ไปที่เนื้อหา


- - - - -

ถ้าชาติหน้ามีจริง ณ จุดเริ่มแรกที่คนเกิด เกิดมาทำไม?


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 *guest*

*guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 27 February 2005 - 09:15 PM

เชื่อนะว่าวิญญาณมีจริง เชื่อด้วยว่าวิทยาศาสตร์นั้นดี เชื่อเรื่องธรรมมะ ความดี ความชั่ว
แต่สงสัยว่า ถ้าชาิติหน้ามีจริงแล้ว ทำไมคนเราต้องเกิดมา
แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ
อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง
วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ
ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ใครไขข้อสงสัยได้ ช่วยตอบหน่อย

#2 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 27 February 2005 - 09:40 PM

ขอเรียนเชิญอ่านบทเรียนจักรวาลวิทยาครับ

http://www.dou.us/el.../gl101intro.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch1.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch2.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch3.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch4.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch5.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch6.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch7.pdf
http://www.dou.us/el...ok/gl101ch8.pdf

มีคำตอบเกี่ยวกับ

ทำไมคนเราต้องเกิดมา
แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ
อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง
วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ



ทุกคำตอบ และ กรุณาดูรายการฝันในฝันเพื่อตอบปัญหาข้อ

ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี



แล้วก็กรุณาฝึ่กนั่งสมาธิเพื่อตอบปัญหาข้อ

สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ



มีคำตอบอยู่ในศูนย์กลางกายของคุณเองครับ

#3 แจ่ม

แจ่ม
  • Members
  • 196 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 February 2005 - 11:40 PM

คำสอนทุกอย่างในพระพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ได้จริงค่ะ วิธีการก็มีอยู่แล้ว บุคคลที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจริงก็มีอยู่ แล้วท่านเหล่านั้นก็ได้บอกเล่ายืนยันแล้วว่าจริง คนทั้งหลายที่ไม่ได้ไปเห็นไปรู้เอง หรือพิสูจน์อย่างท่านเหล่านั้น พอฟังแล้วก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ยกตัวอย่างเรื่องนรกสวรรค์หรือกฎแห่งกรรม แต่อย่างไรก็ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก็ตรัสไม่ให้เราเชืี่อเพียงเพราะฟังมาอย่างเดียว เราต้องลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก็ได้ชี้หนทางให้แล้ว เพียงแต่เราจะพิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยตัวเองหรือไม่เท่านั้นเอง หากว่ายังไม่ได้พิสูจน์ก็ยากที่จะรู้ว่าคำตอบของคำถามเหล่านั้นที่ถามมานั้นคืออะไร สื่งต่างๆที่ค้างคาใจต้องหาคำตอบด้วยตัวเองค่ะ อย่าเสียเวลถามหรือสงสัยอยู่เลยค่ะ เริ่มค้นหาเลยดีกว่า หยุดใจเบาๆที่ศูนย์กลางกายให้ได้ก็จะพบคำตอบค่ะ ทำไปพร้อมๆกับอีกหลายๆคนที่มีคำถามเหมือนกับคุณจะได้มาช่วยกันยืนยันคำตอบค่ะ

#4 Somsakul V.

Somsakul V.
  • Members
  • 106 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Nonthaburi, Thailand + Tochigi Japan
  • Interests:Personal Computer

โพสต์เมื่อ 28 February 2005 - 11:00 AM

คนถามเป็นคนฉลาดจริงๆเลยครับ ช่างคิด ช่างสงสัยดีครับ
แต่คำถามของคุณไม่ได้ใหม่หรอกครับ

คุณอนันต์ อัศวโภคิน ท่านก็เคยถามหลวงพ่อธัมมชโยมาแล้ว
ซึ่งท่านก็ไม่ได้ตอบตรงๆ ในตอนแรกหรอกครับ เพราะใจของคุณอนันต์ยังรับไม่ได้
ตอนนั้นหลวงพ่อได้มอบพระไตรปิฎกให้คุณอนันต์ไปอ่าน
ซึ่งพอคุณอนันต์อ่านแล้ว ก็เกิดอัศจรรย์ใจ เพราะมีการพูดถึงอนันตจักรวาล
มีการพูดอีกด้วยว่า จักรวาลมีลักษณะเป็นล้อเกวียน ซึ่งดวงตาของมนุษย์ สมัย 2500 กว่าปีก่อนนี้
ไม่สามารถมองเห็นได้ จนเมื่อมีการส่งกล้องดูดาวขึ้นไปดู
จึงรู้ว่าที่เห็นเป็น จุดๆ นั่นคือจักรวาลอื่น เป็นวงๆ น่ะเอง

เพราะฉะนั้น พวกเราก็จะไม่ตอบตรงๆ ละกัน จนกว่าคุณจะได้นั่งสมาธิ ใจถึงจะรับได้
แล้วจะค่อยๆ บอกไปทีละนิดนะครับ

เชื่อนะว่าวิญญาณมีจริง เชื่อด้วยว่าวิทยาศาสตร์นั้นดี เชื่อเรื่องธรรมมะ ความดี ความชั่ว
แต่สงสัยว่า ถ้าชาิติหน้ามีจริงแล้ว ทำไมคนเราต้องเกิดมา



วิทยาศาสตร์กับธรรมะ ไม่ได้แยกกัน ไม่ได้เหมือนกัน แต่เป็นคนละส่วนกัน เหมือนวิชชาภาษาไทย กับ วิชชาวิทยาศาสตร์ มันก็ไมได้หักล้างกัน แต่มันคนละแนวกัน ผมก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ ผมจบ วท.บ มา ผมชอบการพิสูจน์ครับ

ทำไมคนเราต้องเกิดมาอีก ก็เพราะว่าคนเรายังมีห่วง มีเยื่อใยในโลกน่ะครับ คือมีกิเลสน่ะเอง ทำให้ไปไม่พ้นโลก เหมือนคุณไม่สามารถไปไหนไกลจากบ้านได้ ก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี

แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ



ทุกอย่างมันมีสาเหตุครับ มนุษย์คนแรกต้นกัป เป็นมนุษย์จริงๆเลยครับ โตปุ๊บปั๊บ ไม่ต้องมีใครเลี้ยง เป็นมนุษย์ในตัวเองแล้วล่ะครับ เหวอ

อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง



ธาตุต่างๆ เป็นของหยาบครับ สิ่งที่ทำให้ธาตุมีชีวิต คือมีใจน่ะเอง, ถ้าร่างกายไม่มีใจ ก็คือศพน่ะครับ วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยเครื่องมือ เครื่องวัด ก็เลยฟันธงไปว่าไม่มี
แต่คุณจะคิดแบบนี้ก็ไม่ถูก เหมือนกับว่า คุณมาจากไหน มาจากปู่ของปู่ ของปู่ ใช่มั๊ย
แล้วปู่ของปู่ของปู่ มีจริงๆ หรือเปล่า คุณไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักท่าน เพราะท่านตายไปนานแล้ว
แต่คุณจะฟันธงไปว่า ปู่ของปู่ของปู่คุณไม่มี ก็ไม่ถูกครับ

สิ่งใดไม่เคยเห็น ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นไม่มีครับ

หรืออีกตัวอย่างนึง จักรวาลอื่น มีดาวเคราะห์มั๊ย มีมนุษย์มั๊ย ไม่มีใครเคยเห็น แต่เขาก็ยังฟันธงได้ว่าน่าจะมี โอ้ นี่ไงครับ

กิเลสก็เหมือนกัน คุณไม่เคยเห็น แต่คุณรู้สึกได้ สิ่งนี้วิทยาศาสตร์ก็ไม่ฟันธงว่ามี แต่มันมีนี่ครับ

วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ได้น้อย พิสูจน์แต่สิ่งที่อยู่ในโลกน่ะครับ เหลือสิ่งที่อยู่ในตัวเรานี่แหละ เขายังไม่ยอมพิสูจน์ ถ้าคนพบธรรมะในตัวแล้ว จะตอบทุกคำถามได้เลยครับ ทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งธรรมะเลย

วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ



ความเชื่อในทฤษฎีต่างๆ มาจากความน่าจะใช่ครับ ถ้ามีทฤษฎีใหม่ที่ใช่กว่า เขาก็จะลบทฤษฎีเก่าไป แต่ทฤษฎีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงอยู่มา 2500 กว่าปีแล้ว ยังไม่มีใครลบได้ครับ เพราะเป็นจริงเสมอ ไม่เชื่อไปอ่านดูได้ครับ ที่ถามแบบนี้แสดงว่า ยังไม่เคยได้อ่านแหงๆ

สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ



เห็นด้วยใจครับ อะไรจะพิสูจน์ความจริง ถามแบบนี้แสดงว่าไม่ได้อ่านแหงๆ ต้องไปอ่านครับ
ถ้าไม่จริงเสมอ คำสอนอยู่ไม่ได้ถึง 2500 ปีครับ คำสอนของท่าน ถ้าทำตามจะแก้ทุกข์ได้ครับ
เช่นเรื่องของศีล สำหรับผม ผมไม่เคยคิดเลยว่า ถือศีลจะช่วยอะไรได้

