ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ปริศนาแห่งความฝัน ตอนที่ 8


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 2 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 04:06 PM

ปริศนาแห่งความฝัน ตอนที่ 8

๓.๗ พระสุบินนิมิตของพระนางสิริมหามายา

ในคัมภีร์สารัตถทีปนี ฎีกาพระวินัยปิฎก ภาค ๓ หน้า ๕ และคัมภีร์ชาตกัฏฐกถาภาค ๑ หน้า ๗๙
ท่านพรรณนาว่า
ในราตรีที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จจากสวรรค์ชั้นดุสิต ลงสู่ปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายาเทวี
เวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง พระนางสิริมหามายาเทวี ก็ทรงพระสุบินว่า

ท้าวจตุมหาราชทั้ง ๔ มายกพระองค์ไปกับทั้งพระแท่นบรรทม นำไปสู่ป่าหิมพานต์ประดิษฐานไว้
ณ เบื้องบนศิลาใหญ่ ประมาณ ๖๐ โยชน์ ภายใต้ต้นรังใหญ่ต้นหนึ่ง สูงประมาณ ๗ โยชน์ แล้วมีนางเทพธิดามาเชิญเสด็จให้ลงสรงน้ำในสระอโนดาต เพื่อชำระล้างให้สิ้นมลทินแห่งมนุษย์แล้ว ให้ทรงผลัดด้วยผ้าทิพย์ประดับพระกายด้วยทิพยบุบผาชาติ
ในที่ใกล้สระนั้น มีภูเขาเงินลูกหนึ่ง และมีวิมานทองสถิตอยู่ภายในภูเขานั้น
จึงเชิญเสด็จขึ้นไปภายในวิมานทองนั้น ปูลาดที่นอนทิพย์แล้ว ให้บรรทมบ่ายพระเศียรไปทางทิศตะวันออก
ณ ที่ใกล้ภูเขาเงินนั้น มีภูเขาทองลูกหนึ่ง และมีช้างเผือกเชือกหนึ่ง เที่ยวอยู่บนภูเขาทองนั้น
แล้วลงจากภูเขาทอง ขึ้นมาบนภูเขาเงิน จับปทุมชาติสีขาวเพิ่งบานใหม่ มีกลิ่นหอมฟุ้งตลบ
แล้วร้องบันลือเสียงเข้าไปภายในวิมานทอง กระทำประทักษิณ (เวียนขวา) พระองค์ (คือพระนางสิริมหามายา) ๓ รอบ แล้วปรากฏเหมือนเข้าไปในพระอุทรข้างขวาของพระนางสิริมหามายา ๆ ก็ตื่นจากพระบรรทม
และพระบรมโพธิสัตว์ ก็ได้เสด็จลงสู่ปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระนางสิริมหามายา ในขณะนั้นพอดี


ครั้นรุ่งเช้า พระนางสิริมหามายา จึงทูลพระสุบินนิมิต แด่พระเจ้าสุทโธทนะพระราชสามี
พระเจ้าสุทโธทนะจึงให้พราหมณ์โหราจารย์รวม ๖๔ คนเข้าเฝ้า แล้วตรัสเล่าพระสุบินนิมิตแห่งพระราชเทวีให้พยากรณ์ว่า
จะร้ายดีประการไร พราหมณ์โหราจารย์เหล่านั้น ก็ทูลพยากรณ์ว่า
ขอพระองค์อย่าทรงปริวิตกไปเลย พระสุบินนี้ประเสริฐยิ่งนัก พระราชเทวีจะทรงพระครรภ์ และพระราชโอรสในพระครรภ์นั้น จะเป็นอัครบุรุษประเสริฐยิ่ง มิได้เป็นสตรี จะมีอานุภาพมาก
ถ้าดำรงอยู่ในฆราวาสวิสัย จะได้เป็นบรมจักรพรรดิ
ถ้าออกผนวช จักได้ตรัสเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๓.๘ พระสุบินของพระเจ้าสุทโธทนะ
ในหนังสือประทีปแห่งเอเชีย ซึ่งเซอร์ เอดวินอาร์โนลด์ประพันธ์
เล่าถึงเรื่องพระเจ้าสุทโธทนะทรงพระสุบิน ๗ ข้อนั้น คือ

