จึงได้เชิญหมอผู้นั้นไปที่ยมโลกเพื่อไปรักษาอาการ ป่วยของลูกชายพญายม พอไปถึงยมโลกพญายมดีใจมากอีกทั้งให้ความเกรงใจหมอคนนี้เป็นพิเศษ จึงให้หมอหนุ่มคนนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายตน ต่อมาอาการก็ดีขึ้นพญายมดีใจมากจึงให้ความนับถือหมอหนุ่มคนนี้มากยิ่งขึ้น มีอยู่วันหนึ่งพญายมมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับหมอหนุ่ม พญายมจึงได้พูดจาชมเชยหมอหนุ่มมากมายพร้อมกับบอกว่ายังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ ทำไมเก่งอย่างนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายให้ดีขึ้นและที่สำคัญมีผีตามหลังแค่ตัวเดียว หมอหนุ่มจึงตอบว่าเมื่อวานนี้เพิ่งจะเปิดคลีนิคบังเอิญมีคนไข้รายแรกมาผ่าตัดแล้วได้ตายไป เพราะเหตุนี้จึงมีผีตามหลังผมเพียงตัวเดียว ก็ผมเพิ่งจะทำให้คนไข้ตายเป็นรายแรก พญายมได้ยินดังนั้นแทบจะเป็นลม
นิทานเรื่องนี้ถึงแม้ฟังแล้วเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็สอนให้รู้ว่า การจะเสาะหาหมอดีมีคุณธรรม และมีฝีมือด้วยเป็นเรื่องที่ยากมาก เช่นบางครั้งคนไข้ไม่สมควรตายก็รักษาจนตาย และนิทานเรื่องนี้ คุณไป่เปี่ยวเป็นผู้ได้ยินได้ฟังด้วยตัวเอง
มีอยู่วันหนึ่ง คุณไป่เปี่ยวขับรถส่วนตัวเดินทางไปพิษณุโลกเป็นเส้นทางสู่ทางเหนือ ทุก ๆ เดือน คุณไป่เปี่ยวจะต้องเดินทางไปพิษณุโลก เมื่อรถแล่นผ่านปากน้ำโพบนถนนหลวงก็มีอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน คันหนึ่งมี3 คน อีกคันมี 2 คน ทั้งหมด 5 คน 1ใน 5 คน มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกนั้นนอนระเนระนาดอยู่กับพื้น รถวิ่งผ่านไปมาหลายคัน แต่ไม่มีคันไหนจอดเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บชึ่งมีผู้หญิง 3 คน 2คนขาขาดอีกคนหนึ่งหน้าถลอกเลือดไหลไม่หยุด ส่วนผู้ชายอีกคนนอนอยู่กลางถนนไม่ไหวติงต่อมาก็มีคนมามุงมากมาย คุณไปเปี่ยวเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงถามว่าแถวนี้มีโรงพยาบาลไหม? ชาวบ้านจึงว่าต้องนั่งรถไปอีก 20 กว่ากิโลจะมีโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลนี้มีนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งประจำอยู่ เป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่คุณไป่เปี่ยวจึงคิดว่ารถของตนเองเป็นรถกระบะเล็กนั่งได้เพียง 2คน ไม่สามารถให้ผู้บาดเจ็บโดยสารไปได้ จึงได้โบกรถคันอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ บังเอิญโชคดีมีรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านมา คุณไปเปี่ยวจึงขอความช่วยเหลือ โดยให้ชาวบ้านหลายๆคนช่วยกันอุ้มคนเจ็บขึ้นรถและขอให้ใปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไม่เจอหมอเจอแต่นางพยาบาลอยู่หลายคน คุณไป่เปี่ยวจึงรีบขอความช่วยเหลือจากนางพยาบาลพร้อมขอเตียงคนไข้และรถเข็นสำหรับคนเจ็บ นางพยาบาลเข็นมาให้แต่รถส่วนเตียงคนไข้ไม่ได้เห็นมา พร้อมกับพูดว่าต้องรอผู้อำนวยการเสียก่อน คุณไป่เปี่ยววิ่งเข้าวิ่ง ออกโดยเสียเวลาไปมากจนกระทั่งเห็นหมอเดินออกมา เป็นหมอหนุ่มอายุไม่เกิน30 ปีดูลักษณะเหมือนหมอห่วงคนเจ็บมาก รีบขึ้นรถดูอาการคนไข้ที่เจ็บมากที่สุดก่อน คือผู้ชายคนหนึ่งที่ลำไส้ใหญ่และอวัยวะ ภายในทะลักออกมาข้างนอก เมื่อหมอมา ถึงก็รีบๆ เอาลำไส้ยัดใส่เข้าไปในท้องโดยไม่ใส่ใจว่าลำไส้จะ เปื้อนดินเปื้อนทรายแค่ไหน หลังจากนั้นคุณหมอก็พูดกับคุณไปเปี่ยวว่า โรงพยาบาลแห่งนี้เครื่องมือมีไม่ครบหมอแนะนำให้ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงเพราะที่นั้นมีเครื่องมือทันสมัย ยังมีคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คนที่ขาขาดควรที่จะส่งไปโรงพยาบาลหลวง คุณไปเปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นรู้สึกซึ้งในน้ำใจหมอจึงคิดว่าหมอแนะนำดีและมี เหตุผล โรงพยาบาลหลวงห่างจากโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 70 ถึง 80 กิโล คนขับรถกระบะที่มาส่งคน เจ็บบอกว่ามีธุระด่วนไม่สามารถส่งคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลหลวงได้
