ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

กำเนิดโน๊ตดนตรี


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 29 March 2006 - 04:30 PM

ลองอ่านดูนะคะ อ่านแล้วนึกถึงตอนที่พระพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลกแล้วเคร่องดนตรีเล่นเอง เครื่องประดับเล่นดนตรี แล้วก็สัตว์ร้องเพลงค่ะ

เสียงเป็นเรื่องของศิลปศาสตร์ โดยใช้หูของคนเราเป็นเครื่องวัด หูของคนเราสามารถฟังเสียง ต่างๆ เป็นทำนอง (Melody) และลีลา (Movement) ได้ ดังนั้นถือเป็นการเริ่มต้นของดนตรีที่ให้ เสียงทั้งหลายเข้ามากระทบและเปรียบเทียบความแตกต่างของเสียงได้

ในคัมภีร์วชิรสารัตถสังคหะ ซึ่งเป็นคัมภีร์ใบลาน จารึกไว้เป็นภาษาขอม กำหนดที่มาของ เสียงดนตรีให้มีระดับสูง-ต่ำ เป็น 7 เสียง และกำหนดตัวแทนจากสัตว์ 7 ชนิด เป็นสัญลักษณ์ แทนเสียงดนตรี จากเสียงต่ำไปหาเสียงสูง ดังนี้

เสียงแรก คือ เสียงโด เป็นเสียงร้องที่ต่ำสุด เกิดจากเสียงหกเสียงมารวมกันเป็นเสียงเดียว เสียงโดนี้ กำหนดให้เป็นเสียงร้องของนกยูง เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง เนื่องจากนกยูงเป็นนก ขนาดใหญ่ มีขนงดงามเป็นสี่เหลี่ยม ขนหางเป็นแวว ในศาสนาพราหมณ์ นับถือนกยูงว่าเป็น พาหนะทรงของพระสรัสวดี เจ้าแม่แห่งการดนตรีและขับร้อง จึงให้เสียงร้องของนกยูงเป็นเสียงแรก และเป็นเสียงสำคัญที่สุด ในบรรดาเสียงดนตรีทั้ง 7 เสียง

เสียงที่สอง คือ เสียงเร ได้กำหนดให้เสียงร้องของโค เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง เพราะว่า โคเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มาแต่บรรพกาล มีประโยชน์ในการใช้แรงงานและให้น้ำนม เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับมนุษย์อีกด้วย นอกจากนี้โคยังมีบทบาทสำคัญหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พระพุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ หรือในพิธีการต่างๆ ดังนั้นเสียงร้องของโคได้ถูกกำหนดให้ เป็นเสียงดนตรี เสียงที่สอง คือ เสียงเร

เสียงที่สาม คือ เสียงมี ได้กำหนดเสียงร้องของแพะ เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง เนื่องจาก ในสมัยพุทธกาลที่แคว้นคันธาระ มีเมืองหลวงชื่อ ตักกสิลา ซึ่งเมืองนี้มีชื่อเสียงในฐานะนครแห่ง วิทยาการ บรรดาพวกกษัตริย์ พราหมณ์ จะส่งบุตรหลานมาเรียนที่เมืองนี้ และสำเนียงพูดของคน ในแคว้นนี้ มีเสียงเล็กแหลมคล้ายเสียงของแพะ นอกจากนี้ นมแพะเป็นอาหารที่มีประโยชน์เช่นเดียว กับนมโค คนในวรรณะแพศย์ใช้หนังแพะเป็นเครื่องนุ่งห่ม จึงได้นำเสียงแพะนี้เป็นเสียงดนตรีเสียง ที่สาม คือ เสียงมี

เสียงที่สี่ คือ เสียงฟา ได้กำหนดเสียงร้องของนกกระเรียน เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง เนื่องจากนกกระเรียนเป็นนกมงคล คนจีน คนญี่ปุ่น นิยมเลี้ยงไว้ในสวนหรือถ้าไม่ได้เลี้ยงก็จะหล่อ รูปนกกระเรียนไว้ในบ้าน ดังนั้นเสียงร้องของนกกระเรียน จึงถูกกำหนดให้เป็นเสียงที่สี่ คือ เสียงฟา

