คือเคยฟังรายการฝันในฝันแล้วทำให้เข้าใจว่า วันพระจริง ๆ ของไทยเราจะคลาดไปหนึ่งวัน ซึ่งถ้าหากเราสังเกตบนท้องฟ้ายามค่ำคืนของหลังวันพระใหญ่ตามปฏิทิน จะเห็นว่าดวงจันทร์จะสุกใสและกลมกว่าวันพระ ซึ่งวันพระจริง ๆ แล้วควรจะหลังวันพระที่เขียนไว้ในปฏิทิน 1 วัน ซึ่งจะตรงกับปฏิทินของประเทศลาว แล้วก็ได้รับความรู้มาอีกว่า พอถึงวันพระ ที่ยมโลกจะหยุดทัณทรมาน ช่วงเวลานั้นสัตว์นรกจะว่างเว้นจากความทุกข์ชั่วคราว หากญาติ ๆ ทำบุญในวันพระ สัตว์นรกก็จะรับบุญ และสามารถนึกถึงบุญได้ ซึ่งถ้าบุญมากพอ ก็จะสามารถทำให้สัตว์นรกไปผุดไปเกิดหรือไปสู่สุคติได้ แล้วถ้าเราอยากจะทำบุญวันพระจริง ๆ เราควรทำวันไหนดีครับ (อยากรู้จริง ๆ ครับ สงสัยมานานแล้ว แต่อย่าตอบว่าให้ทำ 2 วันเลยกันเหนียวนะครับ คืออยากได้คำตอบชัวร์ ๆ หน่ะครับ)
อนุโมทนาบุญครับ
![](http://www.gravatar.com/avatar/d41d8cd98f00b204e9800998ecf8427e?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
อยากทราบจริง ๆ ครับ
เริ่มโดย
*หุ่ย*
, Mar 03 2005 09:05 AM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
*หุ่ย*
โพสต์เมื่อ 03 March 2005 - 09:05 AM
#2
*ผู้รอคำตอบอยู่เหมือนกัน*
โพสต์เมื่อ 04 March 2005 - 07:11 AM
โอ้....สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้เลยจริง ๆ
#3
โพสต์เมื่อ 06 March 2005 - 10:31 PM
ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันครับ แต่ขอเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับการคำนวณวันพระ ไว้ดังนี้ครับ
Copy มาจาก website ลานธรรมครับ
พอดีศึกษาเรื่องคำนวณนี้อยู่เหมือนกัน
http://larndham.net/...dar/thaical.php
"สำหรับปฏิทินจันทรคติไทยฉบับราชการนั้น ในปีที่ยังมาไม่ถึง จะไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้ เนื่องจาก ณ ปัจจุบันนี้ปฏิทินจันทรคติยังไม่มีสูตรแม่นยำ ตายตัวที่แน่นอน ยังพึ่งวิจารณญาณของบุคคลที่อยู่ในหน้าที่เป็นรายปีๆไป ยังผลให้เมื่อมีการเปลี่ยนบุคคล การตัดสินใจย่อมแตกต่างกันขึ้นมาได้
สำหรับปฏิทินจันทรคติไทยฉบับปักขคณา สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๔) ได้ทรงวางกฎเกณฑ์และค่าที่แม่นยำไว้แน่นอนแล้ว จึงสามารถคำนวณออกมาได้ตลอดเวลา และมีความแม่นยำตามปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมตามธรรมชาติมากกว่า
ปฏิทินปักขคณนา ฉบับมหามกุฏฯ ได้ประกาศในปี 48 ไม่เป็นไปตาม หลักการเดินกระดานปักขคณนาที่สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางกฎเกณฑ์แต่ดั้งเดิมไว้ โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลไว้ สำหรับปฏิทินปักขคณนารายปีที่ตรงตามการเดินกระดาน สามารถตรวจสอบได้ที่ ปฏิทินปักขคณนารายปี"