คุณไปเปี่ยวจึงต้องหารถโดยสารเล็กนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และยังขอร้องให้นางพยาบาลอีกคนช่วยดูแลคนเจ็บ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคนเจ็บทุกคนต้องให้น้ำเกลือเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง คุณไปเปี่ยวก่อนนำคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงยังวานให้เด็กล้างรถกระบะที่ติดเลือดออกให้หมด พร้อมทั้งจ่ายค่ารักษาให้หมอ และนึกขอบคุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลเหล่านั้นพอออกจากโรงพยาบาลมามีคนเล่าให้ฟังว่าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใช่ไม่มีเครื่องมือรักษาแต่ในกรณีคนเจ็บที่ประสบอุบิตเหตุถึงแม้รักษาก็จะไม่ได้ค่ารักษาใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงไม่รับรักษาคนเจ็บจึงพยายามแนะนำผู้ที่ส่งคนเจ็บมาว่าให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลวง ความรู้สึกครั้งแรกที่คุณไป่เปี่ยวได้เห็นหมอกุลีกุจอดูแลคนเจ็บจนเกิดความซึ้งใจเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองว่าหมอคนนี้ไม่มีคุณธรรมไม่มีน้ำใจด้วยความโกรธอยากจะเอาแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือสาดใส่หน้าของนางพยาบาลที่ติดตามมาเพื่อเป็นการสั่งสอนแต่คิดไปคิดมาอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มเลยที่จะไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ไม่มีเมตตาธรรม คนเห็นแก่เงิน ถึงโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์จึงตัดสนใจรีบขับรถเดินทางต่อไปโดยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ไม่กี่วันต่อมาคุณไป่เปี่ยวทำธุระที่พิษณุโลกเสร็จจะเดินทางกลับกรุงเทพฯจะต้องผ่านจังหวัดนครสวรรค์อีก คุณไป่เปี่ยวจึงแวะเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าผู้หญิง 2คนที่ขาขาดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคนเจ็บ 2 คนกลับบ้านไปแล้ว มีผู้เสียชิวตคนหนึ่งคือผู้ชายที่ไส้ทะลักเพราะมาส่งที่โรงพยาบาลช้าเกินไปหมอช่วยไว้ไม่ทัน
พอคุณไป่เปี่ยวได้ฟังหมอพูดเช่นนั้นก็อดเคืองหมอหน้าเงินคนนั้นอีกไม่ได้ที่ไม่ยอมรักษาคนเจ็บเพราะรู้ดีว่าถึงช่วยรักษาไปก็จะไม่ได้ค่ารักษา ถ้าหมอคนนั้นไม่เห็นแก่เงินสักนิดผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ตายก็ได้ ต่อมาอีกไม่นานคุณไป่เปี่ยวก็ขับรถคู่ใจคันสีขาวมุ่งสู่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเรื่องแปลกและอัศจรรย์จริงๆ เพราะถนนหลวงเส้นทางเดียวกันกับเมื่อครึ่งปีก่อนได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เป็นปีเดียวกันกับที่คุณไป่เปี่ยวช่วยพาหนุ่มสาวเหล่านั้นไปส่งโรงพยาบาล แต่ว่าวันนี้รถเก๋งชนกับรถบัสใหญ่ ครั้งนี้คุณไป่เปี่ยวได้เห็นรถเก๋งยี่ห้อดังถูกชนจนกระจกหน้ารถแตกย่อยยับ รถบัสใหญ่ก็ถูกชนหงายท้อง มีจราจรมายืนโบกรถให้รถที่แล่นผ่านไปมาขับช้า ๆ คุณไปเปี่ยวจอดรถลงไปดูจึงได้รู้ว่ารถเก๋งคันที่ถูกชน เจ้าของรถคือผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลเอกชนแถวนี้ พอคุณไป่เปี่ยวได้รู้เช่นนั้นรู้สึกตกใจมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปที่โรงพยาบาลเมื่อไปถึงโรงพยาบาลนางพยาบาลบอกว่า ผู้อำนวยการประสพอุบัติเหตุรถชนกัน ตอนนี้อาการขั้นโคม่าจะรอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ต้องตัดขาทิ้ง ขณะนี้กำลังรอพี่ชายมาจากในเมืองเพื่อส่งไปรักษาที่กรุงเทพฯ พอคุณไปเปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นจึงคิดว่าเรื่องกฏแห่งกรรมนั้นมีจริงและสนองทันตาเห็นเพราะเมื่อครึ่งปีก่อนมีคนประสพอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้หญิงขาขาด2คนผู้ชายไส้ทะลัก 1 คนหมอไม่รับรักษาให้เพราะคิดว่าไม่มีค่าตอบแทน ฉะนั้นเรื่องเล่ากันว่าหมอทุกคนต้องมีวิญญาณผีติดตามตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องจริง เพราะหมอที่ไม่มีคุณธรรมเห็นแก่เงินไม่รักษาคนเจ็บ ผลสุดท้ายตนเองก็ประสพอุบัติเหตุเช่นกันกรรมจึงตามสนองเหมือนเงาตามตัว
(จาก http://www.palungjit.com)