๑. ทรงนิมิต เห็นธงชักขึ้นเป็นสง่าผ่าเผยธงหนึ่ง ซึ่งดวงอาทิตย์แจ่มจรัสเป็นสีทองฉายมา
แต่ภายหลังมีลมพัดมา จนธงนั้นขาดเป็นชิ้น ๆ แล้วก็โบกให้ตกลงในธุลี
ต่อมามีเทวดาเหาะลงมาเก็บธงนั้น แล้วนำมาวางที่ทิศตะวันออกแห่งประตูเมือง

ฤาษีพยากรณ์ว่า ธงที่ปลิวไสวสง่าผ่าเผย เป็นเครื่องหมายแสดงว่าพระอินทร์
ที่ทอดพระเนตรเห็นธงนั้นขาดและปลิวลงมานั้น หมายถึงวาระที่สุดแห่งการเชื่อถือลัทธิประเพณีเก่า


๒. ทรงนิมิตเห็นคชสาร ๑๐ เชือก งาเป็นเงิน คชสารเหล่านั้น เดินทางมาจากทิศใต้
สิทธัตถะเป็นผู้นั่งเหนือคชสารเชือกที่ ๑ ส่วนเชือกอื่น ๆ เดินตามหลัง

ฤาษีพยากรณ์ว่า คชสาร ๑๐ เชือก ที่ทำให้พื้นธรณีสั่นนั้น หมายถึงพระบารมี ๑๐ ทัศ และด้วยอำนาจพระบารมี ๑๐ นี้เอง พระราชโอรสจักทรงสละราชธานีของพระองค์ และทรงทำให้โลกสนั่นหวั่นไหว โดยทรงทำให้โลกได้บรรลุถึงสันติสุข


๓. ทรงนิมิตเห็นราชรถ อันแพรวพราวด้วยรัศมีรุ่งโรจน์ เทียมด้วยพาชี ๔ตัว ซึ่งพ่นควันขาวออกจากจมูก
และเคี้ยวฟองซึ่งเป็นไฟ สิทธัตถะนั่งอยู่บนราชรถนั้น

ฤาษีพยากรณ์ว่า ม้าทั้ง ๔ ที่เทียมรถ พ่นลมหายใจออกมาเป็นไฟนั้น หมายถึงอริยสัจ ๔
ซึ่งจะพาให้พระราชโอรสของพระองค์ พ้นจากความกังขาและความมืด ไปสู่แสงสว่างแห่งบุญบารมี


๔. ทรงนิมิต เห็นลูกล้อ ซึ่งหมุนมิได้หยุด ดุมเป็นทอง สลับด้วยรัศมีแห่งมณีรัตน์ซึ่งประดับไว้
และมีสิ่งแปลกประหลาดที่เขียนไว้ ณ กรอบลูกล้อ และล้ออันนี้เอง
ขณะที่กำลังหมุนอยู่ เกิดเป็นไฟและดนตรี

ฤาษีพยากรณ์ว่า ล้อซึ่งหมุนมิได้หยุด ดุมเป็นทอง สลับด้วยรัศมีแห่งมณีรัตน์ซึ่งประดับไว้นั้น
หมายถึงพระวินัยอันบริสุทธิ์ ซึ่งจะหมุนให้ประจักษ์แก่โลกทั้งมวล


๕. ทรงนิมิตเห็นกลองมหึมา ตั้งอยู่กลางทาง ระหว่างราชธานีและภูเขา
ซึ่งสิทธัตถะได้ตีด้วยท่อนเหล็กจนมีเสียงสนั่น เหมือนฟ้าร้องก้องกระหึ่มไปไกล

ฤาษีพยากรณ์ว่า กลองที่พระราชโอรสตี จนเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทุกทิศนั้น หมายความว่า
พระธรรมโอวาท ซึ่งพระราชโอรสจะทรงสั่งสอน ไพเราะก้องกังวานดุจฟ้าร้อง


