เพ่น้องครับ : พวกกายละเอียดเค้าคุยกันภาษาไหนครับ
#1
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 11:09 AM
แล้วเวลา พระพุทธเจ้าท่านเทศน์โปรดพวกไม่ใช่มนุษย์ ท่านโปรดด้วยภาษาไหนครับ
#2
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 11:47 AM
ในวิชชาธรรมกายเขาทำกันอย่างนี้ครับ เราเอา ดวงเห็น ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้ ทั้ง 4 ดวงนี้เรียกว่า ใจ เอาดวงเห็น จำ คิด รู้ ของเราไปซ้อนกับดวงเห็น จำ คิด รู้ของสัตว์ตัวที่เราต้องการฟัง ตรงนี้ต้องอาศัยความหยุด ความนิ่งของใจ หยุดนิ่งให้ดี หยุดนิ่งตรงจุดเล็กใสเท่าปลายเข็มกลางดวงเห็น จำ คิด รู้ ของเราและของสัตว์ที่เราต้องการฟังเราก็จะได้ยินเสียงสัตว์ตัวนั้นว่าพูดอะไร
มีเรื่องสนุกจะเล่าให้ฟังนะครับ มีอยู่ท่านนึงเขาฝึกเด็กๆ ให้เป็นธรรมกาย และสอนให้ฟังเสียงสัตว์พูดกัน แต่เขาก็อยากให้คนอื่นที่ไม่รู้ได้เข้าใจว่าฟังได้จริงๆ ท่านก็ทดสอบโดยเอาข้าวเปลือกผสมเกลือ หว่านลงไปให้นกที่บ้าน นกมันบินลงมากิน แล้วเรียกเด็กที่เป็นธรรมกายให้มาฟังว่านกมันพูดอะไรกัน (ซึ่งเด็กไม่ทราบมาก่อนมาข้าวผสมเกลืออยู่) เด็กก็นั่งเข้าที่ สักพัก ก็ลืมตาบอกว่า นกมันพูดว่า "บ้านนี้ข้าวเค็มจังเลย"
หลักการนี้ใช้ได้ทุกกรณีนะครับ ไม่ว่าจะฟังเสียงเปรต เทวดา หรือแม้กระทั่งฟังพระพุทธเจ้าบนนิพพานตรัส ก็ใช้วิธีการเดียวกัน อาศัยความหยุด ความนิ่ง ความใสของใจเป็นสำคัญ ถ้าหยุด นิ่ง ใสไม่ดีจริงจะฟังไม่ได้ยินครับ
อ้อ...แม้แต่ฟังว่าคนที่เราคุยอยู่เขาคิดอะไรในใจก็ใช้หลักการเดียวกันครับ
ภาษาใจเป็นภาษาสากล เราจึงสามารถฟังสัตว์โลกทุกภพภูมิออกหมด และก็สามารถคุยกับเขาด้วยภาษาใจได้หมด เฉพาะพวกกายละเอียดนะครับ พวกกายหยาบเราฟังเขาคุยกันได้แต่เราคุยกับเขาไม่ได้ คือคุยกับกายหยาบเขาไม่ได้(ในกรณ๊สัตว์เดรัชฉาน)แต่เราคุยกับกายละเอียดของเขาได้เท่านั้นครับ
#3
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 12:41 PM
#4
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 12:49 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#5
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 01:25 PM
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๗-๒๐
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้แตกฉานซึ่ง
ธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา
อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธรรมะ เวทัลละ
นี้เรียกว่า ธรรมปฏิสัมภิทา, ภิกษุนั้นย่อมรู้แตก
ฉานในอรรถแห่งภาษิตนั้น ๆ ว่า นี้เป็นอรรถแห่ง
ภาษิตนี้, นี้เป็นอรรถแห่งภาษิตนั้น นี้เรียกว่า
อรรถปฏิสัมภิทา.
สภาวธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลเป็นไฉน ?
กามาวจรกุศลจิต เกิดพร้อมด้วยโสมนัส
ประกอบด้วยปัญญา มีรูปเป็นอารมณ์ ฯลฯ มี
ธรรมเป็นอารมณ์ หรือปรารภอารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้น
ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น
ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า สภาวธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล.
ความรู้แตกฉานในธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมปฏิ-
สัมภิทา, ความรู้แตกฉานในวิบากแห่งธรรมเหล่า
นั้น ชื่อว่า อรรถปฏิสัมภิทา.