สรุปว่า ปัจจุบันวันพระเค้าคำนวณกันปีต่อปีครับ ผมไม่แน่ใจว่าสูตรของรัชกาลที่ 4 จะตรงกับวันพระของจริงหรือเปล่า
ผมลองเขียนโปรแกรม แล้วปรากฏว่า ไม่ตรงกับปฏิทินในแต่ละปีเลยครับ เพราะวันพระไทยจะมีสูตรคำนวณคร่าวๆ ดังต่อไปนี้ครับ
http://larndham.net/...o.pl/005449.htm
------------------------------------------
"ปีที่แบ่งตามรอบพระอาทิตย์ (สุริยคติ) มี 2 แบบ คือ
1. ปกติสุรทิน คือ มี 365 วัน
2. อธิกสุรทิน คือ มี 366 วัน (เดือนกุมภาฯมี 29 วัน)
การคำนวน ปีอธิกสุรทิน
ตรงนี้บางท่านจะจำได้แต่เพียง ว่า หาร 4 ซึ่งไม่ใช่แค่นั้นครับ
ความจริงแล้ว จะมีสูตรคำนวณที่ถูกต้องคือ
ให้เอา ค.ศ.ตั้ง แล้วเอา 4 หาร หากหารลงตัวก็ใช่
ยกเว้น 100 หารลงตัว แต่หาก 400 ลงตัวก็ให้นับเป็นอธิกสุรทินด้วย
(เช่น ปี 1900 ไม่เป็นอธิกสุรทิน แต่ปี 2000, 2004 เป็นปีอธิกสุรทิน)
------------------------------------------
ปีที่แบ่งตามรอบพระจันทร์ (จันทรคติ) แบ่งเป็น 3 คือ
1. ปกติมาส-ปกติวาร (บางที่เขียนย่อ เป็น ปกติมาส-วาร)
คือ ปีที่เป็นปกติ มีเดือนคู่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 15 วัน
และมีเดือนคี่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 14 วัน
รวมวันใน 1 ปี เป็น (30*6+29*6) = 354 วัน
2. ปกติมาส-อธิกวาร (บางที่เรียกเป็น อธิกวาร)
คือ ปีที่เป็นปกติ แต่เดือน 7 จะมีข้างแรม 15 วัน
รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+1 = 355 วัน
3. อธิกมาส-ปกติวาร (บางที่จะเรียกเป็น อธิกมาส)
คือ ปีที่มีเดือนแปดเพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันว่า มีเดือนแปดสองหน
รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+30 = 384 วัน
และจะไม่มีปีใดที่เป็น "อธิกมาส-อธิกวาร" หรือ
ไม่มีปีไหนที่เป็นทั้งเดือนแปดสองหนและ เดือน 7 เพิ่มอีกวันไปพร้อมๆกัน
*** คำและความหมาย ***
อธิก- (อ่านว่า อะ-ทิ-กะ) ในที่นี้หมายถึง "เกิน, เพิ่ม"
ส่วนคำว่า วาร แปลว่า "วัน"
มาส แปลว่า "เดือน"
คำว่า สุรทิน มาจาก สุร + ทิน
ทิน แปลว่า "วัน"
สุร ในที่นี้น่าจะแปลว่า "พระอาทิตย์"
------------------------------------------
จากตัวเลขเหล่านี้ ทำให้ทราบว่า
ปีปกติพระจันทร์ จึงน้อยกว่าปีปกติพระอาทิตย์อยู่ 365-354 = 11 วัน
เมื่อครบ 3 ปีเลยทำให้มีวันขาดอยู่ 33 วัน
เลยมีการเกิดเป็นปี อธิกมาส หรือมีเดือน 8 เพิ่มอีกหน
ส่วนเศษ 3 ก็มีการกระจัดกระจาย ให้เป็นปี อธิกวารแทน
ได้มีผู้รู้ท่านนึงกล่าวว่า สูตรของปีอธิกมาส จะห่างกันเป็น 3332332 ในทุกๆ 19 ปี
ซึ่งเมื่อลองเปรียบเทียบกับปฏิทินจริง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2400 ถึง 2575
ก็พบว่าคล้ายๆจะมีสูตรเช่นนี้จริง แต่ไม่ลงเสมอไป
และก็ไม่ทราบจะลงว่าปีไหนเป็นปีอธิกวารด้วย
