ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

หลักกรรมสำหรับคนสมัยใหม่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 3 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 February 2006 - 08:58 PM

การบรรยายในวันนี้ ท่านกำหนดให้พูดเรื่องกรรม เรื่องกรรม เป็นหลักธรรมที่สำคัญมากในพระพุทธศาสนานอกจากสำคัญแล้ว ก็เป็นหัวข้อ ที่มีคนมักมีความสงสัยเข้าใจกันไม่ชัดเจนในหลายแง่ หลายอย่าง บางครั้ง ก็ ทำให้นักเผยแผ่พระพุทธศาสนาประสบความยากลำบากในการที่จะชี้แจง อธิบาย หรือ ตอบปัญหา ไขข้อสงสัย แนวการอธิบาย เรื่องกรรมการ อธิบายเรื่องกรรมนั้น

โดยทั่วไปมักจะพูดกันเป็น ๒ แนว แนวที่ได้ยินกันมากคือ แนวที่พูดอย่างกว้างๆเป็นช่วงยาวๆเช่นพูดว่า คนนี้ เมื่อสมัยก่อนเคยหักขาไก่ไว้ แล้วต่อมาอีก ๒๐ ถึง ๓๐ปี โดนรถชนขาหัก ก็บอกว่า เป็นกรรมที่ไปหักขาไก่ไว้ หรือ คราวหนึ่ง หลายสิบปีแล้วไปเผาป่า ทำให้สัตว์ตาย ต่อมา อีกนานทีเดียว อาจจะแก่เฒ่า แล้วมีเหตุการณ์เป็นอุบัติภัยเกิดขึ้น ไฟไหม้บ้าน แล้วถูกไฟคลอกตาย นี้เป็นการอธิบาย เล่าเรื่อง หรือ บรรยายเกี่ยวกับกรรมแบบหนึ่ง ซึ่ง มักจะได้ยินกันบ่อยๆการอธิบายแนวนี้มีความโลดโผน น่าตื่นเต้นน่าสนใจ บางทีก็อ่านสนุก เป็นเครื่องจูงใจคนได้ประเภทหนึ่ง แต่ คนอีกพวกหนึ่งก็มองไปว่า ไม่เห็นเหตุผลชัดเจน การไปหักขาไก่ไว้กับ การมาเกิดอุบัติเหตุรถชน ในเวลา ต่อมาภายหลังหลายสิบปีนั้น มีเหตุผลเชื่อมโยงกันอย่างไร ผู้ที่เล่าก็ไม่อธิบายชี้แจงให้เห็นทำให้เขาเกิดความสงสัย คนที่หนักในเรื่องเหตุผล เมื่อไม่สามารถชี้แจง เหตุปัจจัย เชื่อมโยงให้เขามองเห็นชัดเจน เขาก็ไม่ยอมเชื่อยิ่งสมัยนี้เป็นสมัยที่ถือว่าวิทยาศาสตร์เจริญ คนต้องพูดจากันให้มีเหตุผล อธิบายให้เห็นจริงเห็นจังได้ว่าเรื่องโน้นกับเรื่องนี้สัมพันธ์กันอย่างไร เมื่อเราไม่ชี้แจงเหตุผล เชื่อมโยงให้เขาเห็นเขาก็ไม่ยอมเชื่อ ก็เป็นปัญหาเกิดขึ้น และ เราก็ชอบอธิบายกัน ในแง่นี้ด้วย

เพราะฉะนั้น จึงไม่สามารถน้อมใจ คนจำนวนมิใช่น้อย ที่ถือตนว่าเป็นคนมีเหตุผลหรือ เป็นผู้มีลักษณะจิตใจ หรือ มีท่าทีแบบวิทยาศาสตร์ การอธิบายแบบที่ ๒ ก็คืออธิบายในแง่ของเหตุปัจจัยที่เชื่อมโยงให้เห็นชัด ซึ่งกลายเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่ยากอยู่จะต้องอาศัยการพินิจพิจารณาและ การศึกษาหลักวิชามาก การอธิบาย ในแนวแยกแยะเหตุผลนี้บางทีเป็นเรื่องที่หาถ้อยคำมาพูด ให้มองเห็นชัดเจน ได้ยาก จึงเป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีผู้ใช้หรือ เราไม่ค่อยมีเวลาที่จะอธิบาย เพราะคนส่วนใหญ่จะมาพบกันในที่ประชุมเพียงชั่วเวลา ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ซึ่งจะพูดกันได้ก็แต่ เรื่องในขั้นตัว อย่างหยาบๆ มองช่วงไกลๆเท่านั้น สำหรับเรื่องที่จะพูดกัน ในวันนี้คิดว่า เราควรจะมาหาทาง พิจารณาในแง่วิเคราะห์ หรือ แยกแยะความเป็นเหตุ เป็นผล เท่าที่จะเป็นไปได้ ขอให้ลองมาพิจารณาดูกันว่า จะอธิบายได้อย่างไรโปรดติดตามต่อ.....

แหล่งที่มาจาก พระธรรมปิฎก ( ป.อ.ปยุตฺโต )

#2 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 February 2006 - 06:40 AM

หนี้ชีวิต

โ ด ย : ท.เลียงพิบูลย์

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่ง ท.เลียงพิบูลย์ ได้เคยรวบรวมเอาไว้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนสงคราม
โลกครั้งที่ ๒ ไม่นานนักเป็นเรื่องราวของผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง ชื่อ "กำนันแต้ม" แต่เดิมกำนัน
แต้มเป็นคนที่ฉลาดแกมโกง หากินกับการรับจำนองที่ที่มีคนเอาไปจำนอง เนื่องจากเดือดร้อน
เรื่องการเงิน และในไม่ช้า ที่ทางเหล่านั้นก็จะตกไปเป็นของเขาหมด และเขาก็จะจัดการขับไล่
เจ้าของเดิมออกไป โดยไม่มีความเห็นใจใดๆทั้งสิ้น ถ้าใครถูกไล่แล้วไม่ไป ก็จะถูกอิทธิพลมืด
คุกคาม จนเป็นที่หวาดเกรงของคนในย่านนั้น วันหนึ่ง กำนันแต้มได้โดยสารเรือเมล์จะกลับบ้าน

ระหว่างทางเกิดพายุใหญ่ ทำให้เรือล่ม กำนันแต้มลอยคออยู่กลางน้ำ โดยอาศัยเกาะท่อนไม้
ท่อนหนึ่ง พยุงตัวเอาไว้ และแล้ว ไม่นานนัก...แรงก็ค่อยๆหมด ท่อนไม้ก็ค่อยๆหลุดออกไป
จากมือในขณะที่แกกำลังจะจมน้ำนั้น ก็พอดีมีสองพ่อลูกพายเรือผ่านไปเห็น และได้ช่วยชีวิตไว้
ทัน สองพ่อลูกที่ว่านั้น ก็คือคนที่กำนันแต้มเคยริบบ้านช่องไร่นาและขับไล่เขาออกไปนั่นเอง แต่
สองพ่อลูกหาได้ผูกใจเจ็บต่อกำนันแต้มไม่ นอกจากจะช่วยชีวิตแล้ว แถมยังให้ข้าวปลาอาหาร
และที่พักแก่กำนันแต้มอีกด้วย ทำให้กำนันแต้มรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของสองพ่อลูกเป็นยิ่งนัก
"ถึงแม้เขาจะจนเงิน แต่เขาก็ไม่จนน้ำใจ... เราเสียอีก รวยเงิน แต่แล้งน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน"

นับจากนั้น นิสัยของกำนันแต้ม ก็ได้เปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลังมือ เหมือนเป็นคนละคน จาก
ที่เคยเป็นคนเค็ม เห็นแก่ได้ ไม่เคยเห็นใจใคร ก็กลับเป็นคนมีเมตตา ช่วยเหลือทุกคนที่ เดือด
ร้อน ครอบครัวใดที่กำนันแต้มเคยทำให้เขาเดือดร้อนมาก่อน ก็กลับให้การช่วยเหลือ ทำให้
ครอบครัวเหล่านั้นได้รับความสุขสบายตามควรแก่อัตภาพด้วยเหตุนี้ "กำนันแต้ม" จึงกลายเป็น
ที่รักของทุกๆคนในหมู่บ้าน แต่อยู่ต่อมา กำนันแต้มก็ล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล สองพ่อลูกที่เคย
ช่วยชีวิตกำนันแต้มเอาไว้ เมื่อรู้ข่าว ก็จะไปเยี่ยมในตอนเช้าวันนั้น ขณะที่ สองพ่อลูกกำลังจะ
จะก้าวขึ้นรถโดยสาร ก็ได้เห็นกำนันแต้มนั่งอยู่ในรถโดยสารอีกคันหนึ่งซึ่งวิ่งสวนทางมาพอมา
ถึงตรงสองพ่อลูก กำนันแต้มก็ชะโงกหน้าออกมา แล้วโบกไม้โบกมือ คล้ายจะบอกว่าไม่ต้อง
ไปสองพ่อลูกคิดว่า กำนันแต้มหายป่วยแล้ว ก็จึงลงจากรถโดยสารคันนั้นตอนบ่ายจึงได้ทราบ
ข่าวว่า รถโดยสารคันที่จะขึ้นไปนั้นได้ประสบอุบัติเหตุ มีผู้โดยสารเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำ
นวนมากโชคดีที่สองพ่อลูก ผู้มีใจเมตตา ไม่ได้ไปกับรถคันนั้นด้วย สองพ่อลูกรู้สึกเป็นหนี้ชีวิต
กำนันแต้ม ที่มาโบกไม้โบกมือ ห้ามเอาไว้ ไม่ให้ไปกับรถคันนั้น กำลังคิดที่จะไปขอบคุณกำนัน
แต้มที่บ้าน แต่ก้ต้องสะดุ้ง เมื่อลูกสาวของกำนันแต้มมาบอกกับสองพ่อลูกว่า "กำนันแต้มได้
ถึงแก่กรรมแล้ว เมื่อเช้านี้เอง" นั่นแสดงว่า กำนันแต้ม ที่สองพ่อลูกเห็นเมื่อเช้า นั่นก็คงเป็น
วิญญาณของกำนันแต้มที่มาบอกเตือนสองพ่อลูกล่วงหน้า คนใจดีมีเมตตาอย่างสองพ่อลูก
ขนาดผียังคุ้มครอง ให้แคล้วคลาดปราศจากภัย สาธุ... สมควรแล้ว สำหรับกรรมดี ที่สองพ่อ
ลูกได้กระทำ



#3 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 February 2006 - 05:07 AM

To..the author of this page
I'd ;like to get history of Budhism in English version. I have to teach my American freind about Thailand and I' d like them to learn more about Budhism. I know about the history but it is hard to explain them about Budism in English. If you know some web site that I could print out all the information please e-mail me at [email protected]
Thank you.

#4 JOYSA

JOYSA
  • Members
  • 234 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 February 2006 - 02:04 PM

http://www.dhammakaya.or.th/
na ka++