ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

+++หมอไร้คุณธรรม+++


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ปรารถนานิพพาน

ปรารถนานิพพาน
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 March 2006 - 02:06 PM

มีนิทานเล่าอยู่เรื่องหนึ่งพูดถึงเรื่องทางยมโลกว่า มีลูกชายของท่านพญายมเกิดป่วยหนัก พยายมจึงได้มีคำสั่งให้ยมฑูตไปหาหมอที่มีฝีมือชั้นหนึ่งจากมนุษย์โลกมารักษาลูกชายตนแต่ยมฑูตไม่มีความรู้ในด้านนี้จึงขอคำชี้แนะจากท่านผู้พิพากษาซึ่งชี้แนะว่าหมอที่มีฝีมือนั้นด้านหลังของหมอจะมีผีติดตามตัวน้อยที่สุด เมื่อยมฑูตได้ฟังคำแนะนำจากผู้พิพากษา จึงออกเดินทางไปที่เมืองมนุษย์เพื่อหาหมอที่มีฝีมือ (หมายถึงหมอที่มีผีติดตามน้อยที่สุด) ยมฑูตจึงเสาะหาหมอประเภทนี้จากโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่ง ตามคลีนิคต่าง ๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะหมอส่วนมากจะมีผีติดตามอยู่มากมาย ต่อมายมฑูตได้เจอหมอหนุ่มคนหนึ่งมองดูข้างหลังแล้วมีผีติดตามแค่ตัวเดียว
จึงได้เชิญหมอผู้นั้นไปที่ยมโลกเพื่อไปรักษาอาการ ป่วยของลูกชายพญายม พอไปถึงยมโลกพญายมดีใจมากอีกทั้งให้ความเกรงใจหมอคนนี้เป็นพิเศษ จึงให้หมอหนุ่มคนนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายตน ต่อมาอาการก็ดีขึ้นพญายมดีใจมากจึงให้ความนับถือหมอหนุ่มคนนี้มากยิ่งขึ้น มีอยู่วันหนึ่งพญายมมีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับหมอหนุ่ม พญายมจึงได้พูดจาชมเชยหมอหนุ่มมากมายพร้อมกับบอกว่ายังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ ทำไมเก่งอย่างนี้รักษาอาการเจ็บป่วยของลูกชายให้ดีขึ้นและที่สำคัญมีผีตามหลังแค่ตัวเดียว หมอหนุ่มจึงตอบว่า“เมื่อวานนี้เพิ่งจะเปิดคลีนิคบังเอิญมีคนไข้รายแรกมาผ่าตัดแล้วได้ตายไป เพราะเหตุนี้จึงมีผีตามหลังผมเพียงตัวเดียว ก็ผมเพิ่งจะทำให้คนไข้ตายเป็นรายแรก” พญายมได้ยินดังนั้นแทบจะเป็นลม
นิทานเรื่องนี้ถึงแม้ฟังแล้วเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็สอนให้รู้ว่า การจะเสาะหาหมอดีมีคุณธรรม และมีฝีมือด้วยเป็นเรื่องที่ยากมาก เช่นบางครั้งคนไข้ไม่สมควรตายก็รักษาจนตาย และนิทานเรื่องนี้ คุณไป่เปี่ยวเป็นผู้ได้ยินได้ฟังด้วยตัวเอง
มีอยู่วันหนึ่ง คุณไป่เปี่ยวขับรถส่วนตัวเดินทางไปพิษณุโลกเป็นเส้นทางสู่ทางเหนือ ทุก ๆ เดือน คุณไป่เปี่ยวจะต้องเดินทางไปพิษณุโลก เมื่อรถแล่นผ่านปากน้ำโพบนถนนหลวงก็มีอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถจักรยานยนต์ 2 คันชนกัน คันหนึ่งมี3 คน อีกคันมี 2 คน ทั้งหมด 5 คน 1ใน 5 คน มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาโบกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกนั้นนอนระเนระนาดอยู่กับพื้น รถวิ่งผ่านไปมาหลายคัน แต่ไม่มีคันไหนจอดเพื่อช่วยเหลือคนเจ็บชึ่งมีผู้หญิง 3 คน 2คนขาขาดอีกคนหนึ่งหน้าถลอกเลือดไหลไม่หยุด ส่วนผู้ชายอีกคนนอนอยู่กลางถนนไม่ไหวติงต่อมาก็มีคนมามุงมากมาย คุณไปเปี่ยวเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงถามว่า“แถวนี้มีโรงพยาบาลไหม? ” ชาวบ้านจึงว่า“ต้องนั่งรถไปอีก 20 กว่ากิโลจะมีโรงพยาบาลเอกชน” โรงพยาบาลนี้มีนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งประจำอยู่ เป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่คุณไป่เปี่ยวจึงคิดว่ารถของตนเองเป็นรถกระบะเล็กนั่งได้เพียง 2คน ไม่สามารถให้ผู้บาดเจ็บโดยสารไปได้ จึงได้โบกรถคันอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ บังเอิญโชคดีมีรถกระบะคันหนึ่งแล่นผ่านมา คุณไปเปี่ยวจึงขอความช่วยเหลือ โดยให้ชาวบ้านหลายๆคนช่วยกันอุ้มคนเจ็บขึ้นรถและขอให้ใปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไม่เจอหมอเจอแต่นางพยาบาลอยู่หลายคน คุณไป่เปี่ยวจึงรีบขอความช่วยเหลือจากนางพยาบาลพร้อมขอเตียงคนไข้และรถเข็นสำหรับคนเจ็บ นางพยาบาลเข็นมาให้แต่รถส่วนเตียงคนไข้ไม่ได้เห็นมา พร้อมกับพูดว่า“ต้องรอผู้อำนวยการเสียก่อน” คุณไป่เปี่ยววิ่งเข้าวิ่ง ออกโดยเสียเวลาไปมากจนกระทั่งเห็นหมอเดินออกมา เป็นหมอหนุ่มอายุไม่เกิน30 ปีดูลักษณะเหมือนหมอห่วงคนเจ็บมาก รีบขึ้นรถดูอาการคนไข้ที่เจ็บมากที่สุดก่อน คือผู้ชายคนหนึ่งที่ลำไส้ใหญ่และอวัยวะ ภายในทะลักออกมาข้างนอก เมื่อหมอมา ถึงก็รีบๆ เอาลำไส้ยัดใส่เข้าไปในท้องโดยไม่ใส่ใจว่าลำไส้จะ เปื้อนดินเปื้อนทรายแค่ไหน หลังจากนั้นคุณหมอก็พูดกับคุณไปเปี่ยวว่า “โรงพยาบาลแห่งนี้เครื่องมือมีไม่ครบหมอแนะนำให้ส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงเพราะที่นั้นมีเครื่องมือทันสมัย ยังมีคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงอีก 2 คนที่ขาขาดควรที่จะส่งไปโรงพยาบาลหลวง” คุณไปเปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นรู้สึกซึ้งในน้ำใจหมอจึงคิดว่าหมอแนะนำดีและมี เหตุผล โรงพยาบาลหลวงห่างจากโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 70 ถึง 80 กิโล คนขับรถกระบะที่มาส่งคน เจ็บบอกว่า“มีธุระด่วนไม่สามารถส่งคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลหลวงได้”
