะปูไปตอกที่เสา ก่อนตอกท่านก็เอาปูนไปทาที่เสา แล้วเอาตะปูตอกโป้ง ท่านก็บอกว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวก็ยุบแล้ว พอกลับไปที่บ้านลุงที่เป็นหมอแผนจีนบอกว่า เอ็งไปทำอะไรมาทำไมมันยุบลงไป วันรุ่งขึ้นก็ไปกราบหลวงพ่ออีก ท่านก็ตอกอีกที พรุ่งนี้หายแล้วราบไปเลย นี่ก็เป็นเรื่องของสมาธิ หลวงพ่ออีกองค์หลวงพ่ออวน อยู่สระบุรี ใครอยู่สระบุรีไปหาท่านเถอะแต่ว่าเหลือแต่รูปถ่ายท่านนะ ตัวจริงท่านไปอยู่แดนสุขาวดีแล้ว ใครปวดหัวมานี่นะ ปวดมาก ๆ ท่านเอามือกอบอย่างนี้ไม่ได้เอามือถูกหัวเรานะ เทลงในกระโถนหายปวดหัว ดีกว่ายาแก้ปวด ๒ เม็ด ต่อมาก็ไม่มีคนเชื่อเพราะว่าไม่เข้าหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องของสมาธิทำเป็นเล่นไป นั่งบนฟูก นั่งบนเตียงถูกกว่าขึ้นเขียงอีก คราวหน้านักเรียนมาฟังเรื่องราว หลับหลอก ๆ ใน TIME MAGAZINE คงจำได้ที่ครูเคยบอกว่า หลับหลอก ๆ แล้วจะเจอของจริง ถ้าหลับจริงๆ จะเจอของหลอก ๆ นี่ TIME MAGAZINE ตามหลังโรงเรียนเรานะ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดคราวหน้าเราจะฟังเรื่องหลับหลอก ๆ จาก TIME MAGAZINE ว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร



#6 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 08 February 2007 - 12:29 PM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ

#7 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 24 February 2007 - 08:47 PM

สาธุค่ะ
รอ...ตอนต่อไป

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป