โครโมโซม หรือ ปฏิสนธิวิญญาณ เป็นตัวกำหนดหน้าตาทารกเอ่ย
#1
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 08:17 PM
1) ปฏิสนธิวิญญาณ หรือ กายละเอียด เข้าทางฐานของบิดา แล้วบังคับให้บิดาไปหามารดา ประกอบธาตุธรรม เมื่อได้ส่วนกายละเอียดก็ออกจากบิดา เข้าไปสู่ฐานของมารดา วิธีนี้ ไม่แปลกใจ เพราะ บุตรได้ ธาตุธรรมหยาบจากบิดาและมารดา และกายละเอียดที่มาเกิดก็ต้องมีบุญบาปใกล้เคียงกับบิดา มารดา ดังนั้น ลูกที่ออกมาจึงมีลักษณะคล้ายบิดา มารดา อันนี้ ถือเป็นวิธีปกติทั่วไป
2) ปฏิสนธิวิญญาณ หรือ กายละเอียด เข้าทางฐานของมารดาโดยตรง ซึ่งวิธีนี้ ในเคสก็คือ การทำอิซซี่ ซึ่งแพทย์จะทำการเชื้อของบิดาและมารดาภายนอก รอจนมีการแบ่งเป็นตัวอ่อน แล้วค่อยเอาตัวอ่อนใส่กลับเข้าไปในครรภ์มารดา หลังจากนั้นปฏิสนธิวิญญาณจึงค่อยเข้าทางมารดาโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านบิดาก่อนเหมือนวิธีที่ 1
แต่จุดที่อยากรู้ก็คือ ในเคสตอนหนึ่งที่เจ้าของเคสบอกว่า ได้บริจาคตัวอ่อนซึ่งคุณครูไม่ใหญ่เฉลยว่าตัวอ่อนได้ถูกนำไปใช้งานแล้ว ส่วนปฏิสนธิวิญญาณที่จะมาเกิดก็ขึ้นอยู่กับมารดาบิดาใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเจ้าของเคสแล้ว
ประเด็นคือ ตัวอ่อนนั้นเป็นธาตุธรรมหยาบของสามีและเจ้าของเคส แต่ปฏิสนธิวิญญาณของตัวอ่อนที่บริจาคไปนั้น ได้กายละเอียดที่มีบุญ บาปเหมาะสมกับคนที่รับบริจาคตัวอ่อนไป แล้วอย่างงี้เมื่อตัวอ่อนที่บริจาคไปคลอดออกมาเป็นทารกจะมีหน้าตาเหมือนกับสามีและเจ้าของเคสซึ่งเป็นเจ้าของธาตุธรรมหยาบ หรือ เหมือนกับหญิงคนที่รับบริจาคตัวอ่อนซึ่งเป็นผู้ดึงดูดกายละเอียดให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 08:23 PM
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#3
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 08:37 PM
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 09:43 PM
คือ อ่านเคสก็งงๆ อยู่ว่ามันเป็นยังไงกันแน่
จู่ๆ พี่ก็มาสรุปให้ ก็เข้าใจ เลยสาธุค่ะ เพราะไม่งั้นได้คิดจนปวดหัวไปอีกหลายวัน
ส่วนคำถามของพี่นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง
ตอบไม่ได้ค่ะ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#5
โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 11:30 PM
ถ้าจะหมายถึงว่า กรณีทำกิฟ หรือเด็กหลอดแก้วที่นำอสุจิมาผสมกับไข่นอกมดลูกในจานทดลอง แล้วจะได้ธาตุธรรมหรือดวงวิญญาณจากไหนใช่หรือป่าวครับ??
ขอตอบแบบเดาๆ ไม่อิงหลักวิชชานะครับว่า อสุจิ ถือเป็นสิ่งมีชีวิต ไข่ก็ถือเป็นเซลล์ที่มีชีวิตครับ ถ้าจะเรียกไข่ว่าเป็นเรือนกายก็ไม่ผิดครับ อสุจิก็เป็นเรือนกาย และมีวิญญาณอยู่ด้วยทุกตัวเหมือนลูกอ๊อดแหละครับ เมื่อไข่ได้รับการผสมภายนอกและมีการแบ่งเซลล์หรือเอมบริโอ แล้วขณะนั้นปฏิสนธิวิญญาณได้เกิดแล้วครับ แต่ไม่เต็ม 100% เพราะกายยังไม่มีกระแสดึงดูดมากพอที่จะเหนี่ยวนำให้จิตมาคงอยู่ในสังขารได้เต็มที่นั่นเองครับ
ต่อเมื่อหมอได้นำไข่ที่ได้รับการผสมแล้วหรือตัวอ่อน นำกลับเข้าไปในมดลูกของมารดาอีกคนหนึ่ง ขณะนั้นธาตุ 4 ของไข่ก็จะเกิดการเจริญเติบโตขึ้น ด้วยธาตุ 4 ของมารดาดึงดูดกายทิพย์ของเจ้าของกาย(อสุจิ) เข้ามาตามช่องจมูกหญิงซ้ายชายขวามาตามฐานต่างๆ ตามลำดับ
ดังนั้นหน้าตาของผู้ที่จะมาเกิดจึงหน้าตาเหมือนกับพันธุกรรมของอสุจิตัวที่เข้ามาผสม รวมกับหน้าตาของเจ้าของไข่ โดยมีธาตุอาหารของมารดาที่รับฝากไข่หล่อเลี้ยง แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ถ้าจิตวิญญาณที่มาเกิดมีบุญบารมีสูงมากก็จะมีโครงสร้าง DNA ที่สามารถปรับโครงสร้างได้โดยอัตโนมัติเหมือนกันหน้าตาและลักษณะมหาบุรุษอาจจะไม่เกี่ยวกับเซลล์ของพ่อแม่โดยตรงเลยก็ได้ครับ
อุปมาก็เหมือน เมล็ดโพธิ์ เมล็ดไทร แหละครับถ้ากำเนิดเดิมถูกบันทึกรหัส โครโมโซมให้โตขึ้นมาเป็นต้นโพธิ์ หรือต้นไทร ไม่ว่าเมล็ดโพธิ์จะไปงอกในแผ่นดินที่ประเทศไหนก็ยังคงเป็นต้นโพธิ์วันยังค่ำแหละครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#6
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 10:59 AM
ผมถามง่ายๆ ละกันครับ กรณีที่ผู้หญิงคนหนึ่ง (นาง ก.) ที่ได้ตัวอ่อนจากพ่อแม่คู่อื่น (นายและนาง ข.) ลูกที่นาง ก. คลอดออกมา หน้าตาจะละม้ายดคล้ายกับ นาง ก. หรือ นายและนาง ข. ครับ
สำหรับตัวผมเข้าใจว่า ลูกของนาง ก. น่าจะมีหน้าตาคล้ายกับนาง ก. ถึงแม้ ตัวอ่อนนั้นจะเป็นของ นายและนาง ข. ก็ตาม เพราะกายละเอียดที่มาอาศัยธาตุธรรมหยาบก้อนนี้ จะต้องมีบุญและบาปใกล้เคียงกับนาง ก. เมื่อมีบุญบาปใกล้กัน หน้าตาก็น่าจะคล้ายกัน
แต่สำหรับหลักการทางวิทยาศาสตร์ จะบอกว่า ลูกของนาง ก. น่าจะมีหน้าตาคล้ายกับ นายและนาง ข. เพราะลักษณะของคนเราถูกถ่ายทอดทางโครโมโซมจากเชิ้อและไข่ของบิดา มารดา ซึ่งก็คือ นายและนาง ข. นั่นเอง
ผมเลยอยากถามเพื่อนๆ ว่า เพื่อนๆ คิดว่า ในกรณีนี้ เด็กที่ออกมาหน้าตาจะเหมือนใครระหว่าง นาง ก. หรือ นายและนาง ข.
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#7
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 12:41 PM
ถ้าเป็นความเห็นผมคิดว่าบุตรที่เกิดจากไข่และเชื้อของนาง ข. และนาย ข. ย่อมต้องหน้าตาเหมือนแม่พิมพ์ครับ อุปมาเหมือนกับเมล็ดโพธิ์ที่ตกไปในที่ดินที่ต่างกันก็ย่อมเป็นต้นโพธิ์วันยังค่ำครับ หรือเหมือนต้นมะม่วงที่ทำการทาบกิ่งโดยมีต้นตอเป็นมะม่วงแก้วแต่ยอดเป็นมะม่วงพันธุ์ดีแหละครับ ผลที่ออกมาย่อมต้องเป็นพันธุ์ดีไม่ใช่ผลคือมะม่วงแก้วครับ
ถ้าเป็นหลักวิทยาศาสตร์ การทำโคลนนิ่งนั้น ก็คือการนำเซลล์ DNA ของต้นแบบมาทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในไข่ โดยใช้เซลล์ต้นแบบแทนเซลล์ของอสุจิ จากนั้นก็จะนำไข่ไปเพาะในมดลูกของหญิงที่มีหน้าที่เป็นแม่เลี้ยงเฉพาะกิจ ลูกเมื่อออกมาก็ย่อมต้องหน้าตาเหมือนกับเซลล์ต้นแบบไม่ผิดเพี้ยนครับ
ถามว่าวิญญาณของบุตรเกิดจากนาง ก. ดึงดูดวิญญาณให้มาปฏิสนธิหรือไม่?
ตามความคิดของผมคิดว่าไม่ใช่ครับ บุญบาปไม่จำเป็นต้องเสมอกับบิดามารดาเสมอไปครับ เหมือนบางคนพ่อแม่ดีแสนดีแต่ลูกเลวก็มีเยอะ หรือพ่อแม่ติดอบายมุขสุดๆ ลูกเป็นพระอริยเจ้าเฉยเลยก็มีเยอะไปครับ อำนาจที่ดึงดูดให้วิญญาณมาปฏิสนธิจริงๆ ไม่ใช่อำนาจของมารดาครับแต่เป็นอำนาจของรูป คือ กายเนื้อของทารก ดังคำที่ว่า รูป เป็นเหตุให้เกิด นาม ดังนั้นเมื่อมีรูปก็ต้องมีนาม รูปนาม และนามรูป ไม่คลาดจากกันรูปย่อมดึงดูดนามที่เป็นเจ้าของให้ปฏิสนธินั่นเองครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#8 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 04:12 PM
#9
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 05:53 PM
เปิ้ล
#10
โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 09:44 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#11
โพสต์เมื่อ 15 March 2006 - 01:50 AM
ล้วนมีกรรมเป็นทายาท
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มีกรรมเป็นเครื่องจำแนก (ดี-เลว)
และมีกรรมเป็นเครื่องกำหนด ดังนี้
#12
โพสต์เมื่อ 15 March 2006 - 04:52 PM
ดังเช่นที่เคยฟังบางเคส เกิดเป็นลูกของพ่อแม่คู่หนึ่งที่สามีภรรยาเสียชีวิต แต่ชายคนหนึ่งผ่านมาสงสารเด็กมาก และรู้สึกผูกพันมาก จึงรับเด็กไว้เลี้ยงดูเอง และรักเหมือนลูก พอฝันในฝันแล้วปรากฏว่า ชาติที่แล้ว เด็กคนนั้นเคยเกิดเป็นลูกตัวเองนั่นเอง ชาตินี้จึงมีเหตุให้มาได้เป็นลูกอีกครั้ง แม้ไม่ได้ให้กำเนิดก็ตาม
ดังนั้น เคสที่ว่า ไข่ตัวอ่อนมาจากผู้ให้กำเนิดคนใด ไปตกเป็นของพ่อแม่คนอื่น หน้าตาก็ย่อมเหมือนผู้ให้กำเนิดเดิม แต่บุญกรรมเหมือนพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูครับ เพราะมันก็เหมือนกับเด็กก็เกิดมาจากพ่อแม่คนอื่นเลย แต่มีเหตุให้พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดู แล้วบุญกรรมที่ใกล้วเคียงกันก็ดึงดูดมาอยู่กับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูแทนนั่นเองครับ
สรุปว่า เหมือนกัน ไม่ว่าจะยังเป็นตัวอ่อนอยู่ หรือโตขึ้นมาจนเป็นทารกแล้ว ต่างกันแค่เวลาเท่านั้นเอง
#13
โพสต์เมื่อ 18 March 2006 - 11:13 PM
ขอแก้ไขหน่อยนะครับ แต่เดิมทีเดียวนั้น ทั้งไข่และตัวอสุจิจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณครองครับ (ให้นึกถึงต้นไม้กับจุลชีพ) และการที่มันเคลื่อนไหวได้นั้น ก็เพราะอาศัยธาตุลม (วาโยธาตุ) นั่นเอง สำหรับส่วนที่เป็นวิญญาณธาตุ จะเข้าครองก็ต่อเมื่อเกิดกระบวนการปฏิสนธิ (fertilization) ระหว่างสเปิร์มกับไข่แล้วเท่านั้นครับ
#14
โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 05:52 PM
ลองดูนะครับ ถ้าลุกชายบวชตลอดชีวิตแสดงว่าบุฐมากๆๆๆ แต่พ่อแม่ล่ะครับ อืม
#15
โพสต์เมื่อ 13 February 2007 - 07:45 AM