เสียงที่ห้า คือ เสียงซอล ได้กำหนดให้เสียงร้องของนกกาเหว่า เป็นสัญลักษณ์ประจำ เสียงซอล เนื่องจากนกกาเหว่า เป็นนกที่มีเสียงไพเราะ มีความถี่ของเสียงคงที่สม่ำเสมอ ไม่สูง ไม่ต่ำ ไม่ว่าจะอยู่ในระยะใกล้หรือไกล ไม่เหมือนกับนกชนิดอื่น จึงกำหนดให้เสียงนกกาเหว่า เป็น สัญลักษณ์แทนเสียงดนตรีเสียงที่ห้า คือ เสียงซอล

เสียงที่หก คือ เสียงลา ได้กำหนดให้เสียงร้องของม้า เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง เพราะว่า เสียงลา เป็นเสียงที่ขึ้นนาสิก อยู่ในระดับเสียงค่อนข้างสูงเหมือนเสียงม้าร้อง นอกจากนี้ในสมัย โบราณ มนุษย์ได้คุ้นเคยอยู่กับม้า ซึ่งเป็นพาหนะที่ดีของมนุษย์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงกำหนดเสียงร้อง ของม้าเป็นเสียงที่หก คือ เสียงลา

เสียงที่เจ็ด คือ เสียงที ได้กำหนดให้เสียงร้องของช้าง เป็นสัญลักษณ์ประจำเสียง ซึ่งเสียง ทีนับเป็นเสียงที่สูงที่สุด เสียงที่ออกมาจะต้องเปล่งออกให้เต็มเสียง เหตุที่กำหนดเสียงร้องของช้าง เป็นเสียงดนตรีเสียงที่เจ็ด เพราะช้างเป็นสัตว์ที่ทำคุณประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล ทั้งใช้ในการ ทำสงคราม การเกษตร และยังเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งศิลป์ทั้งหลาย

จากการที่กำเนิดเสียงดนตรีเป็นเจ็ดเสียงนั้น จึงมีการกำหนดเสียงของดนตรีไทยและเสียง ของดนตรีสากลให้มีเจ็ดเสียงเท่ากัน แต่ระดับการวางเสียงจะผิดกัน เสียงของดนตรีไทยวางเสียงไว้ เจ็ดเสียงเท่ากันหมด ไม่มีครึ่งเสียง ส่วนของดนตรีสากลมีเสียงเต็มอยู่ห้าเสียง และมีเสียงครึ่งอยู่ สองเสียง คือ ระหว่างเสียงมีกับเสียงฟา และระหว่างเสียงทีกับเสียงโด ดังนั้น การเอาดนตรีสากล มาเล่นปนกับดนตรีไทย อาจทำให้เสียงเพี้ยนได้



--------------------------------------------------------------------------------


:: ( S O U R C E : dontrithai.com )* ::



มีภาพนกยูงขาวมาฝากค่ะ
แต่ไม่มีตอนมันกินกล้วยนะคะ

ไฟล์แนบ



#2 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 03:24 AM

โอ สวย จริงๆคะ บริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ
อืม ความรู้ใหม่เลย
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 02:48 PM

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#4 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 09:06 PM

นกยูงขาวเพิ่งเคยเห็นชัดๆ นี่แหละครับสา....ธุ
ดูไปดูมาหน้าเหมือนไก่ไหว้เจ้าเลยครับ 555+
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#5 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 30 March 2006 - 09:40 PM

QUOTE
นกยูงขาวเพิ่งเคยเห็นชัดๆ นี่แหละครับสา....ธุ
ดูไปดูมาหน้าเหมือนไก่ไหว้เจ้าเลยครับ 555+

แล้วกัน
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#6 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 12:32 AM

ชมคุณ muralath ที่เอาความรู้ใหม่ๆมาฝากกันอีก

และขอชมว่าสวยจริงๆค่ะ ขาวนวลสง่างามเหลือเกินนะภาพนั้นหนะ
(นกยูง นะคะ)