มาตาสดุดี
โดย หลวงพรปรีชา
อันพระคุณมารดาหาใดเปรียบ
บ่มิเทียบเทียมเท่าล้นเกล้าอยู่
สุดจะคณนาด้วยตราชู
สุดหยั่งรู้หนักเบาว่าเท่าไร
มหาสมุทรสุดฝั่งยังหยั่งรู้
ความรักดูยืดยาวสืบสาวได้
อีกขุนเขาโขนเขินและเนินไพร
ความกว้างใหญ่วัดขนาดตามมาตรา
อันพิภพว่ากว้างเวิ้งว้างแสน
จบดินแดนเลขคำนวณสอบสวนหา
กำหนดได้ครบครันด้วยปัญญา
มิใช่ว่าสุดคำนวณประมวลวัด
อีกทั้งห้วงเวหานภากาศ
ยังสามารถหยั่งทำเขตจำกัด
อาทิตย์จันทร์ดาราสารพัด
ทุกส่วนสัดสอบดูรู้ประมาณ
แต่พระคุณมารดาสุดหาช่อง
ที่จะปองกำหนดจดกล่าวขาน
รู้แต่ว่ายิ่งใหญ่ใดมิปาน
สุดจะทานเทียบทำกำหนดนับ
ฉะนี้แน่แม่ของเราเฝ้านับถือ
อย่าดึงดื้อฟังว่าอย่าสับปลับ
อย่าถือโทษโกรธขึ้งถึงสำทับ
กล่าวบังคับขู่เข็ญเช่นใครใคร
ท่านกรากกรำลำบากได้ยากยิ่ง
ทุกทุกสิ่งสิ่งเสียสละเพราะจะให้
เราผู้บุตรสุดที่ห่วงดั่งดวงใจ
ปราศภัยทั้งผองมาพ้องพาน
ยามตั้งครรภ์
ยามตั้งครรภ์ ท่านก็เริ่มประเดิมรัก
เฝ้าฟูมฟักเจตน์จำนงด้วยสงสาร
ถนอมครรภ์หมั่นประคองมิต้องงาน
เกรงทารกจะพาลลำบากกาย
จะยืนนั่งเดินนอนค่อยผ่อนเบา
เพราะเกรงเจ้าจะสะเทือนเคลื่อนสลาย
ยิ่งนานวันครรภ์ยิ่งหนักมิพักคลาย
ท่านยิ่งหมายมุ่งระวังการนั่งเดิน
ยอมลำบากมิให้ยากแก่ครรภ์ด้วย
หวังอำนวยสุขเราแต่เพลาเนิ่น
มิยอมให้ใดพลาดมิขาดเกิน
ท่านเพลิดเพลินมุ่งนำภาร์รักษาครรภ์
ถึงจะหนักสักเท่าไรไม่บอกบ่น
ความกังวลเท่าไรไม่หวาดหวั่น
สีหน้าสุขแช่มชื่นทุกคืนวัน
เพราะรักนั้นอยู่ที่บุตรสุดอาทร
ยามจะคลอด
ยามจะคลอดทอดร่างระริดปวด
แสนยิ่งยวดแทบชีวิตจะปลิดถอน
ความเจ็บรุนแรงทวีซ้ำถี่ซ้อน
หัวใจอ่อนหวิวหวาดแทบขาดใจ
ถึงกระนั้นใช่ท่านจะถือโกรธ
หมายมั่นโทษรังเกียจก็หาไม่
พอเห็นหน้าทารกร้องความข้องใจ
ก็กษัยสูญทันทีมีแต่รัก
ความเจ็บปวดปลิดหายคล้ายมิเกิด
เฝ้าแต่เพลิดเพลินทวียินดีนัก
นั่นคือผลที่อุ้มครรภ์มานานนัก
ได้ประจักษ์ลืมลำบากที่ยากกาย
ถึงสิบเดือนแม่ประคองอุ้มท้องมา
หวังเห็นหน้าบุตรในครรภ์แสนมั่นหมาย
มุ่งถนอมให้ยิ่งทั้งหญิงชาย
ใช่จะหน่ายแหนงให้ไร้อุ้มชู
ยามเป็นทารก
เมื่อยังอ่อนนอนเบาะฉอเลาะพูด
ก็ได้ดูดนทีนั้นที่ถันคู่
เหมือนดื่มน้ำจากอุราน่าเอ็นดู
ร่างกายผู้มารดาพาร่วงโรย
ยามลูกร้องรีบประคองเข้ารับขวัญ
ไม่เป็นอันกินนอนผ่อนระโหย
ตัวเองชั่งแต่หวังจะกอบโกย
ความสุขโปรยให้แก่บุตรสุดที่รัก
มดมืไต่ไรมิตอมถนอมเจ้า
ทุกค่ำเช้ามิได้เห็นเป็นงานหนัก
สิ่งใดผิดสำแดงแสลงนัก
ท่านก็จักงดไว้ไม่รับประทาน
ยามลูกตื่นก็เห่กล่อมไม่ยอมหลับ
ทิ้งสำรับยามลูกร้องเรียกอาหาร
ยามลูกป่วยก็รักษาพยาบาล
ลูกสำราญแม่จึงชื่นระรื่นใจ
เมื่อเติบโต
ครั้นอายุเติบใหญ่ยิ่งใฝ่รัก
ความฟูมฟักจะถดถอยน้อยหาไม่
กลับทวีความระวังทุกอย่างไป
เกรงโพยภัยจะมีมาบีฑา
เฝ้าอบรมสอนสั่งให้ยั้งคิด
สิ่งใดผิดใดชอบสอบศึกษา
ให้รู้เช่นชั่วดีมีปัญญา
มีคุณค่าสมกำเนิดเกิดเป็นคน
แม้ยามโกรธลงโทษถึงดุด่า
เจตนาสอนสั่งจึงนั่งบ่น
ใช่จักเกลียดจักชังฝังกมล
ความรักท้นท่วมอยู่มิรู้วาย
ถึงทำผิดหนักหนาถึงสาหัส
ทุกคนตัดไม่คบค้าพาแหนงหน่าย
อันแม่หรือจะมีจิตคิดโหดร้าย
( ..... ข้อความหายไป ..... )
ความรักของมารดา
ท่านพร้อมจะอภัยให้ทุกเมื่อ
รักไม่เบื่อเกลียดไม่ลงเพราะสงสาร
นึกเมื่อยามอุ้มท้องต้องทรมาน
ให้ดื่มธารจากทรวงอกฟกช้ำมา
ความรักของผู้อื่นดาษดื่นนั้น
ย่อมมีวันจืดจางอย่างน้ำท่า
แต่ความรักของท่านผู้มารดา
สุดจะหาจืดหมดสิ้นรสร้าง
ชั่วก็รักดีก็รักหนักเป็นห่วง
รักดั่งดวงจิตจริงไม่ทิ้งขว้าง
มีเมตตาการุณย์หนุนเป็นทาง
มิใช่อย่างรักละเมอหลงเพ้อไป
ตั้งแต่น้อยเติบใหญ่มิหน่ายลูก
คิดฝังปลูกให้รุ่งเรืองเฟื่องสมัย
ลูกได้ดีแม่ก็ปลื้มลืมเหนื่อยใจ
เพราะนั่นไซร้คือผลที่ทนมา
การสนองคุณมารดาของบุตร
พระคุณท่านมารดาฉะนี้นี่
บุตรที่ดีควรระลึกหมั่นศึกษา
กำหนดฟังฝังไว้ในอุรา
แล้วคิดหาทางปองสนองคุณ
ที่ท่านเลี้ยงที่ท่านรักยิ่งกว่าชีวิต
ยอมอุทิศทุกสิ่งรับสนับสนุน
มิให้ท่านขาดเหลือเฝ้าเจือจุน
ให้ท่านอุ่นนอกคลายหายทุกข์ร้อน
อย่าให้ท่านเสียใจได้เศร้าโศก
เนื่องเพราะเรานอกโอวาทพลาดคำสอน
สิ่งใดดีจงนำพามุ่งอาทร
คิดผันผ่อนให้แม่สุขทุกคืนวัน
กิจสำคัญขั้นสุดท้ายบุตรชายหญิง
ควรอย่างยิ่งจะจำกำหนดหมั่น
เมื่อถึงคราแม่มีคุณสิ้นบุญนั้น
งานศพพลันจัดนิยมตามสมควร
อีกทำบุญสุนทานกุศล
เพื่อเป็นผลอุทิศให้ได้ตามส่วน
ประพฤติได้ดั่งนี้เช่นชี้ชวน
นามอบอวลว่าเป็นผู้รู้คุณเอย ฯ