คำว่า ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป ญาณํ ความว่า ความรู้
แตกฉานในคำพูด คำกล่าว คำที่เปล่งถึงสภาวนิรุตติอันเป็นโวหารที่ไม่
ผิดเพี้ยนทั้งในอรรถและในธรรมนั้น, ในคำพูดอันเป็นสภาวนิรุตติ
ของพระอริยบุคคลผู้ทำสภาวนิรุตติศัพท์ที่เขาพูดแล้ว กล่าวแล้ว เปล่ง
ออกแล้ว ให้เป็นอารมณ์แล้ว พิจารณาอยู่. ในมาคธีมูลภาษาของสัตว์
ทั้งหลายอันเป็นสภาวนิรุตติ เพราะสภาวนิรุตตินั้นบัณฑิตรับรองว่า
เป็นธรรมนิรุตติอย่างนี้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาวนิรุตติ
ชื่อว่า นิรุตติปฏิสัมภิทา.
ด้วยประการฉะนี้ นิรุตติปฏิสัมภิทานี้ ชื่อว่า มีสัททะคือ เสียงเป็นอารมณ์ มิได้มีบัญญัติเป็นอารมณ์. เพราะเหตุไร ? เพราะพระ-
อริยบุคคลได้ยินเสียงแล้วย่อมรู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาว-
นิรุตติ. จริงอยู่ พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา ครั้นเขาพูด
ว่า ผัสโส ก็ย่อมรู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, ครั้นเขาพูดว่า
ผสฺสา หรือ ผสฺสํ ก็ย่อมรู้ว่า นี้มิใช่สภาวนิรุตติ แม้ใน
สภาวธรรมทั้งหลายมีเวทนาเป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน.
ถามว่า ก็พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทานี้จะรู้หรือไม่
รู้คำอื่น คือเสียงแหงพยัญชนะอันกล่าวถึงนาม, อาขยาต, อุปสัค,
และนิบาต.
ตอบว่า พระอริยบุคคลผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทานั้น ครั้นได้
ยินเสียงแล้วก็รู้ว่า นี้เป็นสภาวนิรุตติ, นี้มิใช่สภาวนิรุตติ ด้วย
เหตุสำคัญอันใด, ก็จักรู้คำนั้นด้วยเหตุสำคัญอันนั้น, แต่ข้อนี้มีผู้กล่าว
ปฏิเสธว่า นี้มิใช่กิจของปฏิสัมภิทา แล้วกล่าวว่า ธรรมดาภาษา
สัตว์ทั้งหลายย่อมเรียนเอาได้ แล้วยกอุทาหรณ์นี้ขึ้นมาสาธกว่า
จริงอยู่ มารดาและบิดา เอากุมารน้อยในคราวยังเป็นทารกอยู่
ให้นอนบนเตียงหรือ แล้วพูดภาษานั้น ๆ ทำกิจนั้น ๆ อยู่. ทารกกำหนด
ภาษานั้น ๆ ของมารดาและบิดาเหล่านั้นว่า คำนี้ท่านผู้นี้พูด, คำนี้
ท่านผู้นี้พูด ครั้นวันผ่านมาเวลาผ่านไป ก็ย่อมรู้ภาษาทั้งหมดได้.
มารดาเป็นชาวทมิฬ, บิดาเป็นชาวอันธกะ ทารกของมารดาบิดาเหล่า
นั้น ถ้าได้ยินคำพูดของมารดาก่อน, ก็จักพูดภาษาทมิฬ ถ้าได้ยิน
คำพูดของบิดาก่อนก็จักพูดภาษาอันธกะ. แต่ถ้าไม่ได้ยินคำพูดของมารดา
และบิดาทั้ง ๒ นั้น ก็จักพูดภาษามาคธี๑
แม้ทารกใดเกิดในป่าใหญ่ไม่มีบ้าน คนอื่นที่ชื่อว่าจะพูดด้วย
ก็ไม่มีในที่นั้น, ทารกนั้นเมื่อจะเริ่มพูดตามธรรมดาของตน ก็จักพูด
ภาษามาคธีนั้นแล. ภาษามาคธีมีมากในที่ทั้งปวง คือ ในนรก, ใน
กำเนิดดิรัจฉาน, ในเปตติวิสัย, ในมนุษยโลก ในเทวโลก. บรรดา
ภาษาของสัตว์ในภูมินั้น ๆ ภาษาที่เหลือ เช่น โอฏฏภาษา, กิราตภาษา,
อันธกภาษา, โยนกภาษาและทมิฬภาษาเป็นต้น ย่อมดิ้นได้, มาคธี-
ภาษานี้เพียงภาษาเดียวเท่านั้น นับว่าเป็นพรหมโวหารและอริยโวหาร
ตามเป็นจริง ย่อมไม่ดิ้น.
๑. มาคธิกภาสํ = ภาษาของชนชาวมคธ.
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อจะทรงยกพระพุทธพจน์คือพระ-
ไตรปิฎกขึ้นสู่แบบแผน ก็ทรงยกขึ้นไว้ในภาษามาคธีเท่านั้น. เพราะ
เหตุไร ? ก็เพราะเพื่อจะนำอรรถะมาให้รู้ได้โดยง่าย. จริงอยู่ พระ-
พุทธพจน์ที่ยกขึ้นสู่แบบแผนด้วยมาคธีภาษา ยังไม่บรรลุถึงคลองแห่ง
โสตประสาทของพระอริยบุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทานั้น เป็นการเนิ่นช้า.
แต่เมื่อโสตประสาทพอพระพุทธพจน์กระทบแล้วเท่านั้น เนื้อความก็
ปรากฏตั้งร้อยนัย พันนัย. ก็พระพุทธพจน์ที่ยกขึ้นสู่แบบแผ่นด้วย
ภาษาอื่น ก็ย่อมต้องเรียนเอาแบบตีความแล้วตีความเล่า. อันธรรมดาว่า
การเรียนพระพุทธพจน์แม้มากมายแล้วบรรลุปฏิสัมภิทา ย่อมไม่มีแก่
ปุถุชน, แต่พระอริยสาวกที่จะชื่อว่าไม่บรรลุปฏิสัมภิทานั้น ย่อมไม่มีเลย.
Someday I'm gonna be free.
#6
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 01:35 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#7
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 01:47 PM
หุๆ จากอรรถกถาข้างบน บอกไว้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ภาษามคธ(บาลี) ในการแสดงธรรมเสมอครับ แล้วยังบอกอีกว่า ภาษามคธ เป็นภาษาที่ใช้กันมาก ในนรก, ในกำเนิดดิรัจฉาน, ในเปตติวิสัย, ในมนุษยโลก ในเทวโลก.
ก็รับฟังไว้เป็นความรู้ครับ เป็นการอธิบายความ ของอรรถกถาจารย์ ส่วนของจริงจะเป็นอย่างไรนั้น พิสูจน์ได้ ๒ แบบครับ คือ ปฏิบัติธรรมจนเกิด ธรรมจักขุและญาณทัสสนะ เพื่อไปรู้ไปเห็น ไปพิสูจน์ดู กับ ลองตายดู อย่างที่คุณสิริปโภ บอกครับ หุๆ
Someday I'm gonna be free.
#8
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 01:53 PM
คำถามคือ ภาษาใจที่เราพูดในใจถ้าเป็นคนไทยก็คงพูดภาษาไทยในใจ ถ้าฝรั่งก็คงพูดภาษาอังกฤษในใจ ถ้าญี่ปุ่นก็คงพูดภาษาคันจิในใจ ถ้าเป็นแมวก็คงพูดภาษาแมวในใจ หมาก็คงเช่นกันมันคงมีภาษาของมันเห่าอยู่ในใจครับ
ผู้ที่จะรู้ภาษาคน ภาษาสัตว์หรือภาษาเทวดา พรหม หรือสัตว์ในอบายได้ก็คงจะมีแต่พระอริยเจ้าระดับปฏิสัมภิทาญาณหรือพระพุทธเจ้าเท่านั้นหละครับ
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#9
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 02:18 PM
#10
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 02:42 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#11
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 03:34 PM
#12
โพสต์เมื่อ 01 April 2006 - 07:40 PM
เพราะง่าย ฟังรู้เรื่อง ไพเพราะอีกต่างหาก
#13
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 01:42 PM
เห็นด้วยกับคุณใสแจ๋วค่ะ
ถ้าเราเอาใจดิ่งลงที่ศูนย์กลางกาย แล้วพูดภาษาไทยออกมา แม้นแต่คนชาติใดก็ตามก็รู้สึกเหมือนว่าเค้าเข้าใจเรา
ยกตัวอย่างใกล้ๆตัวเลยนะคะ ที่แมรี่ได้ทราบจากการรับบุญแปลเคส ช่วยทำ English Subtitle
การตอบสนองของชาวต่างชาติที่ได้ดู DMC เกือบ 100% ชอบฟังเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นภาษาไทย
แล้วมี Subtitle ภาษาของเค้าอยู่ข้างล่างมากกว่า การฟังคนแปลทับเสียงคุณครูไม่ใหญ่
พวกเค้ารู้สึกดี และยอมรับว่า เสียงของคุณครูไม่ใหญ่มีพลังที่เข้าถึงส่วนลึกในใจพวกเค้า
แม้นจะฟังไม่ออกเพราะเป็นภาษาไทย แต่ก็รู้สึกเหมือนเข้าใจว่าท่านกำลังสื่อสารอะไรอยู่กับพวกเค้า
แต่พวกเค้อาจจะตอบไม่ได้ว่าจริงๆแล้วท่านพูดอะไร แต่ก็มีผลในจิตใจบางอย่างที่ทำให้เชื่อฟังตาม
เหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างลึกๆ คุ้นเคยกับเสียงแบบนี้ (ซึ่งพวกเราเองก็เป็นกันใช่ไหมคะ)
ที่พวกเค้าอยากได้ Subtitle เพราะว่าจะได้เก็บรายละเอียดความรู้ ความจริง ข่าวสาร ที่ทำให้พวกเค้า
ควรได้เรียนรู้ที่จะมีส่วนร่วมกับหมู่คณะ และเรียนรู้เพิ่มเติมความจริงของชีวิตจากคุณครูไม่ใหญ่ได้มากขึ้นค่ะ
#14
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 04:04 PM
ส่วนที่สวรรค์ชั้นสูงๆ จะพูดภาษาสวรรค์ ก็คือ ภาษาใจนั่นเอง ดังนั้น ถ้าเป็นชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมตั้งแต่กายละเอียด ภุมมเทวา ภูต ผี ปีศาจ จะพูดภาษาของประเทศที่กายละเอียดนั้นๆ อยู่ครับ แต่พอสวรรค์ชั้นสูงขึ้นมา คือ ดาวดึงส์ เหล่าเทพจะพูดภาษาสวรรค์ครับ
#15
โพสต์เมื่อ 02 April 2006 - 10:53 PM
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้
#16
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 12:33 AM
นึกเป็นภาษาอังกฤษค่ะ บางทียังฝันเป็นภาษาอังกฤษเลย ฮ่า ๆ ๆ
ยกเว้นแต่เวลาคิดเลขเท่านั้นค่ะที่ยังต้องคิดเป็นภาษาไทยอยู่ เช่นเวลาท่องสูตรคูณอะไรทำนองนี้ เคยได้ยินมาว่าหากจะดูว่าใครมีภาษาใดเป็นภาษาแม่ (native speaker) ให้ดูเวลาเขาคิดเลขค่ะ
แปลกแต่จริง
#17
โพสต์เมื่อ 03 April 2006 - 02:53 PM
คนไทยที่พูดอังกฤษเร็วปรื๋อ อยู่ต่างประเทศ วันๆเจอแต่ฝรั่ง เวลานึกในใจ เค้าคิดเป็นภาษาอะไรอ่ะครับ
นึกเป็นภาษาอังกฤษค่ะ บางทียังฝันเป็นภาษาอังกฤษเลย ฮ่า ๆ ๆ
ยกเว้นแต่เวลาคิดเลขเท่านั้นค่ะที่ยังต้องคิดเป็นภาษาไทยอยู่ เช่นเวลาท่องสูตรคูณอะไร
ทำนองนี้ เคยได้ยินมาว่าหากจะดูว่าใครมีภาษาใดเป็นภาษาแม่ (native speaker) ให้ดูเวลาเขาคิดเลขค่ะ
แปลกแต่จริง
อืม จริงๆๆ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#18
โพสต์เมื่อ 04 April 2006 - 12:33 AM
#19
โพสต์เมื่อ 05 April 2006 - 07:19 PM
#20
โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 02:39 AM
แต่เคยฟังมาแล้ว หลวงพี่บอกว่า มี 2 ภาษา ครับ
1.ภาษาใจ
2.ภาษาบาลี