จะต้องการอะไรยิ่งไปกว่า
ต้องการเห็นแต่ความงามนัยน์ตา
ต้องการกลิ่นสุคนธาที่ยวนใจ
กลิ่นกุหลาบซาบซ่านฆานประสาท
กลิ่นใดอาจเทียมเทียบเปรียบเท่าได้
เป็นกลิ่นซึ่งพึงหน่วงดวงหทัย
ให้ใฝ่ในเสน่หากามารมณ์
ความสำราญบานใจไม่มีค่า
เท่าเห็นกายาหญิงไร้สิ่งห่ม
เพราะได้เห็นรูปโฉมน่าโลมชม
ด้วยความกลมกล่อมสะอางอย่างยียวน
ความกลมกล่อมย่อมนำความกำหนัด
เร้ามนัสเร้าตัณหาพาปั่นป่วน
เร้าโลหิตเร้ากระสันให้รัญจวน
ทั้งสิ้นล้วนเร้าใจให้เฟื่องฟู
ฤทธิเร้าเตือนเหมือนได้ไปสวรรค์
คือภพชั้นที่พระเจ้าอยากเข้าสู่
ก็เหตุใดโคดมบรมครู
จึงไม่รู้ทางไปที่คล้ายกัน
กลับมานั่งทรกรรมทนลำบาก
เว้นเสียจากเร้าใจให้กระสัน
หรือสุขกามารมณ์ไม่สมกัน
กับสวรรค์สุขซึ่งจะพึงดล
ใครเดือดร้อนเพราะกรนารีกอด
สำออยออดให้สุขทุกขุมขน
สุขเช่นนี้ควรใฝ่หาใส่ตน
ทั้งสากลภพหล้าหาง่ายเอย ”
*** เทพธิดา แห่งท้าววัสสวัตตีมาร กล่าวเว้าวอนออดอ้อนพระมหาสัตว์ ในวันตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ปริเฉทที่ ๖ มารวิชัย อภิสัมโพธิกถา
จากหนังสือ Ligth of Asia ( ประทีปแห่งทวีปอาเซีย )
ผู้แต่ง : Sir Edwin Arnold (first published 1879)
ผู้แปล : เจ้าศักดิ์ประเสริฐ นครจำปาศักดิ์ ๒๔๘๓