คุณไปเปี่ยวจึงต้องหารถโดยสารเล็กนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล และยังขอร้องให้นางพยาบาลอีกคนช่วยดูแลคนเจ็บ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคนเจ็บทุกคนต้องให้น้ำเกลือเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง คุณไปเปี่ยวก่อนนำคนเจ็บไปโรงพยาบาลหลวงยังวานให้เด็กล้างรถกระบะที่ติดเลือดออกให้หมด พร้อมทั้งจ่ายค่ารักษาให้หมอ และนึกขอบคุณหมอหนุ่มและนางพยาบาลเหล่านั้นพอออกจากโรงพยาบาลมามีคนเล่าให้ฟังว่า“ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ใช่ไม่มีเครื่องมือรักษาแต่ในกรณีคนเจ็บที่ประสบอุบิตเหตุถึงแม้รักษาก็จะไม่ได้ค่ารักษาใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงไม่รับรักษาคนเจ็บจึงพยายามแนะนำผู้ที่ส่งคนเจ็บมาว่าให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลวง” ความรู้สึกครั้งแรกที่คุณไป่เปี่ยวได้เห็นหมอกุลีกุจอดูแลคนเจ็บจนเกิดความซึ้งใจเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองว่าหมอคนนี้ไม่มีคุณธรรมไม่มีน้ำใจด้วยความโกรธอยากจะเอาแก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือสาดใส่หน้าของนางพยาบาลที่ติดตามมาเพื่อเป็นการสั่งสอนแต่คิดไปคิดมาอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มเลยที่จะไปมีเรื่องมีราวกับคนที่ไม่มีเมตตาธรรม คนเห็นแก่เงิน ถึงโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์จึงตัดสนใจรีบขับรถเดินทางต่อไปโดยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ไม่กี่วันต่อมาคุณไป่เปี่ยวทำธุระที่พิษณุโลกเสร็จจะเดินทางกลับกรุงเทพฯจะต้องผ่านจังหวัดนครสวรรค์อีก คุณไป่เปี่ยวจึงแวะเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า“ผู้หญิง 2คนที่ขาขาดยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนคนเจ็บ 2 คนกลับบ้านไปแล้ว มีผู้เสียชิวตคนหนึ่งคือผู้ชายที่ไส้ทะลักเพราะมาส่งที่โรงพยาบาลช้าเกินไปหมอช่วยไว้ไม่ทัน”
พอคุณไป่เปี่ยวได้ฟังหมอพูดเช่นนั้นก็อดเคืองหมอหน้าเงินคนนั้นอีกไม่ได้ที่ไม่ยอมรักษาคนเจ็บเพราะรู้ดีว่าถึงช่วยรักษาไปก็จะไม่ได้ค่ารักษา ถ้าหมอคนนั้นไม่เห็นแก่เงินสักนิดผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ตายก็ได้ ต่อมาอีกไม่นานคุณไป่เปี่ยวก็ขับรถคู่ใจคันสีขาวมุ่งสู่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเรื่องแปลกและอัศจรรย์จริงๆ เพราะถนนหลวงเส้นทางเดียวกันกับเมื่อครึ่งปีก่อนได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เป็นปีเดียวกันกับที่คุณไป่เปี่ยวช่วยพาหนุ่มสาวเหล่านั้นไปส่งโรงพยาบาล แต่ว่าวันนี้รถเก๋งชนกับรถบัสใหญ่ ครั้งนี้คุณไป่เปี่ยวได้เห็นรถเก๋งยี่ห้อดังถูกชนจนกระจกหน้ารถแตกย่อยยับ รถบัสใหญ่ก็ถูกชนหงายท้อง มีจราจรมายืนโบกรถให้รถที่แล่นผ่านไปมาขับช้า ๆ คุณไปเปี่ยวจอดรถลงไปดูจึงได้รู้ว่ารถเก๋งคันที่ถูกชน เจ้าของรถคือผู้อำนวยการใหญ่โรงพยาบาลเอกชนแถวนี้ พอคุณไป่เปี่ยวได้รู้เช่นนั้นรู้สึกตกใจมาก ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปที่โรงพยาบาลเมื่อไปถึงโรงพยาบาลนางพยาบาลบอกว่า “ผู้อำนวยการประสพอุบัติเหตุรถชนกัน ตอนนี้อาการขั้นโคม่าจะรอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ต้องตัดขาทิ้ง ขณะนี้กำลังรอพี่ชายมาจากในเมืองเพื่อส่งไปรักษาที่กรุงเทพฯ” พอคุณไปเปี่ยวได้ฟังเช่นนั้นจึงคิดว่า“เรื่องกฏแห่งกรรมนั้นมีจริง”และสนองทันตาเห็นเพราะเมื่อครึ่งปีก่อนมีคนประสพอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้หญิงขาขาด2คนผู้ชายไส้ทะลัก 1 คนหมอไม่รับรักษาให้เพราะคิดว่าไม่มีค่าตอบแทน ฉะนั้นเรื่องเล่ากันว่าหมอทุกคนต้องมีวิญญาณผีติดตามตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องจริง เพราะหมอที่ไม่มีคุณธรรมเห็นแก่เงินไม่รักษาคนเจ็บ ผลสุดท้ายตนเองก็ประสพอุบัติเหตุเช่นกันกรรมจึงตามสนองเหมือนเงาตามตัว
(จาก http://www.palungjit.com)

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  ???_???.bmp   43.04K   87 ดาวน์โหลด


#2 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 06 March 2006 - 02:10 PM

อ่านแล้วรู้สึกว่า ข้อความมีความเห็นเชิงลบกับแพทย์นะคะ ปัญหาอาจไมใช่เรื่องเงิน เพราะสำหรับแพทย์ถ้าป่วยมายังไงก็ต้องรักษา แต่ในกรณีที่รู้ว่าตนเองหรือโรงพยาบาลที่อยู่ไม่สามารถดูแลผู้ป่วยได้แน่ ก็ควรส่งต่อนะคะ ( ถ้าเกิดผิดพลาดมา ทางโลกก็โดยฟ้องประมาณว่ารู้ว่าดูแลผู้ป่วยไม่ได้ ทำไมยังเอาผู้ป่วยไว้ที่รพ.อีก ทางกฏแห่งกรรมก็เป็นกรรมใหม่ของแพทย์ ) แต่ถ้าเป็นตามที่โพสต์มาคือเห็นแก่เงินจริงก็ไม่ถูกต้องค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ก็มีเงินประกันภัยเพื่อใช้รักษาผู้ได้รับอุบัติเหตุทางรถอยู่แล้ว

ผู้ป่วยชายอ่านดูอาการสาหัสมากนะคะ อวัยวะทะลักคงบอบช้ำมาก ซ้ำร้ายกว่าจะมีคนใจดีพามา รพ. ก็คงนานน่าดูเหมือนกัน

เรื่องวิญญาณถ้าจะตามหมอ ถ้าจะตามน่าจะเป็นใครก็ได้ที่จะส่งบุญให้เขาได้ เพราะถ้ามีบุญมาก หรือบาปมากก็คงไปที่ๆเหมาะสมแล้ว

#3 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 10 March 2006 - 07:43 AM

uhm
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง