ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

แล้วการที่เราอธิษฐานเพื่อให้ได้มีกายมหาบุรุษนั้นมีประโยชน์อย่างไร


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 10:31 AM

การที่เราอธิษฐานเพื่อให้ได้มีกายมหาบุรุษนั้นมีประโยชน์อย่างไร
คือเข้าใจค่ะว่าจะได้มีผิวพรรณงามเปล่งปลั่ง แข็งแรง สุขภาพดี หน้าตาดี

แต่ เราจำเป็นจะต้องมีครบทุกองค์ประกอบเลยรือ เช่น มือ เท้า ต้องนิ้วเท่ากันเหรอ หรือเราต้องมีผมขดเวียนตามเข็มนาฟิกา มีกระหม่อมที่ยกตัวสูงขึ้นด้วยหรือ คนอื่นที่ไม่รู้ก็เห็นเราประหลาดเท่านั้นซิ

(ขอโทษค่ะอาจใช้คำพูดไม่ค่อยถูกนัก และหวังว่าผู้อ่านคงเข้าใจนะคะ ว่าไม่ได้ลบหลู่ เพียงแต่สงสัย)


ขอบคุณค่ะ

#2 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 10:47 AM

ไม่หรอกค่ะ

กายมหาบุรุษน่ะ เป็นกายที่หาที่ติไม่ได้ ขอย้ำ "ไม่ได้"ค่ะ

ยอดนักติ เมื่อได้เห็นกายมหาบุรุษแล้ว ติไม่ออกเลยค่ะ ไม่แน่อาจถึงขั้นเป็นใบ้ไปเลยก็ได้

เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#3 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 10:48 AM

ผมว่าการที่อฐิษฐานให้ได้กายมหาบุรุษมีประโยชน์หลายอย่างนะ อย่างเช่น
ช่วยให้คนเห็นที่ได้เห็นเราเกิดศรัทธาเลื่อมใส เป็นประโยชน์ในการทำหน้าที่กัลยาณมิตร คือ สมมุติเวลามีคนไม่รู้จักมาชวนเราไปทำบุญคนหนึ่งหน้าตาดีหน้าไว้วางใจ อีกคนดูหน้าตาท่าทางไม่ค่อยหน้าไว้วางใจ เราจะเชื่อใครก่อนครับถ้าเจอครั้งแรก ร้อยละ 99.99 ผมว่าต้องเชื่อคนที่หน้าตาดีเป็นที่หน้าไว้วางใจมากกว่าอยู่แล้วครับ
ส่วนที่จะได้มีผิวพรรณงามเปล่งปลั่ง แข็งแรง สุขภาพดี หน้าตาดี นี้ก็ส่วนหนึ่ง
แล้วที่สำคัญก็คือ
เป็นจุดเริ่มต้นของของความรู้แจ้ง เห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง
เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวโลกได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
เป็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่างภายในของสรรพสัตว์ สรรพชีวิต ทั้งหลายที่แท้จริง
**************************************************************
QUOTE
แต่ เราจำเป็นจะต้องมีครบทุกองค์ประกอบเลยรือ เช่น มือ เท้า ต้องนิ้วเท่ากันเหรอ หรือเราต้องมีผมขดเวียนตามเข็มนาฟิกา มีกระหม่อมที่ยกตัวสูงขึ้นด้วยหรือ คนอื่นที่ไม่รู้ก็เห็นเราประหลาดเท่านั้นซิ


อันนี้ผมว่าเราคงไม่ได้เหมือนเปรียบไปเสียทุกอย่างหรอกครับ บางชาติเราก็อาจจะได้บ้างแต่ได้ไม่หมด ส่วนเรื่องกระหม่อมยกสูงขึ้นอันนี้ผมไม่ทราบเพราะว่าผมไม่เคยอ่านเจอ ผมเคยอ่านแต่ ศีรษะมีสัณฐานงดงามดุจฉัตร หน้าผากกว้างเสมอกัน และ มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ ครับ ผมคิดว่าเราก็ทำบุญของเราไปเรื่อยๆตามสติกำลังของเราทำอย่างเต็มที่ ตั้งจิตอฐิษฐานเอาไว้เมื่ออยากได้อะไรเป็นอะไร และสุดท้ายเมื่อเวลาบารมีของเราเต็มเปี่ยมแล้ว อะไรที่เราปราถนาไว้เป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง มันก็จะเกิดขึ้นมากับตัวเราเองครับ แต่ผมก็ขอให้คุณ VCO เชื่อเถอะครับ ว่ากายมหาบุรุษเป็นของดี มิเช่นนั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็คงไม่ใช่กายนี้ตอนตรัสรู้พระปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณหรอกครับ
**************************************************************
เรื่องลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังปรากฏในลักขณสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระไตรปิฎก เล่ม ๑๑ (ที.ปา. (แปล) ๑๑/๑๙๘-๒๔๑/๑๕๙-๑๙๘)
อรรถกถาอธิบายความเป็นมาของพระสูตรนี้ไว้ว่า เช้าวันนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี ได้ยินประชาชนสนทนากันด้วยเรื่องลักษณะมหาบุรุษของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใส แต่ไม่ทราบว่า เพราะเหตุไร พระพุทธองค์จึงทรงมีลักษณะมหาบุรุษเหล่านั้น เมื่อ ท่านพระอานนท์นำความกราบทูลให้ทรงทราบ จึงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์ ทรงแสดงเรื่องนี้ให้ฟัง มีสาระ สำคัญ ดังนี้
ตรัสเล่าว่า พระมหาบุรุษผู้สมบูรณ์ด้วยลักษณะ ๓๒ ประการ ย่อมมีคติ ๒ อย่าง คือ (๑) ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม ครองราชย์โดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดินมีมหาสมุทรทั้งสี่เป็นขอบเขต ทรงได้ชัยชนะ มีพระราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว คหบดีแก้ว และปริณายกแก้ว (๒) ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระอรหันต-สัมมาสัมพุทธเจ้า

พระมหาบุรุษทรงสมบูรณ์ด้วยลักษณะมหาบุรุษทั้ง ๓๒ ประการ คือ
๑. มีฝ่าพระบาทราบเสมอกัน
๒. พื้นฝ่าพระบาททั้งสองมีจักรซึ่งมีกำ ข้างละ ๑,๐๐๐ ซี่ มีกง มีดุม และมีส่วนประกอบครบทุกอย่าง
๓. มีส้นพระบาทยื่นยาวออกไป
๔. มีพระองคุลียาว
๕. มีพระหัตถ์และพระบาทอ่อนนุ่ม
๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีเส้นที่ข้อพระองคุลีจดกันเป็นรูปตาข่าย
๗. มีข้อพระบาทสูง
๘. มีพระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
๙. เมื่อประทับยืน ไม่ต้องน้อมพระองค์ลง ก็ทรงลูบคลำถึงพระชานุด้วยพระหัตถ์ทั้งสองได้
๑๐. พระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก
๑๑. มีพระฉวีสีทอง มีพระฉวีเปล่งปลั่งดุจทองคำ
๑๒. มีพระฉวีละเอียดจนละอองธุลีไม่อาจติดพระวรกายได้
๑๓. มีพระโลมชาติเดี่ยว คือในแต่ละขุมมีเพียงเส้นเดียว
๑๔. มีพระโลมชาติปลายงอนขึ้น คือพระโลมชาติขอดเป็นวง เวียนขวาดังกุณฑลสีคราม เข้มดังดอกอัญชัน
๑๕. มีพระวรกายตั้งตรงดุจกายพรหม
๑๖. มีพระมังสะในที่ ๗ แห่ง๑ เต็มบริบูรณ์
๑๗. มีพระวรกายทุกส่วนบริบูรณ์ดุจลำตัวท่อนหน้าของราชสีห์
๑๘. มีร่องพระปฤษฎางค์เต็มเสมอกัน
๑๙. มีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจปริมณฑล ของต้นไทร พระวรกายสูงเท่ากับ ๑ วา ของพระองค์ (๑ วาของพระองค์เท่ากับส่วนสูงพระวรกาย)
๒๐. มีลำพระศอกลมเท่ากันตลอด
๒๑. มีเส้นประสาทรับรสพระกระยาหารได้ดี
๒๒. พระหนุดุจคางราชสีห์
๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่
๒๔. มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
๒๕. มีพระทนต์ไม่ห่างกัน
๒๖. มีพระเขี้ยวแก้วขาวงาม
๒๗. มีพระชิวหาใหญ่ยาว
๒๘. มีพระสุรเสียงดุจพรหม ตรัสดุจเสียงร้องของนกการเวก
๒๙. มีพระเนตรดำสนิท
๓๐. มีดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
๓๑. มีพระอุณาโลมระหว่างพระโขนง สีขาวอ่อนเหมือนปุยนุ่น
๓๒. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์
ตรัสเน้นว่าลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการนี้ ถึงพวกฤาษีนักบวชภายนอกพระพุทธศาสนาจะจด จำได้ แต่พวกนั้นไม่รู้ว่า พระมหาบุรุษทรงทำกรรมอะไรไว้ จึงได้ลักษณะเหล่านี้