จนมาได้ยินพระอาจารย์สอน ว่าศีลเนี่ย ช่วยป้องกันความเดือดร้อนให้คุณได้
เพราะความเดือดร้อนของคนส่วนมาก แส่หามาเองทั้งนั้นครับด้วยการเริ่มผิดศีล
อ่า ลองดูคนที่อยู่ในคุกได้ ก็เพราะผิดศีลน่ะแหละ

ฉะนั้นเวลาอ่านพระไตรปิฎก อย่าดูเบานะครับ

ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ



ครับ ไม่จบไม่สิ้นแน่นอน ไม่นั้นเราคงไม่อยู่ตรงนี้ พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก ท่านหมดกิเลสเข้าพระนิพพานไปนับไม่ถ้วนแล้วครับ

จะจบสิ้นได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถดับกิเลสในใจได้ ไม่ให้มีเชื้อที่จะงอกงามได้อีก พอหมดกิเลสก็จะไม่มีเครื่องถ่วงใจเราในโลกนี้ ก็จะไปพระนิพพานได้เลยครับ

เหมือนคุณไม่มีความพอใจในโลกนี้ เพราะอากาศเป็นพิษ มลภาวะ ก็ต้องตัดห่วงออก แล้วย้ายไปอยู่ดวงอังคาร แบบนี้น่ะครับ

จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี



อยู่ดีๆ จะตรัสรู้ ไปนิพพาน ไปสวรรค์ไม่ได้หรอกครับ เราต้องตั้งใจครับ มันไม่มีความบังเอิญหรอกครับ เหมือนการเรียนหนังสือ ถ้าเราไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจเวลาครูสอน ก็จะทำข้อสอบไม่ได้

ถ้าเราไม่ตั้งใจที่จะไปพระนิพพาน ก็จะอยู่ในโลกแบบนี้ไปตลอดกาลครับ การจะไปนิพพานได้ ต้องสั่งสมบุญให้มากๆ แล้วอธิษฐานกำกับเสมอ ว่าขอให้หมดกิเลส ไปพระนิพพาน หลายชาติผ่านไป
ก็จะสมปราถนาเองครับ เมื่อกำลังบุญเต็มเปี่ยม

เหมือนจรวดอวกาศ จะเดินทางไปนอกโลก ก็ต้องใช้เชื้อเพลิง ก็ต้องเอางบประมาณไปซื้อเชื้อเพลิงไว้ จนกว่าจะเต็มลำน่ะแหละ ถ้าปีนี้ซื้อได้ 1 ใน 3 ก็ต้องรอปีต่อไป เต็มเมื่อไร ก็จุดเครื่อง ไปนอกโลกได้เลย แบบนี้น่ะครับ พอเข้าใจนะครับ เหอๆ
ปล่อยวางซะมั่ง

#5 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 01 March 2005 - 02:19 AM

ตอบได้ครบถ้วนและเข้าใจง่ายมากๆครับ คุณ lordbsd
อนุโมทนาบุญดัวยค้าบบบ.....

#6 *ลูกแกะหลงทาง*

*ลูกแกะหลงทาง*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 01 March 2005 - 07:37 AM

แล้วการขึ้นสวรรค์ คือ การหลุดพ้นหรอไม่ครับ

การนิพพาน คือ การไปอยู่ที่สวรรค์ หรือ ครับ

บนสวรรค์ตามที่ผมได้ดู DMC นะครับ จะเป็น วัฒนธรรม แบบ แนวอินเดียหมดเลยหรือครับ

แล้วบนสวรรค์ นี่ ไม่มีสวรรค์ ของศาสนาอื่นๆ เลยหรือ ครับ

แล้วในนรกเช่นกันครับ ใครเป็นผู้กำหนดโทษ ใครเป็นผู้สั่งการ ตลอดจนผู้ ปฏิบัตื ต่างๆ

แล้วการสร้าง เสาแก้ว( ต้นละล้าน แพงจัง แถมสลักชื่อได้ไม่เกิน 20 ตัวอักษร ทำไมต้องกำหนดไรมากมายขนาดนั้นครับ)

ทำไม ไม่ให้ศาสนิกชน บริจาคโดยไม่ต้องออกนามได้ไหมครับ เพราะเหมือนกับว่าจะกลายเป็นบริจาคเงินแข่งกัน สวรรค์มาด้วยการประมูล หรือครับ

เปลียนเป็นไม่ให้ออกนามได้ไหมครับ เพราะจะได้ตัดปัญหาตรงนี้ออกไป

แล้วอยากให้ทางวัด แจกแจงบัญชี ทรัพย์สินทั้งหมด รายรับ รายจ่ายต่อเดือน การเสียภาษี นะครับ
เพราะวัดก็ ถือ เป็น องค์กรหนึ่งเหมือนกัน

