ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

"การรักษาศีลอย่างถูกวิธีและมั่นคงตลอดไป"


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 19 February 2006 - 08:41 AM

Well, I couldn't help but join in about การรักษาศีล Got it From Kalayanamitra website ^_^
http://www.kalyanami...ndex_jan48.html
หลวงพ่อทัตต is one of the greatest!! ^_ ^ Please enjoy this Dhamma .....by the way any one have good pictures to put in please feel free to do so...I haven't found a good picture for this...


" Q : วิธีการรักษาศีล ๕ ให้ถูกต้องเป็นอย่างไร และมีกุศโลบายอย่างไรในการที่จะทำให้รักษาศีล ๕ ได้มั่นคงตลอดไป?


A : จำหลักง่ายๆ ก็แล้วกัน ในการรักษาศีลให้ถูกวิธีคือ ต้องตั้งใจ ถ้าไม่ตั้งใจไม่ถือว่าเป็นการ รักษาศีล ถ้าตั้งใจว่าจะไม่ละเมิด แม้มีโอกาสที่จะละเมิดก็ไม่ละเมิดตามที่ตั้งใจเอาไว้ นั่นคือการรักษาศีลที่แท้จริง

ยกตัวอย่าง ตั้งใจว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ฆ่า ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดในกามหรือไม่เจ้าชู้ ไม่พูดโกหก ไม่ดื่มเหล้า ไม่ดื่มเบียร์ ไม่ดื่ม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (Alcohol) ยาเสพติด ทั้งหลายที่ให้โทษ เลิก ไม่ต้องมาพูด

ถึงใครจะเอามีดมาจ่อคอ เอาปืนมาจ่อหัวให้ละเมิดศีลทั้ง ๕ ข้อนี้ ตายก็ให้ตายไปเถอะ ไม่ทำหรอก ที่ต้องพูดอย่างนี้ก็เพราะว่ามีหลายคนเข้าใจผิด เช่น เวลาชวนเข้าวัดเขากลับตอบว่า

"ผมไม่ได้ทำความชั่วอะไร ทำไมต้องไปเข้าวัดด้วย ในเมื่อผมไม่ได้ทำชั่วก็ต้องถือว่าผมเป็นคนดีแล้ว" อย่างนี้อันตรายแล้วลูกเอ๋ย

ต้องมองใหม่ เพราะว่าคนดีที่ได้มาตรฐาน คือ คนที่ตั้งใจทำความดี

ส่วนพวกที่ไม่ได้ทำความดีอะไร เพียงแค่อยู่เฉยๆ เลยไม่ได้ทำความชั่ว การที่ไม่ได้ทำความชั่วแล้วจะบอกว่าเป็นคนดีนั้น หาใช่ไม่

ไม่อย่างนั้นนักโทษที่ถูกขังอยู่ในคุก ไม่มีโอกาสที่จะฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม จะโกหก จะดื่มเหล้า ถามว่าเจ้านักโทษคนนี้มีศีล ๕ หรือไม่ ก็บอกว่ายังไม่แน่

เพราะถ้าในใจของเขาตั้งเอาไว้ว่า ถึงมดจะไต่ไรจะตอมอย่างไร ก็จะไม่บี้ไม่ตบล่ะ อย่างนี้ถือว่าเขามีศีลแล้ว

แต่ถ้าในใจเขาคิดถึงแต่ว่า ใครแหลมเข้ามาจะฆ่าให้หมด เมื่อเป็นอย่างนี้แสดงว่าเขายังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล

เพราะฉะนั้น จึงต้องตีประเด็นไว้ก่อนว่า คนที่ยังไม่ได้ละเมิดศีลนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนมีศีล เป็นแต่เพียงว่าเขายังไม่ได้ละเมิดศีลต่างหาก

ส่วนคนมีศีล คือ คนที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะรักษาศีล จะไม่ล่วงละเมิดทั้งความประพฤติทางกาย และทางวาจา แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไม่ล่วงละเมิดจริงๆ นั่นแหละคือคนที่มีศีลจริงๆ



วิธีที่ทำให้สามารถรักษาศีลได้ตลอดไป


เมื่อสมัยยังเป็นฆราวาส หลวงพ่อเคยใช้วิธีง่ายๆ คือ ตั้งใจรักษาศีลไปทีละวัน เช้าจะออกจากบ้านก็พระที่ห้อยคออยู่นั่นแหละ อาราธนาท่านใส่ไว้ในมือแล้วตั้งนะโม ๓ จบ เสร็จเรียบร้อยก็สัญญากับหลวงพ่อในมือว่า

วันนี้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรจะไม่ฆ่าทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นมดหรือว่ายุงสักตัวก็จะไม่บี้ ไม่ตบ

วันนี้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร จะไม่ลัก ไม่ขโมย ของใครทั้งนั้น

วันนี้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร จะไม่ไปยุ่งกับภรรยา หรือว่าลูกสาวใคร

วันนี้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เรื่องไม่จริง ไม่พูด ถ้าพูดต้องพูดแต่เรื่องจริง พูดแล้วจะทำให้คนนั้นคนนี้เสียหาย สู้ไม่พูดดีกว่า

วันนี้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ไม่ว่าเหล้า ไม่ว่า เบียร์ ไม่ว่ากะแช่ ไม่ว่าสาโท ไม่เอาทั้งนั้น

ส่วนพรุ่งนี้ยังไม่รู้ แค่สัญญากับตัวเองไปวันๆ เท่านั้น ทำอย่างนี้ทุกวัน พอข้ามวันก็ชื่นใจว่าวันนี้เราสามารถฝ่าอุปสรรคมาได้อีก ๑ วันแล้ว

เพราะถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับกันว่า โลกของเราทุกวันนี้ มีความวุ่นวาย มีสิ่งบีบคั้นที่จะทำให้เราละเมิดศีลมากพอแรงอยู่เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น เมื่อเราตั้งใจว่าจะรักษาให้ข้ามไปทีละวันๆ อย่างนี้ ก็จะไม่หนักแรงจนเกินไป หากินเป็นวันๆ ไปก่อน ไม่ต้องวางแผนอะไรมากมาย ทำอย่างนี้ทุกวัน ก็ได้ชื่นใจไปทุกวัน


ครบปีเข้า พอมีอะไรมายั่วยุให้ผิดศีลขึ้นมา ใจก็ไม่ยอมรับที่จะละเมิด เพราะว่าศีลได้ซึมซับเข้าไปในใจ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้


ขั้นตอนของการรักษาศีล[u]


การรักษาศีลก็มีเป็นขั้นเป็นตอน ทีแรกพอยุงมากัดปั๊บ เงื้อมือปุ๊บเลย แต่พอจะตบลงไปเท่านั้น นึกได้ว่าวันนี้เรารักษาศีลก็เลยไม่ตบ อย่างนี้เรียกว่า "ศีลจิ้มน้ำตาล"เหมือนอย่างกับมะขาม จิ้มน้ำตาล ทีแรกก็เป็นอย่างนี้ คือยังง่อนแง่นอยู่

พอรักษาศีลนานเข้าๆ เป็นเดือน ๒ เดือน ๓ เดือน พอมียุงมากัด ที่เงื้อมือจะตบนั้นไม่มีหรอก แค่ไล่ให้มันรีบๆ ไปเสีย เพราะว่าเราเจ็บแล้ว อย่างนี้เรียกว่า "ศีลเชื่อม"

เมื่อรักษาศีลมากเข้าๆ จนกระทั่งเป็นปี พอถูกยุงกัดปุ๊บกลับได้คิดว่า ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ก็ไม่แคล้วที่จะต้องมาเบียดเบียนกันอย่างนี้ หมดกิเลสเมื่อไรถึงจะได้ไม่ต้องมาเจอกับสิ่งเหล่านี้ เพียงแค่ถูกยุงกัดเท่านั้นแต่คิดจะไปพระนิพพาน อย่างนี้เรียกว่า "ศีลแช่อิ่ม"

เพราะฉะนั้น การรักษาศีลจึงไม่ใช่เป็นเรื่องพอดีพอร้าย แต่เป็นเรื่องที่จะต้องเอาชีวิตเป็น เดิมพันกันทีเดียว "

#2 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 20 February 2006 - 12:17 PM

ผมและเพื่อนๆร่วมบุญชุดหนึ่ง ได้ไปถวายชุดจานดาวธรรมให้แก่วัดเชียงยืน อ. พาน จ. เชียงราย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้าอาวาส ท่านพระครูอาทรวรวัฒน์ เมื่อได้ทราบว่า ผมและเพื่อนๆจะสร้างทีมงานตั้งกองทุนเพื่อบริจาคจานดาวธรรมให้แก่วัด โรงเรียน และโรงพยาบาล โดยไม่จำกัดจำนวน และ ณ วันนี้มีสสถานที่คอยรับการบริจาคอยู่อีก 4 แห่งในต่างอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ผมจะรีบหาเวลาพาเจ้าหน้าที่ติดตั้งจากศูนย์บริการของวัดธรรมกายประจำจังหวัดเชียงใหม่ ออกไปตืดตั้งให้โดยเร็ว ท่านพระครูจึงขอร่วมกองทุนด้วย โดยได้ล้วงปัจจัยส่วนตัวของท่าน จากย่ามมอบให้ผม 300 บาท ผมดีใจมาก ที่ท่านเอง ก็อยากได้และก็อยากร่วมทำบุญให้วัดอื่นๆด้วย น่าปลื้มจริงๆสาธุ ........

หากเพื่อนกัลยาณมิตรท่านใดประสงค์จะร่วมสร้างบุญในการร่วมบริจาคจานดาวธรรมด้วย ได้โปรดนำเงินเข้าบัญชีชื่อผมดังนี้ครับ

ชื่อบัญชี สามารถ โพธิ์ชาชาญ
เลขบัญชี 501-2-82732-5 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาท่าแพ ถนนท่าแพ อ.เมือง จ. เชียงใหม่

โปรดแจ้งให้ผมทราบทางอีเมล์ [email protected] เพื่อผมจะได้ส่งบุญมาให้ รวมทั้งแจ้งการดำเนินการต่างๆให้ทราบ เป็นระยะๆ