จากนั้น ทรงอธิบายสาเหตุที่ทรงได้ลักษณะ มหาบุรุษแต่ละประการโดยทรงจัดกลุ่มตามลักษณะ ที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกัน มิได้เป็นไปตามลำดับที่ทรง จำแยกไว้ในตอนต้น ดังนี้

ลักษณะที่ ๑ มีฝ่าพระบาทราบเสมอกัน
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้สมาทานมั่นในกุศล กรรมบถ ๑๐ สมาทานมั่นในสุจริต ๓ บริจาคทาน รักษาศีล ๕ รักษาอุโบสถศีล เกื้อกูลมารดาบิดา สมณ-พราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลและสมาทานมั่นในกุศลธรรมอื่น ๆ อีก

ลักษณะที่ ๒ พื้นฝ่าพระบาททั้งสองมีจักรซึ่งมีกำข้างละ ๑,๐๐๐ ซี่ มีกง มีดุม และส่วนประกอบครบทุกอย่าง
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่คนหมู่มาก บรรเทาภัยคือความหวาดกลัวและความสะดุ้ง จัดการป้องกันคุ้มครองอย่างเป็นธรรม และให้ทานพร้อมทั้งของที่เป็นบริวาร

ลักษณะที่ ๓-๕ (๓) มีส้นพระบาทยื่นยาว ออกไป (๔) มีพระองคุลียาว และ (๕) มีพระวรกายตั้งตรงดุจกายพรหม๑
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ มีความละอายต่อบาป มีความเอ็นดู มุ่งประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์

ลักษณะที่ ๖ มีพระมังสะในที่ ๗ แห่ง เต็ม บริบูรณ์๒
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยว ของ ที่ควรบริโภค ของที่ควรลิ้ม ของที่ควรชิม น้ำที่ควรดื่มอันประณีตและมีรสอร่อย

ลักษณะที่ ๗-๘ (๗) มีพระหัตถ์และพระบาทอ่อนนุ่ม และ (๘) ฝ่าพระหัตถ์ และฝ่าพระบาทมีเส้นที่ข้อพระองคุลีจดกันเป็นรูปตาข่าย๓
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ได้สงเคราะห์ประชาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ คือ (๑) ทาน (การให้) (๒) เปยยวัชชะ (วาจาเป็นที่รัก) (๓) อัตถจริยา (การประพฤติประโยชน์) (๔) สมานัตตตา (การวางตนสม่ำเสมอ)

ลักษณะที่ ๙-๑๐ (๙) มีข้อพระบาทสูง และ (๑๐) มีพระโลมชาติปลายงอนขึ้น คือ พระโลมชาติขอดเป็นวงเวียนขวา ดังกุณฑล สีครามเข้มดังดอก อัญชัน๑
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้กล่าววาจาประกอบด้วยประโยชน์ ประกอบด้วยธรรม แนะนำคนหมู่มาก เป็นผู้นำประโยชน์และความสุขมาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นผู้บูชาธรรมโดยปกติ

ลักษณะที่ ๑๑ มีพระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อ ทราย๒
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ตั้งใจสอนศิลปะ (วิชาชีพ) วิชา (เช่น วิชาหมอดู) จรณะ (ศีล) หรือกรรม (ความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม) โดยประสงค์ให้คนทั้งหลายได้รับความรู้อย่างรวดเร็ว ปฏิบัติได้เร็ว ไม่ต้องลำบากนาน

ลักษณะที่ ๑๒ มีพระฉวีละเอียดจนละอองธุลี ไม่อาจติดพระวรกายได้
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ ได้เข้าไปหาสมณะพรือพราหมณ์ แล้วซักถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไร มีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเกี่ยวข้อง อะไรไม่ควรเกี่ยวข้อง อะไรที่ทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน อะไรที่ทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อความเกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน แล้วตั้งใจฟัง คำตอบด้วยดี มุ่งประโยชน์ ไตร่ตรองเรื่องที่เป็น ประโยชน์