สงสัยครับ

#7 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 01 March 2005 - 08:47 AM

ขอตอบสั้นๆละกันนะครับ

แล้วการขึ้นสวรรค์ คือ การหลุดพ้นหรอไม่ครับ


ไม่ใช่ครับ

การนิพพาน คือ การไปอยู่ที่สวรรค์ หรือ ครับ


ก็ไม่ใช่อีกครับ สวรรค์เป็นแค่ที่พักระหว่างทางครับ

บนสวรรค์ตามที่ผมได้ดู DMC นะครับ จะเป็น วัฒนธรรม แบบ แนวอินเดียหมดเลยหรือครับ


อืม... ผมดูไงก็ไม่เหมือนอินเดียนะ

แล้วบนสวรรค์ นี่ ไม่มีสวรรค์ ของศาสนาอื่นๆ เลยหรือ ครับ


สวรรค์เป็นของกลางเหมือนดวงอาทิตย์ดวงจันทร์น่ะครับ

แล้วในนรกเช่นกันครับ ใครเป็นผู้กำหนดโทษ ใครเป็นผู้สั่งการ ตลอดจนผู้ ปฏิบัตื ต่างๆ


กฎแห่งกรรมเป็นผู้กำหนด
เจ้าหน้าที่ในยมโลกเป็นกุมภัณฑ์ แต่ในมหานรกเกิดจากกรรมครับ

แล้วการสร้าง เสาแก้ว( ต้นละล้าน แพงจัง แถมสลักชื่อได้ไม่เกิน 20 ตัวอักษร ทำไมต้องกำหนดไรมากมายขนาดนั้นครับ)


เสาต้นเบ้อเร่อเลยครับ ผมว่าราคาเท่านี้ไม่แปลกเลย
ที่จำกัดตัวอักษรนี่เพราะว่าพื้นที่ผิวของเสามีจำกัดครับ หุหุ เด๋วเขียนไม่พอ

ทำไม ไม่ให้ศาสนิกชน บริจาคโดยไม่ต้องออกนามได้ไหมครับ เพราะเหมือนกับว่าจะกลายเป็นบริจาคเงินแข่งกัน สวรรค์มาด้วยการประมูล หรือครับ


ไม่ได้มาด้วยการประมูลครับ มาด้วยการทำของตนเอง
ใครไม่อยากออกนามก็ไม่มีใครห้ามครับ ก็ไม่ต้องใส่ชื่อก็ได้
ที่ใส่เพราะจะได้ปลื้มครับ ว่าเราได้มีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น

เปลียนเป็นไม่ให้ออกนามได้ไหมครับ เพราะจะได้ตัดปัญหาตรงนี้ออกไป


อยากไม่ออกนามก็ได้ครับ ตามสะดวก

แล้วอยากให้ทางวัด แจกแจงบัญชี ทรัพย์สินทั้งหมด รายรับ รายจ่ายต่อเดือน การเสียภาษี นะครับ
เพราะวัดก็ ถือ เป็น องค์กรหนึ่งเหมือนกัน


วัดไม่ได้มีการแสวงหารายได้เพื่อผลกำไรเหมือนบริษัทอะครับ
คนที่มาทำบุญก็ไม่เหมือนผู้ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท ผมว่าไม่เหมือนกันนะครับ

#8 *anochan*

*anochan*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 02 March 2005 - 09:44 PM

ตายแล้วหว่า ถ้าอย่างนั้น เราต้องเกิดล้าน ล้าน ล้าน ชาิติแน่เลย เพราะเท่าที่จำความได้ ฆ่ายุงมากกว่าแสนตัวอ่าา ตอนเด็กๆ ก็โกหกทุกวัน ประมาณ 365 x 15 วัน โอ้โห ใช้กรรมอีกกี่ชาติเนี่ยะ กว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ไหนจะโขมย ประพฤติผิดสารพัด ตายๆๆๆๆ นรกมีกี่ขุม ต้องตกให้หมด ชาติต่อจากนี้ ก็ต้องเกิดทุกชาติ ทำไงดีหว่าาาา จะต้องปฎิบัติธรรมอีกนานมั๊ยเนี่ยะ กว่าจะหมดเวรหมดกรรม แล้วเกิดชาติหน้าเกิดมาเลวกว่า มองไม่เห็นธรรม โอ้วววว ต้องเกิดทุกชาติไม่มีสิ้นสุด แงๆๆๆๆๆ

#9 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 14 March 2005 - 02:45 PM

เห็นด้วย มนุษย์ต้องเกิด ล้าน ล้าน ล้าน ชาติ ก็วนไปวนมา
แล้วก็เกิดวนที่ประเทศไทยด้วย เพราะประเทศอื่นเค้าไม่ได้เชื่อกัน
ฆ่ายุงเกิดเป็นยุง ฆ่าสุนัขเกิดเป็นสุนัข
แต่ตอนเกิดเป็นยุง ไม่มีสมอง ไม่รู้ดีชั่ว
ตอนเกิดเป็นสุนัข ก็ไม่มีสิทธิทำบุญ เพราะเป็นสังคมสุนัข
โดนรถทับตาย คนทับก็กลายเป็นสุนัข เราก็เกิดเป็นอย่างอื่น
เกิดเป็นสัตว์ก็จะไม่รู้ว่าสวรรค์เป็นยังไง เพราะนั่งทำสมาธิไม่ได้
กินอาหารจากคนที่โยนให้ คนโยนก็ได้บุญ ชาติหน้าถ้าได้เกิดเป็นคน
ก็ไปตอบแทนบุญคุณคนที่โยนอาหารให้ ซักหมื่นคน ชีวิตนึงก็ต้องไปตามคืนบุญ
ตามใช้บาปกรรม ก็หลาย ล้าน ล้าน ชาติอยู่ และชาตินึงก็ไม่น้อย
ตายเมื่อไหร่ก็เกิดใหม่ ไม่มีใครช่วยเราได้ มนุษย์เกิดมาเพื่อตัวเอง
อย่างเวลาเกิดเป็นสุนัข เราจะไม่มีอกหัก ฆ่าตัวตาย อีกอย่างกับคน
สุนัข สมองน้อยกว่าคน แต่เอาตัวรอดเก่งกว่าคน
เอาน่า เกิดก็เกิด ซักล้านชาติก็ต้องเกิด ความตายเป็นของทุกคน

#10 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 16 March 2005 - 06:09 PM

ตัวดิฉันเข้าใจว่าการคิด และการโต้เถียงเรื่องการเกิดของจักรวาล มนุษย์ สวรรค์ นั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดมากนัก ไม่ได้ช่วยให้พวกเรามีความสุขในใจเลย แต่กลับจะสร้างความสับสนและทำให้ยึดติดในตัวตน

ถือเป็นหนึ่งในอจินตัยค่ะ

#11 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 16 March 2005 - 06:11 PM

ตัวดิฉันเข้าใจว่าการคิด และการโต้เถียงเรื่องการเกิดของจักรวาล มนุษย์ สวรรค์ นั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดมากนัก ไม่ได้ช่วยให้พวกเรามีความสุขในใจเลย แต่กลับจะสร้างความสับสนและทำให้ยึดติดในตัวตน

ถือเป็นหนึ่งในอจินตัยค่ะ

#12 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 18 March 2005 - 11:48 PM

เชื่อนะว่าวิญญาณมีจริง เชื่อด้วยว่าวิทยาศาสตร์นั้นดี เชื่อเรื่องธรรมมะ ความดี ความชั่ว
แต่สงสัยว่า ถ้าชาิติหน้ามีจริงแล้ว ทำไมคนเราต้องเกิดมา
แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ
อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง
วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ
ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ใครไขข้อสงสัยได้ ช่วยตอบหน่อย



#13 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 19 March 2005 - 12:01 AM

เชื่อนะว่าวิญญาณมีจริง เชื่อด้วยว่าวิทยาศาสตร์นั้นดี เชื่อเรื่องธรรมมะ ความดี ความชั่ว
แต่สงสัยว่า ถ้าชาิติหน้ามีจริงแล้ว ทำไมคนเราต้องเกิดมา
แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ
อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง
วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ
ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ใครไขข้อสงสัยได้ ช่วยตอบหน่อย



นี่ก่อนอ่านขออย่าได้ให้ความสงสัยนั้นเข้าครอบงำจิต อันตัวเรานั้นเป็นบุคคลผู้ซึ่งศรัทธาในตถาคตเจ้ามากเราอยากบอกท่านว่าทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความจริง
ชวิคของมนุษย์ล้วนขึ้นอยู่กับบุญและกรรมลองคิดดูว่าทำไมโลกนี้จึงมีคนหลายลักษณะมีทั้งรวย จน ฉลาด และก้อโง่ นี่ไม่ใช่หรือเป็ฯจุดที่น่าสงสัย
และอีกอย่างที่สำคัญคือเวลาที่คุณเข้าไปอยู่ในโลกแห่งวัตถุคุณกล้าบอกไหมว่ามีวินาทีไหนบ้างที่คุณรู้สึกสงบโดยปราศจากความระแวง
ความระแวงนู้นระแวงนี่นี่และคือต้นเหตุแห่งความทุกข์แต่เมื่อใดที่คุณได้เข้าวัดคุณก้อจะรู้สึกได้ถึงความสงบซึ่งคุณไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
ทุกรอยยิ้มล้วนแต่จริงใจหาได้เสแสร้งเหมือนมนุษย์ทั่วไปไม่
ไม่เชื่อก้อลองดู