เพราะกระจัดกระจายไม่แน่นอนเหลือเกินครับ"
Copy มาจาก website ลานธรรมครับ
พอดีศึกษาเรื่องคำนวณนี้อยู่เหมือนกัน
http://larndham.net/...dar/thaical.php
"สำหรับปฏิทินจันทรคติไทยฉบับราชการนั้น ในปีที่ยังมาไม่ถึง จะไม่สามารถนำไปอ้างอิงได้ เนื่องจาก ณ ปัจจุบันนี้ปฏิทินจันทรคติยังไม่มีสูตรแม่นยำ ตายตัวที่แน่นอน ยังพึ่งวิจารณญาณของบุคคลที่อยู่ในหน้าที่เป็นรายปีๆไป ยังผลให้เมื่อมีการเปลี่ยนบุคคล การตัดสินใจย่อมแตกต่างกันขึ้นมาได้
สำหรับปฏิทินจันทรคติไทยฉบับปักขคณา สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๔) ได้ทรงวางกฎเกณฑ์และค่าที่แม่นยำไว้แน่นอนแล้ว จึงสามารถคำนวณออกมาได้ตลอดเวลา และมีความแม่นยำตามปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมตามธรรมชาติมากกว่า
ปฏิทินปักขคณนา ฉบับมหามกุฏฯ ได้ประกาศในปี 48 ไม่เป็นไปตาม หลักการเดินกระดานปักขคณนาที่สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางกฎเกณฑ์แต่ดั้งเดิมไว้ โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลไว้ สำหรับปฏิทินปักขคณนารายปีที่ตรงตามการเดินกระดาน สามารถตรวจสอบได้ที่ ปฏิทินปักขคณนารายปี"
สรุปว่า ปัจจุบันวันพระเค้าคำนวณกันปีต่อปีครับ ผมไม่แน่ใจว่าสูตรของรัชกาลที่ 4 จะตรงกับวันพระของจริงหรือเปล่า
ผมลองเขียนโปรแกรม แล้วปรากฏว่า ไม่ตรงกับปฏิทินในแต่ละปีเลยครับ เพราะวันพระไทยจะมีสูตรคำนวณคร่าวๆ ดังต่อไปนี้ครับ
http://larndham.net/...o.pl/005449.htm
------------------------------------------
"ปีที่แบ่งตามรอบพระอาทิตย์ (สุริยคติ) มี 2 แบบ คือ
1. ปกติสุรทิน คือ มี 365 วัน
2. อธิกสุรทิน คือ มี 366 วัน (เดือนกุมภาฯมี 29 วัน)
การคำนวน ปีอธิกสุรทิน
ตรงนี้บางท่านจะจำได้แต่เพียง ว่า หาร 4 ซึ่งไม่ใช่แค่นั้นครับ
ความจริงแล้ว จะมีสูตรคำนวณที่ถูกต้องคือ
ให้เอา ค.ศ.ตั้ง แล้วเอา 4 หาร หากหารลงตัวก็ใช่
ยกเว้น 100 หารลงตัว แต่หาก 400 ลงตัวก็ให้นับเป็นอธิกสุรทินด้วย
(เช่น ปี 1900 ไม่เป็นอธิกสุรทิน แต่ปี 2000, 2004 เป็นปีอธิกสุรทิน)
------------------------------------------
ปีที่แบ่งตามรอบพระจันทร์ (จันทรคติ) แบ่งเป็น 3 คือ
1. ปกติมาส-ปกติวาร (บางที่เขียนย่อ เป็น ปกติมาส-วาร)
คือ ปีที่เป็นปกติ มีเดือนคู่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 15 วัน
และมีเดือนคี่ ข้างขึ้น 15 วัน ข้างแรม 14 วัน
รวมวันใน 1 ปี เป็น (30*6+29*6) = 354 วัน
2. ปกติมาส-อธิกวาร (บางที่เรียกเป็น อธิกวาร)
คือ ปีที่เป็นปกติ แต่เดือน 7 จะมีข้างแรม 15 วัน
รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+1 = 355 วัน
3. อธิกมาส-ปกติวาร (บางที่จะเรียกเป็น อธิกมาส)