ลักษณะที่ ๑๓ มีพระฉวีสีทอง๓
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ไม่โกรธ ไม่แค้น (คือทำให้บรรเทาได้) แม้ถูกว่ากล่าวอย่างรุนแรงก็ไม่ขัดเคือง ไม่พยายาท ไม่จองล้างจองผลาญ ไม่สำแดงความ โกรธ ความอาฆาตและความเสียใจให้ปรากฏ เป็น ผู้ให้เครื่องลาดเนื้อดีอ่อนนุ่ม ให้ผ้าห่มที่เป็นผ้า โขมพัสตร์เนื้อดี ผ้าฝ้ายเนื้อดี ผ้าไหมเนื้อดีและผ้ากัมพลเนื้อดี

ลักษณะที่ ๑๔ มีพระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก๔
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้นำพวกญาติมิตรสหาย ผู้มีใจดีที่หายไปนาน จากกันไปนาน ให้กลับมาพบกันคือนำมารดาให้พบกับบุตร นำบุตรให้พบกับมารดา นำบิดาให้พบกับบุตร นำบุตรให้พบกับบิดา นำพี่ชายน้องชายให้พบกับพี่ชายน้องชาย นำพี่ชายน้องชายให้พบพี่สาวน้องสาว นำพี่สาวน้องสาวให้พบพี่ชายน้อง ชาย นำพี่สาวน้องสาวให้พบพี่สาวน้องสาว

ลักษณะที่ ๑๕-๑๖ (๑๕) มีพระวรกายเป็นปริมณฑลดุจปริมณฑลแห่งต้นไทร พระวรกายสูง เท่ากับ ๑ วา ของพระองค์ ๑ วาของพระองค์เท่ากับส่วนสูงของพระวรกาย และ (๑๖) เมื่อประทับยืน ไม่ต้องน้อมพระองค์ลงก็ทรงลูบคลำถึงพระชานุด้วยฝ่า พระหัตถ์ทั้งสองได้๕
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อตรวจดูมหาชนที่ควรสงเคราะห์ ก็รู้จักบุคคลเท่าเทียมกัน รู้จักตนเอง รู้จักฐานะของบุคคล รู้จักความแตกต่างของบุคคล หยั่งรู้ว่าบุคคลนี้ควรกับสิ่งนี้ บุคคลนี้ควรกับสิ่งนี้ แล้วทำให้เหมาะกับความแตกต่างในฐานะนั้น ๆ ในกาลก่อน

ลักษณะที่ ๑๗-๑๙ (๑๗) มีพระวรกายทุกส่วน บริบูรณ์ดุจลำตัวท่อนหน้าของราชสีห์ และ (๑๘) มีร่องพระปฤษฎางค์เต็มเสมอกัน และ (๒๐) มีลำ พระศอกลมเท่ากันตลอด๑
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้หวังประโยชน์ หวังความ เกื้อกูล หวังความผาสุก หวังความเกษมจากโยคะแก่คนหมู่มาก ด้วยความคิดนึกตรึกตรองว่า ทำอย่างไร ชนเหล่านี้จะเจริญด้วยศรัทธา ศีล สุตะ พุทธิ จาคะ ธรรม ปัญญา ทรัพย์ และธัญชาติ เจริญด้วยนา และสวน สัตว์สองเท้าและสัตว์สี่เท้า บุตรและภรรยา ทาสกรรมกรและคนรับใช้ ญาติ มิตร และเจริญด้วยพวกพ้อง

ลักษณะที่ ๒๐ มีเส้นประสาทรับรส พระกระยาหารได้ดี๒
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือ ด้วยก้อนหิน ท่อนไม้ หรือด้วยศัสตรา

ลักษณะที่ ๒๑-๒๒ (๒๑) มีดวงพระเนตร ดำสนิท และ (๒๒) มีดวงพระเนตรแจ่มใสดุจลูกโคเพิ่งคลอด๓
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ถลึงตาดู (ไม่จ้องดูด้วยความโกรธ) ไม่ค้อน ไม่เมิน มองตรง มองเต็มตา และแลดูคนหมู่มากด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก

ลักษณะที่ ๒๓ มีพระเศียรดุจประดับด้วย กรอบพระพักตร์๔
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้นำของคนหมู่มากใน กุศลธรรม เป็นประมุขของคนหมู่มากในกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต ในการจำแนกแจกทาน ในการสมาทานศีล ในการรักษาอุโบสถศีล ในความเกื้อกูลมารดาบิดา สมณะและพราหมณ์ ในความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล และในกุศลธรรมอันยิ่ง อื่น ๆ

ลักษณะที่ ๒๔-๒๕ (๒๔) มีพระโลมชาติเดี่ยว คือในแต่ละขุมมีเพียงเส้นเดียว และ (๒๕) มี พระอุณาโลมระหว่างพระโขนงสีขาวอ่อนเหมือนนุ่น๕
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละเว้นจากการพูดเท็จ คือ พูดแต่คำสัตย์ ดำรงความสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักเชื่อถือได้ ไม่หลอกลวงชาวโลก

ลักษณะที่ ๒๖-๒๗ (๒๖) มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ และ (๒๗) มีพระทนต์ไม่ห่างกัน๖
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละเว้นจากคำส่อเสียด คือ ฟังความจากฝ่ายนี้แล้วไม่ไปบอกฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้หรือฟังความจากฝ่ายโน้นแล้ว ไม่มาบอกฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น สมานคนที่แตกกัน ส่งเสริมคนที่ปรองดองกัน ชื่นชมยินดีเพลิดเพลินต่อผู้ที่สามัคคีกัน พูดแต่คำที่สร้างสรรค์ความสามัคคี

ลักษณะที่ ๒๘-๒๙ (๒๘) มีพระชิวหาใหญ่ยาว และ (๒๙) มีพระสุรเสียงดุจเสียงพรหม ตรัสดุจเสียงร้องของนกการเวก๗
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละเว้นจากคำหยาบ คือ พูดแต่คำที่ไม่มีโทษ ไพเราะ น่ารัก จับใจ เป็นคำของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ

ลักษณะที่ ๓๐ มีพระหนุดุจคางราชสีห์๑
สาเหตุเพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละเว้นจากคำเพ้อเจ้อ คือพูดถูกกาล พูดแต่คำจริง พูดอิงประโยชน์ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์ เหมาะแก่เวลา

ลักษณะที่ ๓๑-๓๒ (๓๑) มีพระทนต์เรียบเสมอกัน และ (๓๒) มีพระเขี้ยวแก้วขาวงาม๒
สาเหตุ เพราะทรงสั่งสมบุญไว้ในชาติก่อน เมื่อทรงเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผู้ละมิจฉาอาชีวะ ดำรง ชีวิตอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ คือ เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยของปลอม การโกงด้วยเครื่องตวงวัด การรับสินบน การล่อลวง การตลบตะแลง การตัด อวัยวะ การฆ่า การจองจำ การตีชิงวิ่งราว การปล้น และการขู่กรรโชก

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงจบ ภิกษุเหล่านั้น ต่างมีใจยินดีชื่นชมพระพุทธภาษิตนี้

สรุปความว่า ลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ เกิดจากกรรมดีที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญสั่งสมไว้ในอดีตชาติต่าง ๆ ที่ทรงแสดงเรื่องนี้เพราะทรงประสงค์จะชี้ให้เห็นกฎแห่งกรรมว่า บุคคลทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ทำดีได้ ทำชั่วได้ชั่ว


#4 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 01:06 PM

QUOTE
เป็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่างภายในของสรรพ ทั้งหลายที่แท้จริง

สรรพสัตว์? สรรพชีวิต? ขอความกรุณาช่วยเติมคำในส่วนที่หายไปด้วยนะครับ อนุโมทนาบุญครับ สาธุ...


#5 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 01:13 PM

เชื่อค่าว่าดี แต่ก็อดสงสัย บ่ ได้จ้า เพราะว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจและทราบที่มาของลักษณะเช่นนี้
หมอของเรา คงงง อื้งไปเลยค่าว่าเอ ไม่เคยเห็น!


ขอบคุณค่า

#6 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 02:20 PM

กายมหาบุรุษถึงสัตว์ในจักวาลนี้หรือภพ 3 นี้จะปรารถนาก็ยากที่จะสมหวังได้เพียงการทำบุญธรรมดา หรือการทำความดีธรรมดาครับ

อย่างพระพุทธเจ้าเรา ท่านต้องทำดีมาแบบชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาทุกชาติ และกายมหาบุรุษ ก็ไม่ได้หมายความว่าชาติอื่นๆ ท่านจะไม่ได้ลักษณะก็หาไม่ครับ ในบางชาติพระโพธิสัตว์ก็ได้กายมหาบุรุษเพียง 10 ข้อ 20 ข้อ บางชาติบาปอกุศลเล่นงานก็อาจจะได้กายมหาบุรุษลดลงมาเหลือ 10 ข้อ จวบจนกระทั้งชาติสุดท้ายช่วงบารมีเต็มนั่นแหละครับท่านถึงจะได้ลักษณะกายมหาบุรุษครบทั้ง 32 ประการครับ

คำถาม ทุกวันนี้เราๆ ท่านๆ มีลักษณะมหาบุรุษกันกี่ข้อในกายนี้บ้างครับ

กายมหาบุรุษไม่สาธารณะกับคนที่ยังห่วงตนเองมากกว่าห่วงสัพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาล ดังนั้นการขอให้ได้กายมหาบุรุษกายนี้แต่ไม่ดำเนินจิตให้เป็นพระโพธิสัตว์นี้จึงไม่ใช่ฐานะอันพึงจะมีได้เป็นได้ครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ความหวงแหนในทรัพย์เพื่อคนยากไร้เรายังมีกันอยู่หรือไม่?
1.ถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือเราเป็นคนไม่รู้จักบอกว่า พี่ขอเงินให้ลูกผมกินข้าวหน่อย เรายังมีความคิดหรือไม่ว่าควรให้หรือไม่ให้ดี?

2.เรายังมีความคิดว่าเราจะทำบุญเฉพาะเนื้อนาบุญแต่จะไม่ทำบุญกับสัตว์โลกทั่วไปอยู่หรือไม่?

3.เราจะให้ทานเฉพาะคนดีถ้าเป็นคนไม่ดี หรือเป็นสัตว์เดียรัจฉานเราจะไม่ให้ยังมีอยู่หรือไม่?

4.เวลาเพื่อนสหธรรมมิกขอความช่วยเหลือเรายินดีช่วยเหลือหรือไม่? หรือเป็นเพียงมือถือสากปากถือศีลเท่านั้น?

ถ้าเรายังมีจิตรั้งรอไตร่ตรองก่อนจะช่วยเหลือเขาอยู่ก็แสดงว่าเรายังห่างไกลจากกายมหาบุรุษ และจิตของมหาบุรุษอยู่มาก ถึงจะอธิฐานขอทุกชาติแต่ไม่ดำเนินจิตตามแนวทางมหาบุรุษ ต่อให้จักวาลนี้ โลกนี้แตกดับก็ยังไม่ได้กายมหาบุรุษนี้แน่นอนครับ

ถึงโลกใบนี้จะกลายเป็นทองคำล้วนๆ เป็นสมบัติท่านก็ไม่สามารถแลกซื้อกายมหาบุรุษได้ครับ

สรุปคือ กายมหาบุรุษคนชั่วส้องเสพไม่ได้
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#7 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 02:35 PM

โอ้สาธุอีกครั้งค่ะ

#8 huy072

huy072
  • Members
  • 168 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:เชียงใหม่

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 08:42 PM

สาธุๆ ได้ความรู้ใหม่มา

#9 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 10:28 PM

กายมหาบุรุษ คือ ที่สุดแห่งรูปสมบัติ


#10 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 March 2006 - 12:04 AM

กายมหาบุรุษ เป็นกายที่เหมาะสมต่อการบำเพ็ญสมณธรรม เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มากที่สุดครับ

นอกเหนือจาก ลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการแล้ว กายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังบริบูรณ์ด้วยอนุพยัญชนะอีก ๘๐ ด้วยครับ ดังนี้

"อนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ"

นอกเหนือจากมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการแล้ว ยังมีลักษณะข้อปลีกย่อยของพระมหาบุรุษ นิยมเรียกกันว่า "อสีตยานุพยัญชนะ" หรือ อนุพยัญชนะ" อีก ๘๐ ประการด้วยกัน คือ

๑. มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม
๒. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับแต่ต้นจนปลาย
๓. นิ้วพระหัตถ์แลนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี
๔. พระนขาทั้ง ๒๐ มีสีอันแดง (พระนขา = เล็บ)
๕. พระนขาทั้ง ๒๐ นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง
๖. พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
๗. ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะมิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก
๘. พระบาททั้งสองเสมอกันมิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา
๙. พระดำเนินงามดุจอาการเดินแห่งกุญชรชาติ
๑๐. พระดำเนินงามดุจสีหราช
๑๑. พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์
๑๒. พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน
๑๓. ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน
๑๔. พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ บ่มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก
๑๕. มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือมิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี
๑๖. พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้วิกลในที่ใดที่หนึ่ง (พระนาภี = สะดือ)
๑๗. พระอุทรมีสัณฐานอันลึก (พระอุทร = ท้อง)
๑๘. ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ
๑๙. ลำพระเพลาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี (พระเพลา = ตัก, ขา สุวรรณกัททลี = ลำต้นกล้วยสีทอง)
๒๐. ลำพระกรทั้งสองงามดุจงวงแห่งเอราวัณเทพยหัตถี (เอราวัณเทพยหัตถี = ช้าง ๓๓ เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์)
๒๑. พระอังคาพยพใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิบ่มิได้ (พระอังคาพยพ = องคาพยพ = ส่วนน้อยใหญ่แห่งร่างกาย,อวัยวะน้อยใหญ่)
๒๒. พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีรกาย
๒๓. พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนี่ง
๒๔. พระสรีกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง
๒๕. พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง
๒๖. พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง
๒๗. ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ (โกฏิ = สิบล้าน)
๒๘. มีพระนาสิกอันสูง (พระนาสิก = จมูก)
๒๙. สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม
๓๐. มีพระโอษฐเบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก (พระโอษฐ = ปาก, ริมฝีปาก)
๓๑. พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน
๓๒. พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์
๓๓. พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
๓๔. พระอินทรีย์ทั้ง ๕ มีจักขุนทรีย์ เป็นอาทิงามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น(พระอินทรีย์ = ร่างกายและจิตใจ)
๓๕. พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์
๓๖. ดวงพระพักตร์มีสัณฐานขาวสวย
๓๗. พระปรางค์ทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน (พระปรางค์ = แก้ม)
๔๐. ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง บ่มิได้ค้อมคด
๔๑. สายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง
๔๒. รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ
๔๓. กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์
๔๔. กระบอกพระเนตรกว้างแลยาวงามพอสมกัน
๔๕. ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง ๕ มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
๔๖. ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้งอมิได้คด
๔๗. พระชิวหามีสัณฐานอันงาม
๔๘. พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม
๔๙. พระกรรณทั้งสองมีสันฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ (พระกำรณ = หู)
๕๐. ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม
๕๑. ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยบ่มิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง
๕๒. แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น บ่อมิได้เป็นคลื่นฟูขึ้นเหมือนสามัญชนทั้งปวง
๕๓. พระเศียรมีสัณฐานอันงาม
๕๔. ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน
๕๕. พระนลาฏมีสันฐานอันงาม
๕๖. พระโขนงมีสันฐานอันงามดุจกันธนูอันก่งไว้
๕๗. พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด
๕๘. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วราบไปโดยลำดับ
๕๙. พระโขนงนั้นใหญ่
๖๐. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร
๖๑. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย
๖๒. พระสรีรกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ
๖๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
๖๗. พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น
๖๘. พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย
๖๙. ลมอัสสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด
๗๐. พระโอษฐมีสันฐานอันงามดุจแย้ม
๗๑. กลิ่นพระโอษฐหอมดุจกลิ่นอุบล (อุบล = ดอกบัว,บัว)
๗๒. พระเกสาดำเป็นแสง (พระเกสา = ผม)
๗๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
๗๔. พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุบผชาติ
๗๕. พระเกสามีสันฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น
๗๖. พระเกสาดำสนิททุกเส้น
๗๗. พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด
๗๘. เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง
๗๙. เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น
๘๐. วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา กล่าวคือถ่องแถวแห่งพระรัศมีอันโชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ (พระเกตุมาลา = รัศมีซึ่งเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า)
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#11 tee7323

tee7323
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 05:26 PM

ก็ลองอธืฐานให้ได้ร่างกายที่พิกาลดูสิ
จะได้รู้ว่ากายมหาบุรุษดีอย่างไร

#12 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 March 2006 - 05:30 PM

อ้าว อย่าประชดกันเดะเพ่ตี๋ ใครจะไปบ้าอธิษฐานอย่างง้าน
คนเขาไม่รู้เน่นา ก็ถามเพื่อจะได้ฉลาดขึ้นเหมือนเพ่งัย ผิดตรงหนายยยยยย

ทีให้กำลังใจคนอื่นยังไม่ผิดเลย
ถามเพื่อให้ฉลาดผิดตรงหนายยยยยย

#13 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 11:43 AM

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุ