ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระกาฬุทายีเถระ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 DownUnder

DownUnder
  • Members
  • 30 โพสต์
  • Location:Melbourne, Australia

โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 10:27 AM

9.พระกาฬุทายีเถระ


เหตุที่ชื่อกาฬุทายี พระกาฬุทายีเป็นบุตรมหาอำมาตย์ในกรุงกบิลพัสดุ์ เป็นสหชาติ คือ เกิดพร้อมกับพระมหาบุรุษ เดิม ชื่อว่า อุทายี ท่านกล่าวว่า อุทายีกุมารนั้นเป็นคนมีผิวพรรณค่อนข้างดำ ดังนั้น ชนทั้งหลายจึงเรียกว่า กาฬุทายี เมื่อเจริญเติบโตแล้ว ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระมหาบุรุษเจ้า ซึ่งเป็นผู้มีความคุ้นเคยสนิทสนม กับพระมหาบุรุษเป็นอย่างดี

ครั้นพระมหาบุรุษเสด็จออกทรงผนวช ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เสด็จเทศนาสั่งสอนแก่เวไนยสัตว์ และประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ พระเจ้าสุทธโธทนะพุทธบิดาทรงทราบ มีพระประสงค์ใคร่จะทอดพระเนตรพระราชโอรส จึงมีพระราชโองการรับสั่งใช้อำมาตย์คนหนึ่งพร้อมทั้งบริวารอีกหนึ่งพันคน ให้ไปทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระบรมศาสดา อำมาตย์รับพระราชโองการแล้วพาบริวารไปเฝ้าพระบรมศาสดา ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุอรหัตตผลแล้ว พร้อมทั้งบริวารก็ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ก็ไม่ได้ทูลเชิญสมเด็จพระบรมศาสดา และไม่ได้ส่งข่าวให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบ ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อไม่เห็นพระราชโอรสเสด็จมา แม้แต่ข่าวคราวก็ไม่ได้รับทราบ จึงใช้อำมาตย์พร้อมด้วยบริวารหนึ่งพันคนไปอีก อำมาตย์พร้อมทั้งบริวารเหล่านั้นก็ไปบวชเสียโดยไม่ได้ส่งข่าวให้ทราบโดยนัยก่อนถึง ๙ ครั้งแล้ว ครั้นถึงวาระที่ ๑๐ จึงตรัสสั่งให้กาฬุทายีอำมาตย์ซึ่งเป็นคนที่คุ้นเคย และ โปรดปรานของสมเด็จพระบรมศาสดาไปทูลเชิญเสด็จ กาฬุทายีอำมาตย์ทูลลาบวชด้วย ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ก็พาบริวารหนึ่งพันคนไปเผ้าพระบรมศาสดาที่พระเวฬุวันได้ฟังพระธรรมเทศนาจนบรรลุพระอรหัตตผลแล้ว เมื่อ พระกาฬุทายี บวชแล้วได้ ๘ วัน ก็สิ้นเหมันตฤดู ย่างเข้าสู่ฤดูคิมหันต์ ถึงวันเพ็ญ
เดือน ๔ พอดี ท่านคิดว่า.....
“พรุ่งนี้ ก็ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน บรรดากสิกรชาวนาทั้งหลาย ก็จะเกี่ยวข้าวกันแล้วเสร็จ หนทางที่จะเสด็จสู่กบิลพัสดุ์ ก็จะสะดวกสบาย ดอกไม้นานาพรรณก็เกลื่อนกล่นพื้นพสุธา พฤกษาชาติใหญ่น้อยที่ขึ้นอยู่ริมทาง ก็ให้ร่มเงาเย็นสบายนับว่าเป็นเวลาอันสมควรที่พระบรมศาสดาจะเสด็จไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อสงเคราะห์พระประยูรญาติในบัดนี้”

พระกาฬุทายี จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับกราบทูลสรรเสริญหนทางเสด็จว่า:-
“พระพุทธเจ้าข้า หนทางไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์บุรี เป็นวิถีทางสะดวกสบายตลอดสาย ยามเมื่อแสงแดดแผดกล้า ก็มีร่มไม้ได้พักอาศัยเป็นที่หลบร้อนตลอดระยะทาง ๖๐ โยชน์ หากพระองค์จะทรงบำเพ็ญปรหิตประโยชน์เสด็จโปรดพระประยูรญาติยังกบิลพัสดุ์นคร ก็จะเป็นที่สำราญพระวรกาย ไม่ต้องรีบร้อนแม้แต่พระสาวกที่ติดตามก็จะไม่ลำบากด้วยน้ำและกระยาหารด้วยตามระยะทางมีโคจรคามเป็นที่ภิกขาจารตลอดสาย”

“อนึ่ง พระพุทธบิดา ก็มีพระทัยมุ่งหมายใคร่จะได้ทอดพระเนตร พระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ทั้งปวง หากพระองค์จะทรงพระกรุณาเสด็จไปโปรดให้สมมโนรถของพระชนกนาถ ตลอดพระประยูรญาติศากยวงศ์ และประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงที่กบิลพัสดุ์บุรี ก็จะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่พระพุทธศาสนา นำมาซึ่งคุณประโยชน์สุขแก่ปวงมหาชน เพื่อทรงโปรดพระชนกนาถ และพระประยูรญาติให้ปีติยินดี ในคราวครั้งนี้เถิด”

สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงสดับสุนทรกถาที่พระกาฬุทายี กราบทูลพรรณารวม ๖๔ คาถา ก็ทรงอนุโมทนาสาธุการทรงรับอารธนาตามคำกราบทูลของท่านแล้ว ตรัสสั่งให้ท่านไป แจ้งข่าวแก่พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย ให้ตระเตรียมการเดินทางไกล ณ กาลบัดนี้

เมื่อท่านกาฬุทายีทราบว่า พระบรมศาสดาจะเสด็จไปยังพระนครกบิลพัสดุ์จึงเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเพื่อแจ้งข้อความนั้นให้พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบ พระมหากษัตริย์พร้อมด้วยพระประยูรญาติ และประชาชนเกิดความเลื่อมใส พร้อมกับถวายอาหารบิณฑบาตแก่ท่านทุก ๆ วันที่มาแจ้งข่าวพระบรมศาสดาเสด็จ พระกาฬุทายีเถระ แจ้งข่าวให้พระสงฆ์ทั้งปวงทราบ ตามพระบัญชาบรรดาพระสงฆ์ เหล่านั้น ก็พากันตระเตรียมบาตร จีวร และบริขารอื่น ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้วกราบทูลให้ทรงทราบ สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จพุทธดำเนินพร้อมด้วยพระสงฆ์ ๒๐,๐๐๐ รูป เป็นบริวาร เสด็จจากรุงราชคฤห์สู่กรุงกบิลพัสดุ์โดยมิได้รีบร้อน เดินทางได้วันละโยชน์ (๑๖ กม.)เป็นเวลา ๖๐ วันพอดีส่วน พระกาฬุทายีเถระ คิดว่า “เราควรจะไปแจ้งข่าวให้สมเด็จพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบการเสด็จมาของพระบรมศาสดา” จึงล่วงหน้ามาแจ้งข่าวเป็นระยะๆทุกๆวัน พระเจ้าสุทโธทนะ ได้ถวายภัตตาหารแก่พระเถระแล้ว บรรจุพระกระยาหารอีกส่วนหนึ่ง ให้พระเถระนำไปถวายพระพุทธองค์ เป็นประจำทุกครั้งที่พระเถระมาแจ้งข่าว ฝ่ายพระประยูรญาติ ทั้งฝ่ายศากยะและฝ่ายโกลิยะ ได้ทราบข่าวว่าพระองค์กำลังเสด็จมาสู่พระนครกบิลพัสดุ์ ก็ปีติโสมนัสเบิกบานอย่างยิ่ง และได้ประชุมปรึกษาหารือตกลงเห็นพ้องต้องกันว่า อุทยานของพระนิโครธศากยราชกุมารนั้น เป็นรมณียสถานสมควรเป็นที่ประทับของ พระบรมศาสดาจึงร่วมกันสร้างพระคันธกุฎี และเสนาสนะที่พักสำหรับภิกษุสงฆ์ลงในที่นั้น ถวายเป็นพระอารามในพระพุทธศาสนาชื่อว่า“นิโครธาราม” ด้วยเหตุที่ พระกาฬุทายี เป็นทั้งราชทูตของพระเจ้าสุทโธทนะ ไปกราบทูลอาราธนา พระบรมศาสดา และเป็นสมณทูตพยายามไปแจ้งข่าวสารการเสด็จมาของพระผู้มีพระภาคต่อ พระประยูรญาติเป็นประจำ จนพระประยูรญาติเกิดศรัทธาเลื่อมใสสร้างพระอารามถวายไว้ใน พุทธศาสนา นับว่าท่านได้ทำคุณแก่พระประยูรญาติศากยวงศ์และแก่พระศาสนาอย่างอเนกอนันต์และได้ทำตระกูลอื่นๆที่ไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์จึงทรงตั้งท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายใน ฝ่าย ผู้นำตระกูลให้เลื่อมใส ต่อมาเมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน


สัพเพ สัพตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ.
ด้วยบุญนี้ขอให้คู่กรรมคู่เวร พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ตลอดจนวงศาคณาญาติทั้งหลายทั้งในอดีตและปัจจุบันและผู้ที่อาศัยอยู่ ๔ โลกอันได้แก่ มนุษย์ นรก บาดาล สวรรค์ จงมีส่วน ในธรรมทานครั้งนี้ด้วยเทอญ.


อนุโมทนาบุญกับน้องธรรมจักรด้วยนะครับ สำหรับข้อมูล

#2 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 11:58 AM

อนุโมทนาบุญด้วยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
อยากมีบุญทำแบบนี้ด้วยจัง พอดีมี หนังสือเรื่องอสีติมหาสาวก และ ภิกษุณี พุทธสาวิกา ของท่านอาจารย์ บรรจบ บรรณรุจิ อยู่ที่บ้านด้วยน่ะครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#3 yujiro

yujiro
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 01:51 PM

sathu

#4 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 17 February 2006 - 08:57 PM

ถ้าอยากทำก็ post เองได้เลยค่ะ
บุญต้องแย่งกันทำ
พี่ก็ตัดหน้าทำไปก่อนเลยสิคะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#5 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 18 February 2006 - 10:05 AM

พี่ครับ ไม่ต้องแย่งกันครับ เปลี่ยนจากแย่งมาร่วมมือกันช่วยกันดีกว่าครับ

ถ้าพี่อยากทำก็เมลมาบอก จะได้แบ่งกันครับ ตอนนี้โพสไป9องค์แล้ว หรืออีกตั้ง71 ถ้าแย่งกันโพสเด่วมันจะซ้ำกันครับ ร่วมมือกันทำดีกว่า
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#6 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 19 February 2006 - 06:16 PM

โมทนา สาธุคับ

#7 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 18 March 2007 - 03:21 PM

สาธุ