#14 *Guest*

*Guest*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 19 March 2005 - 12:04 AM

เชื่อนะว่าวิญญาณมีจริง เชื่อด้วยว่าวิทยาศาสตร์นั้นดี เชื่อเรื่องธรรมมะ ความดี ความชั่ว
แต่สงสัยว่า ถ้าชาิติหน้ามีจริงแล้ว ทำไมคนเราต้องเกิดมา
แล้วถ้าโลกเกิดตามธรรมชาิติจริงๆ จุดเริ่มแรกของโลกนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองหรือ
มนุษย์มาจากลิงจริงหรือ มนุษย์คนแรกเป็นทารกหรือ
อยู่ดีๆ จักรวาล ท้องฟ้า แร่ธาตุหมุนไปหมุนมา ผสมก๊าซต่างๆ ออกมาเป็นสิ่งมีชีวิตได้จริงหรือ
ถ้าเราเชื่อวิทยาศาสตร์ไปหมดทุกอย่าง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ วิญญาณก็ไม่มีจริงสิ
เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่าวิญญาณมีจริง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่านรกสวรรค์มีจริง
วิทยาศาสตร์เคยบอกไว้ว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ และการอัศจรรย์ เพราะไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เคยเกิดขึ้น หากเราต้องจุติเป็น ยุง แมลงสาป สัตว์ป่า ในชาติหน้า เราคงลำบากแย่ ทุกอย่างที่เราเชื่อกันมาว่าจริง นั้นจริง จริงๆ หรือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ และแนวคิดของชาร์ล ดาร์วิน ยืนยันว่าจริงแน่หรือ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส และค้นพบ อะไรพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เราเห็นด้วยตาหรือ
การระลึกชาติที่เห็นๆ นั้น ไม่ใช่จิตหลอนแน่หรือ หรือเป็นเพียงจินตนาการความคิดใต้จิตใจ
ถ้าเราต้องชดใช้กรรม เราต้องใช้กันไปอีกกี่ชาติจึงจบสิ้น อะไรวัดว่าเราต้องเกิดเป็นอะไร สมมุติว่าชาตินี้เราฆ่าหมา 1 ตัว ฆ่ายุงหมื่นตัว ด่าว่าพ่อแม่ทุกวันตั้งแต่โตมา กินเหล้า มีชู้ โกหกล้านครั้ง เราต้องเกิดเป็นหมาชาติหน้าหนนึง ยุงอีก หมื่นชาติหนนึงหรือ เป็นเปรต ปีนต้นงิ้ว ปากพิการ โอยยยยย อีกหมื่นล้านชาติงั้นหรือ ชีวิตถึงจะจบสิ้น ถ้าความดีความชั่ว และเรื่องกรรมลบไม่ได้ ต้องชดใช้ต่อไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อยู่ดีๆ พอเราตรัสรู้ นิพพาน อยู่ดีๆ ก็ไปสวรรค์ได้เลยหรือ หือ งงจริงๆ
มนุษย์มนา ค้นพบแล้วแน่หรือ ปราชญ์ผู้ที่คิดว่าตนเข้าใจแล้ว แท้จริงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ใครไขข้อสงสัยได้ ช่วยตอบหน่อย



นี่ก่อนอ่านขออย่าได้ให้ความสงสัยนั้นเข้าครอบงำจิต อันตัวเรานั้นเป็นบุคคลผู้ซึ่งศรัทธาในตถาคตเจ้ามากเราอยากบอกท่านว่าทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความจริง
ชวิคของมนุษย์ล้วนขึ้นอยู่กับบุญและกรรมลองคิดดูว่าทำไมโลกนี้จึงมีคนหลายลักษณะมีทั้งรวย จน ฉลาด และก้อโง่ นี่ไม่ใช่หรือเป็ฯจุดที่น่าสงสัย
และอีกอย่างที่สำคัญคือเวลาที่คุณเข้าไปอยู่ในโลกแห่งวัตถุคุณกล้าบอกไหมว่ามีวินาทีไหนบ้างที่คุณรู้สึกสงบโดยปราศจากความระแวง
ความระแวงนู้นระแวงนี่นี่และคือต้นเหตุแห่งความทุกข์แต่เมื่อใดที่คุณได้เข้าวัดคุณก้อจะรู้สึกได้ถึงความสงบซึ่งคุณไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน
ทุกรอยยิ้มล้วนแต่จริงใจหาได้เสแสร้งเหมือนมนุษย์ทั่วไปไม่
ไม่เชื่อก้อลองดู

#15 *สตอ*

*สตอ*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 31 March 2005 - 12:53 PM

หากเรื่องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องจริงล่ะก็
ป่านนี้คงพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้แล้ว
เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หรอครับ

#16 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 31 March 2005 - 02:00 PM

วิทยาศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของพุทธ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของพุทธ

การเวียนว่ายตายเกิด พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ทางใจกับความรู้ภายในเท่านั้น
(อ้อ อีกแบบคือ เดี๋ยวตายก็รู้ หุหุ)
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#17 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 02 April 2005 - 05:20 PM

เท่าที่อ่านมาคำตอบของกัลยาณมิตรทุกๆ ท่านก็ตอบได้สมบูรณ์แล้วนะครับ มีเพียงบางท่านเท่านั้น ที่จะไม่มีความรู้พื้นฐานในพระพุทธศาสนามา และเข้าใจวิทยาศาสตร์แต่เพียงผิวเผินจึงอาจจะยังเข้าใจได้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจสมบูรณ์ครบถ้วนจริงๆ จะต้องลงมือปฏิบัติครับ ยกตัวอย่าง ตำราสอนขับรถจะสอนว่า เวลาขับรถไป ทุกๆ 8 วินาที จะต้องเหลือบตาไปมองกระจกหลัง กระจกข้าง และเหลียวมองซ้ายขวาของรถ 1 ครั้ง ถ้าไม่เคยขับรถเลย จะร้องทันทีว่า จะบ้าเหรอ ใครจะไปเหลียวมองทุกๆ 8 วินาทีอย่างนั้นได้ แต่เมื่อได้ลองปฏิบัติโดยขับรถจริงๆ จนชำนาญดู (ตอนเริ่มต้นขับก็ยังทำไม่ได้นะครับ) จะพบว่า เราทำได้อย่างง่ายดาย เหมือนเป็นธรรมชาติของเรา
เอาล่ะคราวนี้มาลองดูบางคำถามนะครับ

ฆ่ายุงเกิดเป็นยุง ฆ่าสุนัขเกิดเป็นสุนัข? ไม่จำเป็นครับ หลายครั้ง ลงนรกทุกข์หนักก่อน แล้วถึงค่อยมาเป็นครับ
จะต้องวนเกิดในประเทศไทย เพราะที่อื่นไม่เชื่อ? ผิดครับ เหมือน โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ อริสโตเติล และคนสมัยก่อนไม่เชื่อ บอกว่า ดวงอาทิตย์ โคจรรอบโลก แต่ถึงอริสโตเติลจะเชื่อเช่นนั้น โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ดี ดังนั้น ถึงที่อื่นไม่เชื่อว่า ฆ่าสัตว์เป็นบาป ก็ต้องได้รับผลแห่งบาปอยู่ดีครับ
เกิดเป็นสุนัข มีคนโยนอาหารให้? ถ้าไม่ได้ทำทานมาก่อน แม้อาหารก็ไม่มีคนโยนให้ และหายากด้วยครับ (คงเห็นหมาจรจัดที่ไม่มีอาหารกิน)
เกิดเป็นสุนัข เอาตัวรอดเก่ง ฉลาด? ถ้าไม่มีบุญเจริญภาวนามาก่อน(สมัยเกิดเป็นคน) เป็นอะไรก็โง่ครับ และเอาตัวไม่รอดครับ
ความตายเป็นของทุกคนจริง แต่ถ้ามาถึงเราเมื่อไหร่ หนาวแน่นอน เพราะไม่ใช่ทุกรายที่ตายทันที บางคนต้องทนทุกข์ทรมาณมาก ด้วยวิบากกรรม ก่อนที่จะตาย แล้วหลังจากความตายล่ะ จะไปเจออะไรเตรียมพร้อมไว้หรือยัง ชีวิตไม่ง่ายเหมือนเล่นเกมโชว์ครับ

หากการเวียนว่ายมีจริง ป่านนี้คงพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ไปแล้ว พุทธศาสนาเป็นศาสนาของวิทยาศาสตร์มิใช่หรือ? คำตอบคือ วิทยาศาสตร์ยังล้าหลังพระพุทธศาสนามากครับ มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และวิทยาศาสตร์เริ่มก็ยอมรับ แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ เช่น
โทรจิต อยู่คนละประเทศส่งจิตคุยกันได้โดยไม่ต้องใช้โทรศัพท์
เทเลโพส เคลื่อนย้ายสิ่งของ โดยไม่ใช้มือ ใช้แต่จิต
พลังจิต งอสิ่งของได้โดยไม่ใช้แรงกาย ใช้แต่พลังจิต
ิจิตสร้างภาพ เห็นเป็นภาพสิ่งต่างๆ ได้ ราวกับถ่ายด้วยกล้อง
ตอนนี้วิทยาศาสตร์ กำลังเปิดสาขาวิชาศึกษาเรื่องเหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะในต่างประเทศศึกษาอย่างละเอียด แต่มหาวิทยาลัยในเมืองไทย มีแต่ชื่อวิชาคร่าวๆ ในสาขาวิชาจิตวิทยาเท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงอย่างอัลเบริต์ไอสไตน์ ยังกล่าวยกย่องพระพุทธศาสนาว่า
"The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal god and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things, natural and spiritual, as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that would cope with modern scientific needs, it would be Buddhism."
(May 19th, 1939, Albert Einstein's speech on "Science and Religion" in Princeton, New Jersey, U.S.A.)
แปลเป็นไทยว่า
ความรู้ในวิทยาศาสตร์หรือศาสตร์แขนงต่างๆ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับความรู้ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็เป็นเพียงแค่ก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น เพราะความรู้ในพระพุทธศาสนาครอบคลุมความรู้ ทั้งหมด แม่แต่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพ ยังแสดงความคิดเห็นต่อศาสนาพุทธว่า
"ศาสนาในอนาคตจะเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ข้ามพ้นความเชื่อเป็นตัวเป็นตนของพระเจ้า และหลีกเลี่ยงความเชื่อที่ศัทธาแบบหัวรุนแรงโดยไม่พิสูจน์ ; และเรื่องความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับโลกมนุษย์ แต่จะเป็นศาสนาที่ครอบคลุมทั้งเรื่องธรรมชาติและจิตวิญญาณ ; โดยมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกทางศาสนาที่มาจากประสบการณ์ที่ได้ป ระสบกับสรรพสิ่ง ทั้งจากธรรมชาติและจิตวิญญาณ ด้วยนัยยะความหมายที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งพระพุทธศาสนาสามารถให้คำตอบในสิ่งที่พรรณามาดังกล่าว ถ้าจะมีศาสนาใดที่รองรับได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์สมัยให ม่ ศาสนานั้นก็คือ พระพุทธศาสนา "
แต่คนที่รู้จักวิทยาศาสตร์แบบผิวเผินเท่านั้น จึงไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
บางทีเราต้องยืนให้สูงขึ้นอีกนิด เพื่อจะมองเห็นโลกให้กว้างขึ้นครับ

#18 laity

laity
  • Members
  • 214 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 March 2006 - 01:41 AM

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเพิ่มอีกเยอะครับ
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา

โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

#19 nontster

nontster
  • Members
  • 16 โพสต์
  • Location:Bangkok
  • Interests:Technology, Music, Photography

โพสต์เมื่อ 21 March 2006 - 10:55 PM

QUOTE
หากเรื่องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องจริงล่ะก็
ป่านนี้คงพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้แล้ว
เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หรอครับ


วิทยาศาสตร์ เกือบทั้งหมดเอามาแสดงให้ดูด้วยตาเนื้อได้ ส่วนดูแล้วจะเข้าใจหรือไม่อยู่ที่ความรู้ของเรา
พุทธศาสตร์ ส่วนละเอียดบางอย่างยังเอามาแสดงให้ดูด้วยตาเนื้อไม่ได้ เช่นนรก-สวรรค์ แต่ไม่ใช่พิสูจน์ไม่ได้ พิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณยังไงล่ะ ส่วนเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผลนี่ยิ่งเยอะเลย ลองอ่าน หนังสือที่หลวงพ่อทัตตะเขียนดู ผมเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เยอะเลย

เห็นด้วยกับคุณ มองอย่างแมว ที่ว่า วิทยาศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของพุทธ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของพุทธ

จากพจนานุกรม
นิยามของคำว่าวิทยาศาสตร์คือ : ความรู้ที่ได้โดยการสังเกตและค้นคว้าจากการประจักษ์ทางธรรมชาติ แล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ, วิชาที่ค้นคว้าได้หลักฐานและเหตุผลแล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ.

จะเห็นได้ว่ามันติดอยู่ในเรื่องหลักฐานนี่ล่ะครับ เรื่องละเอียดๆ คนส่วนมากจะมองไม่เห็น เลยไม่เชื่อว่ามี แถมยังเอามาให้ดูไม่ได้อีก ต้องให้คนๆนั้นไปดูเอาเอง


#20 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 29 January 2007 - 08:27 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