คือ ปีที่มีเดือนแปดเพิ่มอีกเดือน หรือที่เรียกกันว่า มีเดือนแปดสองหน
รวมวันใน 1 ปี เป็น 354+30 = 384 วัน
และจะไม่มีปีใดที่เป็น "อธิกมาส-อธิกวาร" หรือ
ไม่มีปีไหนที่เป็นทั้งเดือนแปดสองหนและ เดือน 7 เพิ่มอีกวันไปพร้อมๆกัน
*** คำและความหมาย ***
อธิก- (อ่านว่า อะ-ทิ-กะ) ในที่นี้หมายถึง "เกิน, เพิ่ม"
ส่วนคำว่า วาร แปลว่า "วัน"
มาส แปลว่า "เดือน"
คำว่า สุรทิน มาจาก สุร + ทิน
ทิน แปลว่า "วัน"
สุร ในที่นี้น่าจะแปลว่า "พระอาทิตย์"
------------------------------------------
จากตัวเลขเหล่านี้ ทำให้ทราบว่า
ปีปกติพระจันทร์ จึงน้อยกว่าปีปกติพระอาทิตย์อยู่ 365-354 = 11 วัน
เมื่อครบ 3 ปีเลยทำให้มีวันขาดอยู่ 33 วัน
เลยมีการเกิดเป็นปี อธิกมาส หรือมีเดือน 8 เพิ่มอีกหน
ส่วนเศษ 3 ก็มีการกระจัดกระจาย ให้เป็นปี อธิกวารแทน
ได้มีผู้รู้ท่านนึงกล่าวว่า สูตรของปีอธิกมาส จะห่างกันเป็น 3332332 ในทุกๆ 19 ปี
ซึ่งเมื่อลองเปรียบเทียบกับปฏิทินจริง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2400 ถึง 2575
ก็พบว่าคล้ายๆจะมีสูตรเช่นนี้จริง แต่ไม่ลงเสมอไป
และก็ไม่ทราบจะลงว่าปีไหนเป็นปีอธิกวารด้วย
เพราะกระจัดกระจายไม่แน่นอนเหลือเกินครับ"
#4
*....*
โพสต์เมื่อ 07 March 2005 - 09:06 PM
ทำทุกวันไปเลย ......... : )
#5
*หนึ่ง*
โพสต์เมื่อ 09 March 2005 - 09:02 AM
ผมว่าอย่าไปสนใจกับวันเวลามากนักเลยครับ มันคลาดเคลื่อนกันได้ คุณเจ้าของกระทู้ถามมาแบบ จะเอาตรงเป๊ะๆ อะไรเรียกว่าตรงเป๊ะล่ะครับ ถ้าถามว่าวันพระของอเมริกากับของไทยต่างกันไหม ตอบได้เลยว่าอย่างน้อยๆก็ต่างกัน ๑๒ ชั่วโมง อ้าว..แล้วอย่างนี้จะเริ่มนับวันพระกันที่ประเทศไหนดีครับ และจะสิ้นสุดวันพระที่ประเทศไหนดี ไทยหรืออเมริกา เห็นไหมล่ะครับ
อีกอย่างดูเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ จะเข้าใจคลาดเคลื่อน คุณครูไม่ใหญ่ท่านไม่เคยบอกนะครับ ว่าต้องทำบุญเฉพาะวันพระวันเดียวเท่านั้น สัตว์นรกในยมโลกถึงจะรับบุญได้ ถ้าทำบุญวันอื่นสัตว์นรกจะรับไม่ได้ ท่านไม่เคยบอกเลยแน่ๆครับ
ท่านบอกแต่เพียงว่าในวันพระ ยมโลกจะหยุดทัณฑ์ทรมาน ซึ่งจะทำให้สัตว์นรกในยมโลกรับบุญที่เราอุทิศไปให้ได้ ถ้าเราทำบุญวันพระพอดีแล้วอุทิศไปให้ สัตว์นรกก็จะสามารถรับบุญได้ทันทีเนื่องจากหยุดทัณฑ์ทรมาน
หากเราทำบุญวันอื่นที่ไม่ใช่วันพระ สัตว์นรกจะไม่สามารถรับบุญได้ทันที เนื่องจากโดนทัณฑ์ทรมานอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับนะครับ บุญที่เราอุทิศไปให้จะไปรออยู่ พอถึงวันพระ ที่ยมโลกหยุดทัณฑ์ทรมาน ก็จะสามารถรับบุญที่รออยู่ได้ ให้เข้าใจใหม่ตามนี้นะครับ เดี๋ยวจะคลาดเคลื่อน
ดังนั้นจะทำบุญวันไหนก็ทำเถอะครับ แล้วอุทิศไปให้ รับรองถึงแน่ๆ ทำทุกวันยิ่งดีใหญ่ ไม่ต้องมารอทำวันพระวันเดียว คือทำแค่สัปดาห์ละครั้ง เพราะบุญควรสั่งสมทุกวัน ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา และการกระทำต่างๆในบุญกริยาวัตถุ๑๐ ล้วนเป็นบุญที่น่าสั่งสมทั้งสิ้นครับ "การสั่งสมบุญ นำสุขมาให้"
บุญรักษาและขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
อีกอย่างดูเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ จะเข้าใจคลาดเคลื่อน คุณครูไม่ใหญ่ท่านไม่เคยบอกนะครับ ว่าต้องทำบุญเฉพาะวันพระวันเดียวเท่านั้น สัตว์นรกในยมโลกถึงจะรับบุญได้ ถ้าทำบุญวันอื่นสัตว์นรกจะรับไม่ได้ ท่านไม่เคยบอกเลยแน่ๆครับ
ท่านบอกแต่เพียงว่าในวันพระ ยมโลกจะหยุดทัณฑ์ทรมาน ซึ่งจะทำให้สัตว์นรกในยมโลกรับบุญที่เราอุทิศไปให้ได้ ถ้าเราทำบุญวันพระพอดีแล้วอุทิศไปให้ สัตว์นรกก็จะสามารถรับบุญได้ทันทีเนื่องจากหยุดทัณฑ์ทรมาน
หากเราทำบุญวันอื่นที่ไม่ใช่วันพระ สัตว์นรกจะไม่สามารถรับบุญได้ทันที เนื่องจากโดนทัณฑ์ทรมานอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับนะครับ บุญที่เราอุทิศไปให้จะไปรออยู่ พอถึงวันพระ ที่ยมโลกหยุดทัณฑ์ทรมาน ก็จะสามารถรับบุญที่รออยู่ได้ ให้เข้าใจใหม่ตามนี้นะครับ เดี๋ยวจะคลาดเคลื่อน
ดังนั้นจะทำบุญวันไหนก็ทำเถอะครับ แล้วอุทิศไปให้ รับรองถึงแน่ๆ ทำทุกวันยิ่งดีใหญ่ ไม่ต้องมารอทำวันพระวันเดียว คือทำแค่สัปดาห์ละครั้ง เพราะบุญควรสั่งสมทุกวัน ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา และการกระทำต่างๆในบุญกริยาวัตถุ๑๐ ล้วนเป็นบุญที่น่าสั่งสมทั้งสิ้นครับ "การสั่งสมบุญ นำสุขมาให้"
บุญรักษาและขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
#6
*ดรัณภพ*
โพสต์เมื่อ 09 March 2005 - 10:49 AM
ผมเห็นด้วยกับคุณหนึ่งนะครับ แต่ก็อยากจะทราบเหมือนกันครับว่ายมโลกหยุดทำงานกันวันไหน เท่านั้นเองครับ เพราะถ้าวันพระไม่ตรงกันในแต่ละประเทศ ยมโลกคงไม่หยุดทำงานตลอดนะครับ
ผมคิดว่าวันพระไหนที่ยมโลกหยุดทำงาน วันนั้นก็เป็นวันพระที่น่าจะถูกต้องที่สุดไหมครับ
ผมคิดว่าวันพระไหนที่ยมโลกหยุดทำงาน วันนั้นก็เป็นวันพระที่น่าจะถูกต้องที่สุดไหมครับ
#7
*Guest*
โพสต์เมื่อ 09 March 2005 - 11:14 AM
พวกท่านไม่ต้องห่วง เด๋วเราจะไปค้นมาให้
แต่ว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นพระเลยอ่ะ ดวงก็ยังไม่เห็น เอาใจช่วยด้วยนะค๊าบ
แต่ว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นพระเลยอ่ะ ดวงก็ยังไม่เห็น เอาใจช่วยด้วยนะค๊าบ
#8
โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 04:50 PM
ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นนะคะ สาธุ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง
#9
โพสต์เมื่อ 29 January 2007 - 08:20 AM
กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