๖. ทรงนิมิตเห็นหอคอย ซึ่งสูงขึ้นเสมอ จนแลเห็นได้ทั่วราชธานี สูงตระหง่านดุจหุ้มด้วยก้อนเมฆ
และบนยอดหอคอยนั้น สิทธัตถะนั่งอยู่ พลางหว่านพรรณอันรุ่งโรจน์แห่งบุบผชาติ พลอยและทับทิม
ปวงชนทั้งหลาย ก็มาเบียดเสียดเพื่อเก็บทรัพย์อันมีค่า ซึ่งตกลงทุกหนทุกแห่ง

ฤาษีพยากรณ์ว่า หอคอยซึ่งสูงจนกระทั่งจรดฟ้านั้น หมายถึงความเยี่ยมแห่งพระคัมภีร์ของพระพุทธเจ้า และเครื่องเพชรพลอยซึ่งโปรยลงมาจากหอคอยนั้น คือ
สมบัติอันเกินค่าแห่งพระ ธรรมวินัย
ซึ่งเป็นที่รักของปวงเทวดาและหมู่มนุษย์ทั้งหลาย และทุกคนที่ต้องการ


๗. ทรงนิมิตว่า ได้ยินเสียงครวญคราง และทอดพระเนตรเห็นคน ๖ คนร้องไห้ และกัดฟัน
กับเอามือปิดปากคร่ำครวญด้วยความสิ้นหวัง

ฤาษีพยากรณ์ว่า คน ๖ คน ซึ่งร้องครวญครางพลางปิดปากนั้น หมายถึงเจ้าลัทธิตัวสำคัญทั้ง ๖
ซึ่งพระราชโอรสจะทรงกระทำให้รู้สึกสำนึกตัว ในความเหลวไหลของเขาด้วยพระบารมีและพระธรรมเทศนา
ซึ่งไม่มีข้อโต้เถียงได้


๓.๙ พระสุบินนิมิต ๕ ข้อ ของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้
ในปัญจมหาสุบินสูตร พระสุตตันตปิฎก ในพระไตรปิฎกฉบับหลวง ภาษาไทย เล่มที่ ๒๒ หน้า ๒๖๗ แสดงว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าถึงพระสุบิน ๕ ข้อ ที่มาปรากฏแก่พระองค์
ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ คือก่อนหน้าตรัสรู้หนึ่งวัน ให้ภิกษุทั้งหลายฟัง และได้ทรงทำนายพระสุิบิันไว้ดังนี้คือ

๑. สุบินว่า พระองค์เสด็จบรรทมหงายเหนือพื้นมหาปฐพี ต่างที่พระยี่ภู่ มีพระยาเขาหิมพานต์บรรพต
ปรากฏเป็นเขนยหนุนพระเศียร พระหัตถ์ข้างซ้าย พาดหยั่งลงไปในมหาสมุทรข้างทิศตะวันออก
พระหัตถ์ขวา พาดหยั่งลงไปในมหาสมุทรข้างทิศตะวันตก
พระบาททั้งสองข้าง ก็เหยียดหยั่งลงไปในมหาสมุทรข้างทิศใต้
ทรงทำนายว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันประเสริฐ หาสิ่งใดเสมอมิได้


๒. สุบินว่า หญ้าแพรกเส้นหนึ่ง งอกแต่พระนาภี แล้วเจริญขึ้นไปจนจรดนภากาศ
ทรงทำนายว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้ ประกาศพระอริยมรรคมีองค์ ๘ แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งปวง
๓. สุบินว่า หมู่หนอนทั้งหลาย ล้วนกายอันขาว มีศีรษะดำ ไต่ขึ้นมาแต่ปลายพระบาททั้งสอง
เต็มตลอดปกปิดเสียซึ่งลำพระชงฆ์ จนถึงชานุมณฑล
ทรงทำนายว่า คฤหัสถ์เป็นอันมากซึ่งนุ่งขาว จะพากันมาสู่สำนักของพระองค์ ถึงพระไตรสรณคมน์


๔. สุบินว่า มีนกสี่จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน พวกหนึ่งเหลือง พวกหนึ่งแดง พวกหนึ่งเขียว พวกหนึ่งดำ
บินมาแต่ทิศทั้งสี่ มาจับฟุบลงแทบพระบาท แล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปหมด

ทรงทำนายว่า วรรณะ ๔ เหล่าคือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร์ จะออกจากฆราวาส
มาบรรพชาอุปสมบทในพระธรรมวินัย และจะได้ตรัสรู้วิมุตติธรรมอันประเสริฐยิ่ง


๕. สุบินว่า พระองค์เสด็จไปจงกรมอยู่บนยอดเขา อันอากูลไปด้วยอุจจาระ แต่ไม่แปดเปื้อนติดพระบาทเลย
ทรงทำนายว่า พระองค์จะทรงได้ปัจจัยลาภอย่างเหลือเฟือเนืองนิตย์ แต่มิได้มีพระทัยติดข้องในปัจจัยทั้งปวงนั้น


พระสุบินทั้ง ๕ ข้อนี้ เป็นปัจฉิมสุบิน ครั้งสุดท้าย และเป็นปัจจัตตัง
มีปรากฏเฉพาะแก่พระสัพพัญญูบรมโพธิสัตว์ ซึ่งจะได้ตรัสรู้เท่านั้น


จะสังเกตได้ว่า ลักษณะความฝันแบบนี้ เป็นกุศล คือฝันดี
และวิธีทำนายฝันของพระพุทธเจ้าก็ใช้อาการในฝันเป็นสัญญลักษณ์ (Symbol) และตีความสัญญลักษณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เช่น

ลักษณะที่บรรทมแผ่ไปกว้างขวางเป็นสัญญลักษณ์ของการแผ่พระธรรมไปได้กว้างขวาง
อาการงอกงามของหญ้าจากตัวพระองค์ไปจนถึงฟ้า คือไกลมาก สูงมาก
ก็เป็นสัญญลักษณ์ของพระธรรมของพระองค์ ที่แผ่งอกงามไปถึงบุคคลระดับสูงชั้นอินทร์ พรหม


จำนวนมากมายของหนอน เป็นสัญญลักษณ์ของคนจำนวนมากมาย (เหมือนหนอน)
หรือหนอนอาจเป็นสัญญลักษณ์ของบุคคลระดับต่ำ คือ
ยังมีกิเลสเกี่ยวเนื่องอยู่มาก ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อพระองค์

นกสีต่าง ๆ ๔ พวก เป็นสัญญลักษณ์ของวรรณะ ๔ ในอินเดีย ๔ ทิศเป็นสัญญลักษณ์ของทุกหนทุกแห่ง สีขาวเป็นสัญญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ การเข้าใจพระธรรมในข้อนี้ อาจแปลความได้ว่า
ไม่ว่าเป็นคนวรรณะใดก็ตาม มาจากที่ใดก็ตาม มีสิทธิ์ที่จะตรัสรู้ได้เหมือนกัน
เป็นการ#####เรื่องวรรณะของอินเดีย ที่ยกย่องแต่วรรณะสูง ๆ เช่นพราหมณ์ เป็นต้น

ซึ่งพระพุทธองค์จะไม่มีเรื่องวรรณะเข้ามาเกี่ยวข้อง คือพระองค์ให้ความเสมอภาคกับมนุษย์ทั้งมวล
อุจจาระเป็นสัญญลักษณ์ของสิ่งไม่ดี และสิ่งที่พระพุทธองค์เห็นว่าไม่ดีจนเปรียบเหมือนอุจจาระนี้คือ
ลาภสักการะ อามิสต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้คนติดอยู่ในบ่วงกิเลส
ทำให้เกิดปัญหา ความวุ่นวายต่าง ๆ และถ้ายังยินดีในสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่มีโอกาสจะหลุดพ้นจากทุกข์ได้ เช่นเดียวกับปัญหาคอรัปชั่นในสังคมไทยที่เป็นปัญหาสะกัดกั้นไม่ให้สังคมเจริญก้าวหน้าไปได้

ไฟล์แนบ



#2 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 22 August 2006 - 04:44 PM

โห
ช่างหารูปได้ดีจิงๆ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#3 usr20907

usr20907
  • Members
  • 18 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 June 2008 - 11:02 AM

เห็นรูปแล้วปลื้มครับ